Ant-Man: ความเห็นหลังชม

ant man new pic 06Ant-Man เป็นหนังที่น่าห่วงเมื่อมองจากเรื่องราวปัญหาระหว่างการถ่ายทำที่ผู้กำกับเอ็ดการ์ ไรท์ ถอนตัวออกไป แล้วเพย์ตัน รี้ด เข้ามารับช่วงต่ออย่างเร่งด่วน แต่ผลลัพธ์โดยรวมแล้วก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ เป็นหนังซูเปอร์สูตรสำเร็จแบบมาร์เวลที่แนวบู๊ปนตลก ที่ผสมการเป็นหนังโจรกรรมเข้าไป ผมพบว่ามันดูได้เพลินๆ มีมุขตลกกระจายตลอดเรื่องที่ช่วยให้ไม่เบื่อ แต่คงจะไม่ใช่หนังที่น่าจดจำ เป็นเพียงหนังที่ดูฆ่าเวลาได้เรื่องหนึ่ง และเป็นเหมือนสะพานที่จะช่วยส่งต่อเฟส 2 ไปเฟส 3 ของมาร์เวลได้อย่างเนียนๆ

หนังทำสำเร็จในแง่การเล่าเรื่อง และแนะนำตัวซูเปอร์ฮีโร่คนใหม่ด้วยลูกเล่นที่ดูเหมือนเป็นสูตรสำเร็จ (อดคิดไม่ได้ว่าถ้าไรท์มากำกับ เราอาจเห็นลูกเล่นที่เป็นลายเซ็นแบบเดียวกับที่เจมส์ กันน์ ทำให้ Guardians of the Galaxy) แต่ยังขาดการสร้างอารมณ์ร่วมทั้งในแง่ความสัมพันธ์ของตัวละครที่ยังไม่ได้เน้นพอจนเกิดอารมณ์ซาบซึ้ง และขาดอารมณ์ตื่นเต้นหรือลุ้นระทึกในภารกิจต่างๆ เพียงแต่มุขตลกที่หยอดเข้ามาทำได้อย่างถูกจังหวะ โดยเฉพาะจากไมเคิล พีนา ในบทลูอิส ที่แทบจะทำให้เขากลายเป็นตัวขโมยซีนเกือบทั้งเรื่อง

แต่ส่วนที่ถือว่าดีกว่าหนังมาร์เวลหลายเรื่องก็คือการช่วยขยายจักรวาลของมัน การเชื่อมโยงกับส่วนอื่นของจักรวาล และการปูสู่หนังมาร์เวลเรื่องต่อไปได้อย่างไม่ทำให้เส้นเรื่องหลักเสียหาย ทั้งยังมีฉากท้ายเครดิตที่คุ้มค่าแก่การรอชมสำหรับแฟนบอยมากๆ กว่าหนังหลายเรื่องในระยะหลัง

เพื่อนผู้อ่านเว็บที่ชมแล้วรู้สึกยังไงกับ Ant-Man บ้างครับ พอใจในระดับไหน ชอบในระดับไหนถ้าเทียบกับหนังมาร์เวลด้วยกัน หรือในหนังมาร์เวลที่เป็นการแนะนำตัวละครใหม่ด้วยกัน เชิญมาใส่ความเห็นกันครับ

16 comments

  1. “ทั้งยังมีฉากท้ายเครดิตที่คุ้มค่าแก่การรอชมสำหรับแฟนบอยมากๆ กว่าหนังหลายเรื่องในระยะหลัง” คุ้มจริงๆครับ คือโทนภาพและอารมณ์โดดจาก Ant-Man ออกมาเลย ทั้งโทนภาพและมุมกล้องให้ความขึงขังและจริงจัง โทนภาพออกทึมๆหม่นๆสไตล์หนังแบทแมนของ DC มาเลย ทำให้รู้สึกอยากติดตามความเป็นไปของมาเวลว่าจะเข้มข้นขึ้นมากแค่ไหน แต่ที่แน่ๆพอเห็น End Credit นี้ Civil Wars และ Infinity Wars เพิ่มความน่าดูขึ้นเป็นกองเลยครับ

  2. โดยรวม น่าจะเป็นหนังของ Marvel ที่น่าจะทำรายได้ไม่ถึง 500 ล้าน หนังในช่วงต้นถึงกลางเรื่องอืดไปหน่อย รู้สึกอยากไปผ่านไปไวไวมากกว่า ทั้งนี้โดยรวมเข้าใจครับ หนังมีปัญหาเยอะ กว่าจะมาถึงจุดนี้ และผมคิดว่า Ant Man มันเกือบจะเป็นหนัง ฮีโร่ แฟนตาซี มากกว่าที่จะเป็นหนังปล้น

  3. ก็สนุกดูได้เพลินๆ มีรูปแบบที่แหวกจากหนังฮีโร่เรื่องอื่นนิดหน่อยให้หายเบื่อได้บ้าง ทำฉากแอ็คชั่นได้น่าสนใจ(ก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าถ้า Edgar Wright ทำมันจะต้องเจ๋งกว่านี้) มุขตลกมาได้ถูกที่ถูกเวลา ไม่ใช่พยายามยัดแล้วแป้ก แต่ขาดอารมณ์ร่วมในหนังไปนิด ตัวร้ายก็ดูจีดจาง(เหมือนเดิม) ใช้การแสดงของไมเคิล ดักลาสไม่คุ้มเท่าไหร่ แต่ก็ยังถือว่าดูได้สนุกกว่า AOU ที่เป็นหนังเรือธงปีนี้สำหรับมาร์เวลสำหรับผม ชุดนี่ออกแบบมาได้ดีจริงๆสวยทั้งสองตัว มี The Wasp ให้เห็นด้วย ^^

    ส่วนตัวก็คิดว่าคงไม่ได้ทำรายได้ได้ดีโดดอtไรจากเรื่องอื่นๆแต่ก็เก็บกำไรและก็เอาตัวรอดได้อยู่

    ปล.ผมกลับชอบ Mid Credit มากกว่า End Credit แหะ แต่ก็ยังถือว่าคุ้มแก่การรอคอยมากกว่าหนังเรื่องอื่นช่วงหลังๆจริงๆครับ 55+

  4. ผมยังไม่ได้ดูเเต่กระเเสในอเมริกาค่อนข้างเเรงนะ น่าจะฟันไปได้ 400-500 ล้าน นะก็ยังพอมีกำไร เเละไปเก็บเต็มๆ dvd bluray เคเบิล โหลดอีกที คิดว่า antman2 มาเเน่ เเละคงได้กระเเส เเละ ความรู้จักมากขึ้นใน civil war เเละ avg 3-1-2 น่าอิฉฉา marvel หนัง เเนวนี้ น้อยเรื่องจริงๆที่ไม่มีกำไรจากการฉายโรง

  5. Pros
    + ฉากแอคชั่นแปลกใหม่
    + เล่าเรื่องในสเกลที่เล็กลงเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่ดี
    + หลายๆ ฉากตลกใช้ได้
    + พระเอกดูอบอุ่นมีเสน่ห์มาก
    + แกงค์พระเอกสร้างสีสันได้ดี
    + ฉากและแขกรับเชิญสุดเซอร์ไพรส์ทั้งในเรื่องและท้ายเครดิท
    Cons
    – ตัวร้ายไม่มีมิติ (ตามสไตล์หนังมาร์เวล)
    – ฉากอารมณ์แทบไม่โดนเลยแม้แต่ฉากเดียว เพราะเร่งรัดไป
    – บางฉากง่ายไป ไม่ก็ตัดฉับไปเฉยๆ เช่นฉากไปขโมย…ที่…
    Overall [7/10]

  6. สนุกดี…เนื้อเรื่องฉีกพล้อตแตกต่างออกมา ไม่ต่างจาก กาเดี้ยน…

    ก็ขอให้ได้รายได้เยอะๆ…
    เราจะได้มีโอกาส ดุภาคต่อๆไป..

  7. ANT-MAN
    สนุก และ ดีกว่า Avengers : Age Of Ultron มากในทุกๆด้าน
    ได้อารมณ์เหมือนกลับไปดูไอออนแมนภาคแรก ตัวละครมีจุดกำเนิด มีปูมหลัง มีเป้าหมายในชีวิต ค่อยๆฝึก ค่อยๆพัฒนา จนเก่งขึ้น ไม่ใช่จู่ๆโผล่มาเทพเลย ชุดดูดีไซน์ล้าสมัยถ้าเทียบกับตัวร้าย แต่ในเรื่องมีเฉลยอยู่
    + วิธีการเล่าเรื่องแปลกใหม่ดีครับ โดยเฉพาะการลิปซิ้งค์
    + ชอบแก๊งเพื่อนพระเอกมาก
    + ไมเคิล ดักกลาส มีบทพูดให้ได้ฮา จิกกัดเก่งมาก ถึงจะหน้าเครียดก็เถอะ
    + “สก็อต แลงค์” และ “แอนโทนี่” สองชื่อนี้จะติดหูไปอีกนานนนนนน
    + ฉากท้ายเครดิตมีสองช่วง คุ้มค่ากับการนั่งรอชม
    + No shield? No hammer? No armor? No problem! ANT-MAN จริงๆ

  8. Ant-Man เป็นความน่าผิดหวังของคนที่คาดหวังจะได้เห็นอะไรใหม่ ๆ ในจักรวาลหนัง Marvel เนื่องจากพล๊อตตั้งต้น ช่วงกลาง และช่วงท้าย เหมือนกับก๊อปปี้ Ironman ภาคแรกมาแบบเด๊ะ ๆ

    ตัวเอกต้องการไถ่บาป => ได้รับโอกาสนั้นจากเทคโนโลยีล้ำยุค => ฝึกฝน =>เริ่มแผน =>ตัวร้ายซ้อนแผน => อยู่ ๆ ตัวร้ายก็อาละวาดทั้งที่ไม่ได้เข้ากับคาแรกเตอร์ตัวเองเลย => ชนะแบบง่าย ๆ

    มาเวลใช้สูตรสำเร็จนี้มาหลายเรื่องจนไม่มีอะไรน่าลุ้นอีกแล้ว และฉากแอคชั่นมีน้อยเกินไปแถมยังเป็นฉากแอคชั่นที่ทำมาไว้ให้มันเท่ ๆ ไว้งั้นเอง เช่น ฉากแอคชั่นกลางเรื่องที่คนดูฮือฮา ไม่ได้มีอะไรมากกว่ากลอนพาไปเพื่อให้รู้ว่าหนังเรื่องนี้รวมอยู่ในจักรวาลหนังมาเวลเท่านั้นเอง ฉากแอคชั่นท้ายเรื่องมาแบบแทบจะไม่มีเหตุผลด้วยซ้ำ ทำไมตัวร้ายต้องหนีขึ้น ฮ. ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เป็นพวกพระเอกต่างหากที่บุกเข้ามาแบบผิดกฎหมาย ตัวร้ายใส่ชุดเกราะครั้งแรกก็สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพพอ ๆ กับพระเอกที่กว่าจะฝึกให้คล่องก็ใช้เวลาตั้งนาน และยังแพ้แบบไม่สมศักดิ์ศรีอีกด้วย

    โดยรวมผมคิดว่าหนังเรื่องนี้อาจจะทำเงินระดับหนึ่ง แต่คงไม่น่าจะถึงกับถล่มทลาย เพราะตัวหนังมันไม่มีอะไรสดใหม่ หรือนำเสนออะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจกับคนดูอีกแล้ว บางทีมาเวลน่าจะพิจารณาที่จะเปลี่ยนโทนของตัวเองลงเล็กน้อย เพื่อสร้างแรงจูงใจใหม่ ๆ ต่อไปในอนาคต ไม่ต้องยึดติดกับความสดใสหรือซีเรียส แต่ควรวางโทนหนังให้เข้ากับสถานการณ์ของโครงเรื่องหลักให้มากที่สุด

  9. หนังพอดูได้ เพลินดี มุขตลกใส่เข้ามาถูกจังหวะมาก

    ตัวร้ายนี่ผมไม่ผิดหวังเลยครับ เพราะผมไม่หวังเลย -*-(เข็ดจากแมนดารินกับอุลตรอน)

    ปล. เริ่มหวั่นใจละว่าธาโนสจะเป็นยังไง…..

  10. 6.5/10 ครับ
    ดูได้สนุกเพลินๆ
    ..และก็ รอดูหนังเรื่องต่อไปๆ ในสัปดาห์ต่อไปๆ

    ปล. อยากดู Star War VII มากมาย

  11. ส่วนตัวผมคิดว่าดูได้เรื่อยๆครับ แต่พระเอกนางเอกตัวร้ายหรือไซไฟ เทคนิคพิเศษอะไรไม่สามารถ
    ทำให้ผมจดจำได้เลยเมื่อออกจากโรง แต่สิ่งที่ผมจดจำได้อย่างเดียว คือ เพื่อนพระเอกตัวขโมยซีน
    ให้7/10 ละกัน แต่ถ้าขาดลูอิสผมคงให้แค่ 5
    และถ้าเทียบกับ เรื่องอื่นๆของมารณืเวล ผมก็ยังให้เรื่องนี้เป็นรองอยู่ดีนะ สเกลมันต่างกัน
    มนุษย์มด…ก็ยังคงเป็นเรื่องมดๆ ทั้งเนื้อเรื่องการเล่าเรื่องและการสอดแทรกความนัย ครับ

  12. ผมว่าหนังทำได้ดีในระดับนึง แต่ก็ยังอยากดูฉบับที่เอ็ดการ์กำกับมากกว่า

    แต่พอมาคิดใหม่ สิ่งที่ผิดพลาดในหนังมาร์เวลหลายๆเรื่อง ไม่ใช่ตัวหนัง แต่เป็นมาร์เวลเองที่สร้างเรื่องให้ตัวร้ายดูเหมือนโหด(ในtrailer) แต่กลับไม่มีความโดดเด่น ทั้งบทและความน่ากลัวในหนังเลย เพราะดันไปเน้นแต่ตัวเอก ซึ่งทำให้หนังแต่ละเรื่องของมาร์เวลมีมุมมองเดียว ความน่าสนใจน่าตื่นเต้นเลยหายไป
    ถึงแม้จะมีนโยบายไม่สร้างหนังมืดหม่น แต่การเน้นบทตัวร้ายให้มีความสำคัญก็สามารถทำได้อยู่
    “ควรสร้างมิติที่ให้เห็นความคุ้มค่าของฮีโร่ที่จะปราบตัวร้ายที่เก่งกาจ เกินกว่าที่คนทั่วๆไปจะรับมือได้”

    ส่วนอื่นของหนังก็ดีอยู่แล้ว อาจมีมุขแป๊กหรือไม่ถูกจังหวะอยู่บ้าง เพราะหลังๆมาร์เวลพยายามเล่นมุขในทุกๆเรื่อง มันก็มากไป

    ผมคิดว่าถ้ามาร์เวลปรับเปลี่ยนจุดนี้ ตัวหนังจะได้รับคำวิจารณ์ที่ดีขึ้นเยอะครับ

  13. หนังเดินตามสูตรสำเร็จ พระเอกมีปมและต้องการรักษาภาพฮีโร่ในสายตาลูก
    พระเอกฝึกวิชา ไปทำภารกิจ สู้กับบอส ได้พิสูจน์ตัวเองให้ลูกเห็น จบแฮปปี้เอนดิ้ง
    ดูเพลินๆ เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี
    หนังจบแล้วออกจากโรงแบบชิลๆ ไม่มีอะไรให้ต้องตีความ ต้องเก็บไปคิด
    จุดที่ดีคือมุขตลกที่ใส่เข้ามา ฮาแตก
    ลูกพระเอกน่ารัก มดตัวใหญ่ของลูกพระเอกน่ารัก รถไฟโธมัสตลก
    แถมฉากเข้าพระ-นาง ตลกมาก 555+

Leave a Reply to นราศักดิ์ บุญเรืองCancel reply