Avengers: Age of Ultron – ในความเห็นของคุณ

avengers 2 bannerAvengers: Age of Ultron ไม่ยอดเยี่ยมขนาด The Avengers ที่ออกฉายในปี 2012 ซึ่งมีนักวิจารณ์ชอบ 92% และคะแนนอยู่ที่ 8/10 จาก 311 นักวิจารณ์ ตามที่ Rotten Tomatoes รวบรวมมาครับ แต่ก็มีคะแนนอยู่ในระดับน่าพอใจในตอนนี้ด้วย 6.8/10 และ 73% จาก 140 นักวิจารณ์ที่เป็นคะแนนล่าสุดในตอนนี้

ขณะที่ด้านบวกส่วนใหญ่ของหนังมาจากมุขตลกหรือฉากเนิร์ดๆ กับฉากบู๊วินาศสันตะโรที่ยิ่งใหญ่ขึ้น ความเห็นด้านลบมาจากความต่อเนื่องของหนังที่มีเรื่องเยอะ ปมแยะ ให้คลี่คลาย แต่มีเพียงบางปมที่เข้าถึงจริงๆ ขณะที่อีกหลายปมอยู่ในระดับที่แค่ได้บอกเล่า ยังไม่ถึงขั้นสร้างอารมณ์ความสะเทือนใจได้

โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า จอส วีดอน เล่นท่ายากขึ้น ซับซ้อนขึ้น จากภาคแรกที่เหมือนมีเส้นเรื่องเดียว และมีบทที่ทำหน้าที่เดียว และเป็นการเล่นท่ายากขึ้นที่อาจถูกจำกัดด้วยอะไรหลายอย่างทำให้หนังไม่สมบูรณ์ แต่ก็เหมือนกับฮีโร่ในเรื่องนี้ที่ทุกคนก็ไม่ได้สมบูรณ์ หรือมนุษย์ที่อัลตรอนอยากทำลายก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีพร้อม แต่ในความไม่สมบูรณ์นั้นก็มีสิ่งที่สวยงามอยู่ ทำให้เรารู้สึกสนุกที่ได้มีส่วนร่วมไปกับมันพอสมควรครับ

ในเมื่อผู้ชมส่วนหนึ่งของบ้านเราได้ชมหนังกันแล้ว คิดว่า Avengers: Age of Ultron สร้างความพึงพอใจได้ในระดับไหนครับ รู้สึกว่าสนุกหรือดีกว่าภาคที่แล้วหรือไม่ มีจุดเด่นไหนที่คุณชอบเป็นพิเศษ หรือมีจุดไหนที่คิดว่าน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ตัวละครไหนที่เป็นขวัญใจของคุณในภาคนี้ และมีฉากไหนที่ชอบมากไหมครับ ลองมาให้ความเห็นกัน (ซึ่งก็คงเลี่ยงที่จะสปอยล์หรือไม่บอกเนื้อหาส่วนสำคัญไม่ได้ ดังนั้นผู้ที่ยังไม่ได้ชมหนังและไม่อยากรู้มากเกินไปก่อนชมก็อย่าเพิ่งอ่านความเห็นเลยนะครับ)

avengers age of ultron trailer news

40 comments

  1. ตอนช่วงดราม่าหลายๆช่วงควรหน่วงจังหวะให้ช้ากว่านี้ และภารกิจย่อยของธอร์นี่ดูไม่ค่อยมีอะไรไม่มีก็ได้ ฮอว์คอายมีบทพูดที่ใจหล่อมากๆ ควิหซิลเวอรไม่เด่นเท่าที่ควร ควรจะมีอะไรใากกว่านี้

  2. ในแง่ความสดใหม่และตื่นตาตื่นใจ คงสู้กับภาคแรกไม่ได้นะครับ เพราะว่า ภาคแรกนั้น เราได้เห็น การรวมตัวของฮีโร่เป็นครั้งแรก มันเป็นอะไรที่ แปลกตาและตื่นเต้นไปพร้อมๆกัน แต่กับภาคสองนั้น อารมณ์พวกนี้ลดลงไป แต่ก็ไม่ได้เยอะมาก ยังคงตื่นเต้นและฟินทุกครั้งที่ได้เห็นฮีโร่ ร่วมฉากกัน

    ฉากที่ชอบ ก็จะเป็นฉากแอ๊คชั่นที่แสดงให้เห็นทุก “ทีมเวิร์ค” ที่มีมากกว่าภาคก่อนๆ ดูได้จาก การต่อสู้ที่ดูประสานกันดี เป็นงานเป็นการ และมีการพูดจิกกัด ยิงมุกแทรกมาตลอด มันทำให้หนังดูได้ลื่น เบาสบาย แต่ก็ยังคงมันส์และสนุกไปด้วยได้ (ไม่ถึงขั้นหนังเด็ก)

    สิ่งที่ไม่ค่อยชอบก็คือ การเล่าเรื่องบางช่วงที่อืดไปบ้าง ฉากแรกๆที่ สกาแลต วิช โผล่ออกมา รู้สึกว่า หนังมันโดดแปลกๆ ไม่ค่อยเนียน กว่าจะเข้าที่เข้าทาง ก็ไปครึ่งเรื่องแล้ว สเกลหนังมันใหญ่ขึ้นเยอะจริงๆ หลายๆอย่างที่ใส่เข้ามาก็เพื่อ ปูทางไปสู่หนังเรื่องอื่นต่อไป จึงใส่มาแค่ผิวเผิน

    ถึงแม้ความฟินจะไม่เท่าภาคแรก แต่ผมก็สนุกสนานและมันส์มากๆ ตื่นเต้นมากๆ กับภาคนี้นะ แอ๊คชั่นเยอะ เฉลี่ยความเท่ให้ฮีโร่ทุกตัวได้ค่อนข้างลงตัว ฟินกันถ้วนหน้าแหละผมว่า

    ส่วนตัวแล้วคิดว่า คะแนนที่โดนหักไป เป็นการเสียสละของ ผกก. เพื่อปูทางไปสุ่หนังเรื่องอื่นของจักรวาลมาร์เวล นี่แหละครับ

  3. ฉากแอ็คชั่น การกระจายบทของตัวละคร และการกำเนิดวิชั่นทำได้ดีที่สุดในความคิดผมครับ
    ส่่วนเนื้อหานั้นมีอัดเข้ามาเยอะเกินไปแต่ก็ชอบที่เปลี่ยนเรื่องราวให้เข้มข้นและความสัมพันธ์ของตัวละครที่ความซับซ้อนและเริ่มมีปมขัดแย้งครับ ตัวหนังนั้นมีครบทุกรสจริงๆ แต่บางรสก็แค่เกือบจะกลมกล่อมครับ

    ภาคแรกผมให้ 9.5 เลยครับ แต่ภาคนี้ผมก็ชอบแต่ ให้ 8.0 ครับ

  4. สนุกแค่ฉาก Hulk ปะทะ กับ Hulkbuster

    ส่วน Ultron มีบุคลิกน่าสนใจ แต่การกระทำหลายๆอย่างไม่ฉลาดเหมือนเป็น สุดยอด A.I. ดูไม่สมเหตุสมผล

    ทั้งการกระทำของ Scarlet Witch กับ Quicksilver บทจะแปรพักต์ ก้แปรพักต์ง่ายๆ

    รวมทั้งการตายของควิกซิลเวอร์

    ทั้งที่เคยใช้ความเร็ววิ่งช่วยอพยพ เปนร้อยๆคนในพริบตา
    น่าจะไวกว่ากระสุนที่ยิ่งใส่ ฮอกอาย และเด็กได้

    (ไม่รู้ว่าในอนาคต Marvel จะให้ ควิกซิลเวอร์เข้าโครงการลับอะไรซักอย่าง แล้วชุบชีวิตขึ้นมา เหมือน โคลสันรึป่าว)

    ปล.ท้ายเรื่อง Scarlet Witch ย้อมสีผมแล้วแต่งตัวใหม่แล้วสวยมาก!!

  5. (จะสปอยให้น้อยที่สุด)
    ภาคนี้บอกเลยว่าห้ามขอตัวไปเข้าห้องน้ำระหว่างดูครับ
    เนื้อเรื่้องเดินเร็วปรู๊ดๆๆๆๆๆ ตัวละครแทบทุกคนมีส่วนที่ดาร์กมากๆ

    เรื่องข้อสงสัยที่ทำมาให้อยากรู้คำตอบ มาเต็มครับ แต่เฉลย3วิ และไม่พูดถึงอีก….คิดว่าน่าจะมาจากการตัดต่อหนังให้เวลาพอดีกับเวลาฉายครับ คงต้องรอดูคัทซีนที่ตัดในDVD (ภาวนาให้ใส่)

    จุดที่ผมคิดว่าน่าจะทำได้ดีกว่านี้คือ อันตรอน ครับ เอ่อ..จากตัวอย่างหนัง อันตรอนต้องร้ายมากๆ ไล่ฆ่ามนุษย์โลกทั่วโลกแน่ๆเลย ไปดูแล้วผิดหวังครับ วินาศสันตะโรแค่เมืองเดียว (ฉากที่เกาหลีแค่ไปแย่งกล่องกัน) ถึงเป้าหมายคือการทำให้เกิดอาฟเตอร์ช็อคทั้งโลกก็เถอะ…

    ส่วนตัวชอบบทของโรเบิร์ตครับ หรือโทนี่สตาร์ค ที่ค่อนข้างมืดมน และไม่มีคนในทีมเข้าใจสิ่งที่แกสื่อถึงครับ
    ฉากที่ระเบิดเทิดเทิง วินาศสันตะโร ตึกพัง บ้านเมืองวินาศ ทำออกมาได้ดีมากครับ

    สรุปว่า ภาคนี้สนุกครับ แต่อาจเพราะ เวลากับเนื้อเรื่องและตัวละครทุกตัวมีบทที่มืดมากๆ และ การต้องปูทางไปเรื่องอื่นของพาร์ท3 ทำให้หนังดูมีคำถาม มากกว่า ความสนุก กว่าภาคแรกอยู่บ้างครับ
    (หวังว่าคงสปอยไม่มาก)

    • ในแง่การแสดงตัวไม่ร้ายอย่างที่คิด แต่ว่าแผนการร้ายมากๆๆๆนะครับ คือถ้าแผนสำเร็จนี่ทั้งโลกพินาทเลยนะ แต่ไม่สำเร็จเลยแค่เมืองเดียว

  6. เอาแบบรวบรัดเลยนะครับ แอ็คชั่น CG จัดหนักจัดเต็มมาก การกระจายบทโอเค แต่คิดว่ายังทำได้ไม่ทั่วถึง บางตัวละครมาไวไปไวกว่าที่คิด อาจจะเป็นเพราะตัวละครที่เยอะจนเกือบล้นในภาคนี้ ฉากคุยบางฉากมีแอบง่วง แต่ก็ถือว่าทำได้ดีในมาตรฐานหนัง Marvel ภาคนี้มีดีที่ฉากแอ็คชั่นความมันที่อัดมาไม่ยั้ง ยอมรับว่าทำได้ดีกว่าภาคแรกมากตรงจุดนี้ แต่เนื้อเรื่องโดยรวมยังดีได้ไม่เท่าภาคแรก ให้ 8/10 ครับ

  7. การเฉลี่ยบททำให้เราเห็นถึงการดำเนินเรื่องตัวละครที่ไม่มีใครเด่นเกินหน้า ถือเป็นเรื่องดีครับ แต่ควิกซิลเวอร์น่าจะได้บทบาทหรือการแสดงที่เด่นเตะตากว่านี้ เพราะเมื่อถึงจุดหักเหสำคัญของตัวละครนี้ มันไม่ได้สร้างแรงผลักดันให้ถึงจุดได้ ทำให้กลายเป็นว่าคาแรคเตอร์ที่มีเสน่ห์พอตัวอยู่แล้ว ถูกใช้แล้วทิ้งอย่างน่าเสียดาย ที่มาที่ไปบางอย่างก็ยังระบุไม่ชัดเจนนัก อยู่ดีดีก็โผล่ เช่น บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้น บทพูดหลายส่วนทำได้ดีมาก แต่การชงมุกในภาคนี้หลายฉากมันไม่ได้เสน่ห์เดิมกลับมา แถมมุกซ้ำๆอย่าง ตัวร้ายพูดเท่ๆยังไม่จบดีก็โดนฟาดเปลี้ยงหายไปจากจอ ก็ใช้จนเกร่อไปหน่อย อัลตรอนถือเป็นตัวร้ายของ marvel อีกหนึ่งตัวที่ไม่ได้ออกมาเป็นลูกกากๆแบบ เมลาคิทหรือโรแนน ตรงนี้ ทำดี ส่งเนื้อเรื่องให้น่าติดตามมากขึ้น ขณะที่สกาเล็ต วิทช์ เสน่ห์ล้นหลามมาก วิชั่นยิ่งดูกลับยิ่งคิดถึงซูเปอร์แมนเวอร์ชั่นล่าสุดในฉบับที่ร่างกายเป็นกึ่งหุ่นยนต์ และแอบคาดหวังให้อยู่ไปนานๆเพราะดูมีอะไรให้เล่นเยอะ (เพราะมี mind gem อยู่นี่หละเลยกลัวว่าจะรีบตายไปซะก่อน) ประเด็นครอบครัวฮอว์คอายก็นำพาได้ดีระดับหนึ่ง ส่วนฉากการเข้าถึงความกลัวของฮีโร่ ขอชื่นชมว่าทำได้ดี ความสัมพันธ์ของ แบล็ควิโดว์กับฮัลค์ ส่วนตัวมองว่าแปล่งๆไปหน่อย mid credit ไม่ส่งเท่าไหร่เลย แอบผิดหวัง ภาคนี้ดูมีข้อจำกัดเยอะแยะไปหมด ตรงที่พยายามลากปมเพื่อปูไปส่วนอื่นๆของหนังในอนาคต ทั้งๆที่อุตส่าห์ปูจากเรื่องอื่นสร้างอิมแพ็คมาอย่างดีแล้วแท้ๆ ทำให้มันเหมือนกับเป็นทางผ่านไปสู่ infinity war เท่านั้น ทั้งๆที่ภาคนี้มีวัตถุดิบให้เล่นเยอะแยะอยู่แล้ว แต่ถ้าถามว่าในฐานะแฟนตัวยงของ marvel ก็คงต้องบอกว่า พอใจมากที่เดียว แค่ฉากร่วมเฟรมตอนต้นเรื่อง ที่ทุกฮีโร่กระโดดเท่ๆกันแล้วภาพสโลว์ลง ก็ทำเอาผมขนลุกเลยทีเดียวเชียว ถึงจุดโหว่หลายจุดจะโผล่มาเป็นระยะๆ แต่ความสนุกอย่างหนึ่งละครับ ที่หนังเรื่องนี้ยังคงทำได้ดีตลอดไปจนจบเรื่อง

  8. ผมไปอ่านมา ไม่รู้ถูกรึป่าวนะครับ เห็นว่าฉบับ first cut สามชม.เกือบครึ่งเลย แต่ฉายในโรงแค่ สองชม.เกือบครึ่ง

    รายละเอียดคงหายไปในส่วนนี่แหละครับ คงต้องรอ blu-ray

  9. ยอมรับในตัวผู้กำกับ จอน ดีวอนเลยครับ การเฉลี่ยบทได้ดี
    ฉากตลกในสถานการณ์ตรึงเครียดก็ใส่มาได้เป็นระยะลงตัวดี
    ที่น่าเสียดายบท คือตัวร้ายบารอน และเหล่าไฮดร้า ที่มาน้อยเหลือเกิน
    ส่วนตัว ชอบวิชั่น มาออกมากู้วิกฤติได้ถือเป็นตัวแย่งซีนในภาคนี้เลย
    (แอบมีฉากจิ้นคู่วิชั่น+แม่มดตามคอมมิคด้วย)
    และที่ชอบที่สุดของหนัง คงตอนโทนี่เอาคำพูดลุงสแตน ลีมาใช้ก่อนลุยครับ
    ตอนจบใจหายนิดๆ แต่ยังมีอะไรใหม่ๆมาปลอบใจครับ

    โดยรวมสนุกคนละแบบกับภาคแรก ให้9.99 ภาคนี้ให้ 9.999 ครับ

  10. หนังภาคต่อนี่มันทำยากจริงๆ แถมภาคแรกเซ็ตไว้สูงขนาดนั้น
    Joss Whedon ยังเป็นผกก.ขั้นเทพจริงๆนั่นแหละ แต่โจทย์มันยากขึ้นเกือบเท่าตัว

    ข้อดี
    – Characterization บทตัวละครเทพมาก กระจายแต่ละคนได้ลงตัว
    – Dialogue โคตรจะ Banter (ประชดประชันเสียดสี) ยิงมุขกระจาย มีประโยคเด่นๆจาก Hawkeye
    – ฉาก Action คือมันยิ่งใหญ่ อลังการ ยังกับอ่าน Comics จริงๆ สะใจกว่าเดิมเยอะเลย
    – Story ที่ดูจะเข้มข้นขึ้น มีประเด็นที่เริ่มมาจากภายใน (ปกป้องโลก) มากกว่าภายนอก (เอเลี่ยน)
    – James Spader เสียงพ่อโคตรทรงพลัง พากษ์ได้เพอร์เฟ็ค
    – Vision ถูกเก็บไว้ และเรียกใช้ได้อย่างเหมาะสม

    ข้อเสีย (เอาที่นึกได้)
    – Tempo ของหนัง บางจังหวะเร่ง/ผ่อน เหมือนผิดจังหวะ ขาดความลงตัว
    – Ultron จริงๆมีเหตุผลมีประเด็นที่เข้าท่าทีเดียวละ แต่กลับร้ายแบบไม่มีเหตุผล จู่ก็ร้ายเฉยๆ ร้ายแบบเหวี่ยง เหมือนไม่ค่อยมีรังสีคุกคามแผ่ออกมา คิดว่าควรต้องปูความรู้สึกฝั่ง Ultron มากกว่านี้ (อาจอยู่ใน 30 นาทีที่โดนตัด)
    – Sequence ยิบย่อยไม่ค่อยลงตัว เข้าใจว่าทำไปเพื่ออนาคต แต่ทำให้หนังดูเยอะไป
    – Love Story ของ Hulk กับ Natasha ดูเหมือนถูกบังคับ(ให้อิน) จากข้อด้านบน (ปูให้ฮัลค์แยกไป)
    – ดารานำที่แท้จริง Audi, Samsung, Beats, Adidas, EMC, Korean Air, Gillete และ.. พอเถอะ!!
    – คลีเชเต็มไปหมด (เยอะกว่าภาคแรก)

    เห็นด่าขนาดนี้ ถามว่าชอบไหม ชอบนะ คือมันเป็นหนังซูเปอฮีโร่ คุณเข้าไปดูตัวละครกับฉากแอ๊คชั่นอยู่แล้ว
    อาจจะไม่ใช่หนังที่ยอดเยี่ยมเท่าภาคแรก แต่เป็นหนังจาก(หนังสือ)การ์ตูนที่ทำหน้าที่ของมันได้สมบูรณ์มาก
    ผมให้ 8/10 นะ (ภาคแรกให้ 9) นั่งสบายๆ แล้วแค่สนุกไปกับมัน

  11. ก็ยังสนุกอยู่
    อยากจะบอกว่าสมเป็น ultron ver. tony stark home made มากๆ

    อิมเมจของ ultron ผิดกับที่ผมคิดไว้ในคอมมิคมากเลย
    ตอนแรกคิดว่าจะมาแนวตัวโกงเงียบๆ โฉดๆ จิตๆ
    แต่นี่พี่เล่นหยอดมุขตลอด แถมวิธีคิดก็(ดู)มีหลักการมีเหตุมีผลดี(เหตุผลแบบแปลกๆ ก็มี) เหมือนกับว่าบุคลิคของโทนี่ถูกฝังไปตอนสร้างด้วย

    ส่วนตัวผมชอบ ultron เวอร์ชั่นนี้มากกว่าในคอมมิคนะ

  12. สมแก่การรอคอยถึงแม้จะสนุกน้อยกว่าภาคแรกแต่ก็เข้าใจว่าต้องปู่างสู่ภาค 3 (ขอให้อยู่ครบทีมเหมือนเดิมจะดีมากๆเลย)

  13. Ultron มันติ๊งต๊องจนเซ็งจิต

    ส่วนที่ชอบคือเฮียโทนี่กับภาระอันหนักอึ้งของเฮียตั้งแต่แบกนิวเคลียไปรูหนอนในภาคที่แล้ว ตามมากระทบหลอกหลอนเฮียตั้งแต่ภาต 3 แล้วยังลามมาถึงตอนนี้แถมไม่มีใครเข้าใจเฮีย

    มุขที่คอยยิงอันนี้ชอบ แต่ไอมุขถูกตบกระเด็นก่อนพูดจบ อันนี้มันเล่นซ้ำจนรู้สึกไม่ฮาไปด้วยแล้ว

    มุขฆ้อนทอถือว่าผ่าน ทั้งตอนต้นและท้าย แต่แอบสงสัยว่าตาฝาดไปไหม ตอนฮอคอายดึงครั้งแรกผมแอบเห็นว่ามันขยับนะ

    แฝดแมคซิมอฟแอบเซ็งว่า mavel จะแย่งตัวละครนี้มากันทำไมหากจะให้บทที่ไม่ได้มีความน่าจดจำอะไรแบบนี้ คือเทียบกับ x-men นี่แพ้กระจุย

    ดราม่าบาตั้นทำได้น่าสนใจอยู่ อยากให้ผลมันไม่เป็นดั่งตอนจบจัง จะได้ฟินนนน

    วิชั่นบทน้อยมาก ไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลยนอกจากเป็นตัวตัดเน็ต – -”

    หลายตัวละครจะมาก็มา จะไปก็ไป การกระจายบทชอบของภาคแรกมากกว่าด้วยซ้ำ ที่สำคัญพอ Ultron โ.่และติ๊งต๊องขาดอำนาจขนาดนี้เล่นเอาหนังแทบแป๊กเลย

    ดูเอาสนุกเอาเพลินอย่างเดียว ดูซ้ำได้ก็มันยังสนุกดี แต่ดูจบแล้วไม่มีอะไรน่าจดจำหรือทำให้เราว๊าวได้เลย T_T

  14. – ซับแปลก ๆ ตรงที่เป็นสำนวนดันแปลตรงตัว ตรงที่พูดตรง ๆ ดันแปลเป็นสำนวน
    ชื่อเฉพาะดันแปล ตรงที่ไม่ใช่ชื่อเฉพาะดันไม่แปล ความหมายเพี้ยนนิดเพี้ยนหน่อยตลอดเรื่อง
    avenging is your world ดันแปลเป็นโลกของอเวนเจอร์, xxx creates avengers ดันแปลว่า xxx สร้างผู้ต่อต้าน, เฮล, โอดินสัน ฯลฯ

    – มุขตลกคิดว่ามีน้อยกว่าภาคแรกนิดเดียว แต่ซับแปลไม่ดี มุขไม่ทำงานเลย

    – เวโรนิกาสุดยอด Hulkbuster สุดยอด
    – ควิกซิลเวอร์ ของ X-men เจ๋งกว่าอะ
    – คุยเยอะไป
    – แบ่งคิวโชว์เมพได้ทั่วถึง ท่าประสานเยอะดี
    – เท่ไม่สุด มีแต่คนทำท่าระทม คือพระเอกก็พลาดเยอะ ผู้ร้ายก็พลาดเยอะ
    – พอเริ่มจะมัน ๆ ปุ้บ สู้เสร็จทุกที
    – ความถล่มทลายสะใจมากกว่าภาคแรก
    – พึ่งพา CG มากไป รู้สึกแยกออกได้ง่าย ๆ เลยว่าตรงไหน CG ตรงไหนของจริง, บางช็อตก็อลังมากขณะที่บางช็อตดูประหยัดงบมาก ๆ
    – sub plot ของฮอคอายไม่ค่อยเวิร์ค
    – Cho Helen น่ารักมากกกกกกก (แต่แสดงแข็งมาก)
    – เวโรนิกาสุดยอด Hulkbuster สุดยอดนะ บอกไปยัง

    ก็สนุกดีนะ ควรจะฟินนะแต่ยังไม่ฟินอะ 7.99999999999/10

  15. เอาไปเลย 6.5/10 ภาคนี้

    – เปิดเรื่องสนุกมาก
    – ชอบการเล่า การกำเนิดของ อัลตรอน
    – อัลตรอน นึกว่าจะเก่ง ดูง้องแง้ง อย่างกับตัวประกอบ
    – ดนตรีประกอบ ไม่ดีเอาซะเลย ไม่ติดหู ไม่ช่วยดึงอารมณ์
    – ช่วงท้ายๆของเรื่องไม่สนุกเลย แอ๊คชั่น ไม่สุด
    – CG ดีเหมือนเคย
    – มุกตลก ยังฮา อยู่
    – สรุป ภาคแรกดีกว่าครับ (ยกเว้นตอนเปิดเรื่องที่ทำได้ดีกว่าภาคแรก)

  16. ผิดหวังเหมือนกันนะ นึกว่าจะยิ่งใหญ่ สมการรอคอยกว่านี้
    ถึงอย่างไร The Avengers 2 ก็ยังทำออกมาได้สนุก (พอสมควร)
    แต่โดยส่วนตัว ผมว่า ก็ยังทำออกมาได้ไม่ดีเท่า กับตัน ภาค 2 ที่ผ่านมาครับ

  17. ข้อดี
    – องค์ประกอบเรื่องดีมาก มีหลายอย่างนำมาใช้ได้ครบ
    – ฉากต่อสู้ ก็ยังสนุก เหมือนเดิม

    ข้อเสีย
    – เสียดายอัลตรอน กับ สกาเล็ตวิช ที่น่าจะเล่นปมต่างๆได้มากกว่านี้
    – โรมานอฟ กับ ฮัค เป็นจุดอ่อนขาดความน่าเชื่อถือ
    – Quick Silver บทบาทน้อยพอสมควร (เมื่อเทียบกับแฝดอีกคน)

    คือถามว่าสนุกไหม มันสนุกครับ แต่แค่เสียดายองค์ประกอบหนัง ที่มีน่ะครับ
    ถ้าตัดบางอัน แล้วมาเน้นส่วนพาร์ทดราม่าจริงๆ หนังจะดูโตขึ้นกว่าภาคก่อน

    อันนี้เหมือนจอช แกก็ยังพยายามรักษาลายเซ็นแก ใช้สูตรการเดินเรื่องแบบภาคก่อนซึ่งสำเร็จมาก
    แต่ลืมไปว่า คนดูต้องการอะไรที่พัฒนาขึ้นกว่าภาคแรก ไม่ใช่แนวทางเดิมๆ

  18. ปัญหาของภาคนี้คือ ทำไมอัลทรอนมันดูไม่ค่อยเก่งว้า?
    ทั้งๆที่จะทำลายโลกนะ…พี่ท่านยังดูไม่ค่อยน่ากลัวไงไม่รู้

    แลัเหล่าอเวนเจอร์ ก้อจะมัวยุ่งอยู่กับการช่วยชาวบ้าน…
    จนแทบลืมว่า…มาสู้กะอัลทรอนนะท่าน…

    ภาคแรกดูจบ…อยากดูซ้ำทันที
    ภาค 2 ดูจบ…เอ่อ…ไว้รอซ้ำตอนออกบลูเรย์ละกัน…😱

    • ฉากทุ่ม HULK ลงตึกนี่งอุสาห์ Scan ตึกซะดิบดีว่าไม่มีคนอยู่ ทุ่มลงไปตึกถล่ม ข้างล่างถนนมีรถขับอยู่เต็มไปหมด ดีนะตึกดันถล่มในทิศทางเดียวไม่ตกไปทับคนเลยซักชีวิต ฮัคโดนทิ้งไปอย่างนั้นตึกสูงเกือบร้อยชั้นกลับไม่มีหินทับซักเท่าไรทับแค่ตื้น ๆ ในใจก็แอบคิดว่าถ้าฮัคหมดแรกกลับร่างเป็นแบรนเนอร์จะโดนซากตึกทับตายไหม ดูแล้วเหมือนยัดเยียดการช่วยคนและมีความไม่สมเหตุสมผลเต็มไปหมด

  19. ดูสนุกได้อารมณ์มันส์อยู่เต็มที่ครับ ภาค 2 นี้ให้ 9/10 ไปเลย บางอย่างมีแป้กบ้างอะไรบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดาของหนังภาคต่อครับ แต่ชอบงานด้านภาพในช่วงใกล้จบกับฉาก iron man สู้กับ hulk นะ ตัวละครภาคนี้บทเด่นเท่ากันทุกตัว จากที่ภาคแรก iron man กับ hulk มันโคตรพระเอกไปนิดนึง ไม่ขอเปรียบเทียบกับภาคแรกแล้วกัน เพราะภาคแรกมันคือการโหมโรงที่สุดยอดที่สุดของหนัง superhero ที่จะอยู่ในความทรงจำของผมและใครอีกหลายคนตลอดไปครับ

Leave a Reply to KaikungCancel reply