แชนนิ่ง เททัม ตกลงเซ็นสัญญารับบทนำใน Gambit ภาคแยก X-Men แล้ว
มีคำพูดหนึ่งในวงการธุรกิจของฮอลลีวู้ดก็คือ “การเจรจาผ่านสื่อ” ซึ่งข่าวกรณีของแชนนนิ่ง เททัม กับทเวนตี้ เซ็นทูรี ฟ็อกซ์ ในโครงการหนัง Gambit อาจเข้าข่ายนั้น ทั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการปล่อยข่าวความขัดแย้งด้านข้อตกลงเพื่อให้เกิดกระแสช่วยในการเจรจา เพราะตามรายงานจากเดอะ ฮอลลีวู้ด รีพอร์เตอร์ บอกว่า ข้อตกลงระหว่างเททัมกับฟ็อกซ์ไม่ได้ขัดแย้งรุนแรงตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้จนถึงขี่นที่เททัมอาจถอนตัว เพราะที่จริงแล้ว เททัมได้ลงทุนตัวเองไปกับโครงการหนังเรื่องนี้มากแล้ว ทั้งในแง่หน้าที่นักแสดงและผู้อำนวยการสร้างของหนัง ซึ่งข่าวปัญหาที่ออกมาอาจได้ช่วยให้ทั้งสองฝ่ายได้เจรจาหาข้อยุติกันได้จนล่าสุดเททัมได้ตกลงเซ็นสัญญญาเป็นที่เรียบร้อย
ในรายงานบอกว่าจุดอ่อนไหวที่ทำให้เกิดการติดขัดในการเจรจาก็คือ “backend compensation” หรือเงินที่จะจ่ายให้หลังจากงานเสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งบางครั้งนักแสดงใหญ่ๆ เช่นโรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ ก็ได้รับเงินส่วนนี้จากงานหนังของมาร์เวลเช่นกัน ที่จะเป็นเงินเปอร์เซ็นต์จากรายได้ภาพยนตร์หลังจากหนังทำเงินได้เท่าทุนสร้างแล้ว อันเป็นการเจรจาปกติทั่วไปที่นักแสดงใหญ่ๆ กับค่ายหนังใหญ่ๆ จะทำกัน ไม่ได้มีอะไรรุนแรง อาจเป็นเรื่องของข้อตกลงว่าเททัมควรจะได้เงินส่วนนี้เท่าไหร่ เพราะแม้เขาจะเป็นนักแสดงใหญ่ก็จริง แต่ Magic Mike XXL ก็พิสูจน์ว่าเขาอาจไม่ใช่ตัวเรียกผู้ชมได้มากมายขนาดนั้น
อีกกรณีหนึ่งที่ต้องพิจารณาก็คือ ตัวละคร Gambit ของเททัมจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับจักรวาล X-Men ในฉบับภาพยนตร์ขนาดไหน เพราะฟ็อกซ์อาจใช้ตัวละครนี้มีบทบาทสำคัญในหนังเรื่องอื่นๆ แบบเดียวกับ Wolverine ของฮิวจ์ แจ็คแมน และอาจใช้แทนหลังจากแจ็คแมนเลิกรับบทแล้ว
Gambit กำกับโดยรูเพิร์ต ไวแอ็ต จาก Rise of the Planet of the Apes ครับ
สตูดิโอต้องพึ่งนักแสดง นักแสดงก็ต้องพึ่งสตูดิโอ เหมือนกับที่ ironman ต้องเป็น robert downey jr เท่านั้น แต่ชื่อของ robert downey jr ก็ยังไม่พอที่จะทำให้ the judge ขายได้
ท่านเขียนแบบเห็นภาพเลย ชอบครับ
ส่วนตัวผมว่า นักแสดงก็เป็นส่วนหนึงที่จะเรียกเงินได้เยอะ แต่หลักๆน่าจะขึ้นอยู่กับบทหนังและแนวของเรื่องมากกว่านะครับ ยกตัวอย่างเช่น โรเบิร์ตที่เล่น iron man ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้ก็ทำรายได้ไม่ถึงพันล้าน หรืออย่างทอม ครูส ที่เล่นหนังบางเรื่องรายได้ก็ไม่ได้มากเช่นกัน (ยกเว้นหนังใหญ่ๆจริงๆ) ทั้งนี้ไม่ได้ติที่นักแสดงครับ เพราะแต่ละคนจริงๆก็เล่นได้ดีทั้งนั้น แต่อย่างแนวของ magic mike มันไม่ได้เจาะกลุ่มคนดูได้เยอะ เมื่อเทียบกับหนังแอ็คชั่น หรือหนังสายลับ หรือหนังซุปเปอร์ฮีโร่ และถ้าเนื้อเรื่องดี เช่นเมื่อเทียบAvengers ทั้งสองภาค คนก็ชื่นชมภาคแรกมากกว่า
เพราะฉะนั้นผมว่าทางค่ายหนังควรพิจารณาตัวเองมากกว่าครับ 555
ถ้าทางค่ายมีเนือเรื่องที่ดี ทีมงานดี รับรองว่านักแสดงนำเรื่องนั้นก็เรียกเรตติ้งได้มากเลย