ศาลมีคำสั่งให้ฉาย Fast and Furious 7 ได้ตามกำหนดเดิม (อัพเดท แถลงจากยูไอพี, สหฯ และจา พนม)

furious 7 image 04หลังจากคลุมเครือมาตลอดทั้งสุดสัปดาห์ว่าเราจะได้ชมหนัง Furious 7 วันที่ 1 เมษายน 2558 นี้ ตามกำหนดหรือไม่ เมื่อค่ายหนังสหมงคลฟิล์มฟ้องศาลแพ่งให้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระงับการฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ เมื่อท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมาตามที่เรารู้ๆ กัน

วันนี้ ดูเหมือนว่าจา พนม, บริษัทยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส และ บริษัทยูไอพีประเทศไทยซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 และ 2 และ 3 ตามลำดับ ได้ยื่นขอเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าว ตามที่คุณนันทขว้าง สิระสุนทร นักวิจารณ์ภาพยนตร์จากเครือเนชั่นได้รายงานผ่านทางทวิตเตอร์ บอกให้ทราบครับ และศาลก็มีคำสั่งเพิกถอนตามที่ยื่นขอ ทำให้หนัง Furious 7 ได้กลับมาฉายโรงวันพุธที่ 1 เมษายนนี้ ตามกำหนดเดิม

รายงานเพิ่มเติมจากผู้จัดการออนไลน์บอกด้วยว่า “ทนายจำเลยทั้ง 3 ก็ได้เดินทางไปยังศาลอาญารัชดาเพื่อยื่นเรื่องไปยังศาลแพ่งอุทธรณ์ขอให้พิจารณาเพิกถอนคำสั่งที่มีออกมาในก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งในภายหลังศาลก็ได้ตัดสินที่จะยกเลิกคำสั่งระงับฉายออกมา ขณะที่ทางสหมงคลฟิล์มเองก็ได้ยื่นคัดค้านคำอุทธรณ์ทันทีแต่ไม่เป็นผลโดยศาลให้เหตุผลว่าเป็นการกระทบสิทธิ์ผู้อื่นนั่นเอง

นอกจากนี้ เว็บไซต์ของเมเจอร์ซินีเพล็กซ์ ก็กลับมาเปิดให้จองตั๋วทางออนไลน์ได้ดังเดิม เมื่อปิดการจองเมื่อช่วงเช้า พร้อมทั้งประกาศข่าวนี้ผ่านทางเฟซบุกเช่นกัน

ล่าสุด ยูไอพีได้ทำจดหมายแถลงออกมาเป็นทางการต่อกรณีนี้ครับ และจากนั้น สหมงคลฟิล์มก็มีจดหมายตามออกมาอีก

เช้านี้ จา พนม ก็ได้มีแถลงการสั้นๆ ออกมาทางเฟซบุก ระหว่างรอร่วมงานรอบปฐมทัศน์หนังที่ฮอลลีวู้ดอยู่ในตอนนี้ครับ

 

อ่านทั้งหมดได้ที่ด้านใน

ศาลแพ่งมีค าสั่งยกเลิกสั่งห้ามฉายภาพยนตร์ Fast & Furious 7

เมื่อเย็นวันที่ 30 มีนาคม 2558 หลังจากที่ จา พนม ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส และ ยูไอพี ประเทศไทย ต่าง
มอบหมายให้ทีมทนายของตนร่วมกันยื่นค าร้องขอให้ศาลแพ่งยกเลิกค าสั่งห้ามฉายภาพยนตร์เรื่อง Fast &
Furious 7 เป็นกรณีฉุกเฉินในช่วงเช้าของวันนี ้ ภายหลังการไต่สวนศาลแพ่งได้มีค าสั่งยกเลิกการสั่งห้าม
ฉายภาพยนตร์ Fast & Furious 7 ที่สั่งเมื่อ 26 มีนาคม 2558 โดยศาลเห็นว่านอกจากโจทก์จะฟ้อง จา พนม
ในคดีนี ้ว่าผิดสัญญาแล้ว ยังได้ฟ้องคดีทีศาลแพ่งกรุงเทพใต้ด้วย แสดงว่าปัญหาเรื่องจา พนมผิดสัญญา
หรือไม่ยังมีข้อโต้แย้งอยู่และต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป นอกจากนี ้ค าฟ้องของโจทก์ เป็นเรื่องที่โจทก์มุ่ง
ประสงค์จะเรียกร้องค่าเสียหายเป็นส าคัญ และบทแสดงของจา พนม มีนักแสดงอื่นเกี่ยวข้องด้วย การสั่ง
ห้ามฉายภาพยนตร์จึงไปกระทบสิทธิของบุคคลภายนอกจึงไม่เหมาะสม จึงมีเหตุสมควรให้ยกเลิกคำสั่งของ
ศาลแพ่งที่สั่งไว้เดิม

ยูไอพี ประเทศไทย ขอขอบคุณแฟนภาพยนตร์ทุกท่าน ที่ให้ก าลังใจ คอยติดตามและสนับสนุนภาพยนตร์
เรื่อง Fast & Furious 7 จนในที่สุดท าให้ภาพยนตร์เรื่องนี ้กลับมาฉายได้ตามก าหนดเดิมที่วางไว้

saha letter

13 comments

  1. มันก็ง่ายๆดีนะครับ แค่ “อุทธรณ์” กับคำว่า “กระทบสิทธิ์ของผู้อื่น” แค่นี้เราก็ได้ดูหนังกันแล้ว ถึงว่าโรงหนังนิ่งมาก ไม่เคยเปลี่ยนแปลงโปรแกรมเลย ทั้งสองค่ายใหญ่เลย ถ้าแบบนี้เรื่องไหนของจาก็ได้ดูครับ แต่เมื่อหนังได้ฉายแล้วมีรายได้ สหมงคลฯอาจฟ้องค่าเสียหายเพิ่มขึ้นได้อีกนะครับ

  2. สิทธิ์บริษัท คุณยื่นร้องศาลได้ เเต่ ผู้บริโภคที่เค้าคอยเฝ้ารอวันฉาย ฟ้องใครได้มั้ง T T อยากดูไวไวจัง

  3. ส่วนตัวผมเป็นแฟนหนัง fast อยุ่แล้วไม่เคยพลาดเลย ตามดูทุกภาคทั้งโรงทั้งแผ่น แต่พอได้รู้ข่าวว่า จา ร่วมแสดงสมทบด้วยแล้ว มันยิ่งทำให้ผมอยากดูมาก ในที่สุดการรอคอยได้สิ้นสุดลงแล้วเราจะได้ไปดูtony jaa ผมภูมิใจสุดๆที่ได้เห็นคนไทยที่คนทั่วโลกชื่นชมและยกย่องเป็นidolแสดงร่วมกับหนังทีมงานนักแสดงระดับโลกฮอลลีวูด จะไปดูสุดยอดซีนที่เขาว่าสุดยอดกันสุดๆการปะทะระหว่าง พอลและจาในหนัง ผมรู้สึกดีใจภูมิใจสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่างน้อยคนไทยก็ไม่ด้อยไปกว่าใครในโลก tony jaa พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่มีอะไรที่คนไทยทำไม่ได้ ผมเป็นคนไทยผมจะไม่ให้ใครมาดูถูกคนไทยด้วยกันเองเป็นอันขาด ปล.เสี่ยเจียงทำตัวเองน่ะ ช่วยไม่ได้ถ้าหนังจากค่ายเสี่ยทำรายได้ไม่เข้าเป้า ทุกอย่างที่เสี่ยสร้างมามันพังทลายหมด เผยให้เห็นธาตุแท้ของเสี่ยเอง ที่สนใจแต่ประโยชน์ตัวเองมากกว่าประชาชนผู้บริโภคคนดูหนังอย่างเราๆท่านๆซึ่งเป็นใจกลางสำคัญที่ขับเคลื่อนธุรกิจบันเทิงภาพยนตร์ RIP sahamonkol

  4. น่าสงสัยว่าหนังต่างประเทศเรื่องต่อไปที่จาแสดงและจะเข้าโปรแกรมฉายในไทย เสี่ยเจียงจะคัดค้านหรือชลอการฉายอีกหรือไม่ (คือจะเข็ดไหมกับกรณี Fast 7 นี้)

    • ผมว่าเสี่ยเจียงแกคงไม่มีอะไรจะเสียแล้วล่ะ แกคงจะทำเรื่องฟ้องจาแบบสุดซอย ไหนๆก็ไหนๆแล้ว จะถอยก็คงไม่ใช่นิสัยนายทุนอย่างเสี่ยเจียง ไม่แน่นี้อาจเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นสงคราม เจียง vs จา ก็เป็นได้

  5. มองต่างมุม ทั้งหมดอาจจะเป็นแผนการตลาด สร้างเป็นประเด็นทำให้เกิดกระแสความสนใจในสังคม ทำให้คนอยากดูมากขึ้น เสมือนว่าฝ่ายหนึ่งเริ่มต้นด้วยการสร้างอุปสรรคให้คนดู (มีคดีความฟ้องร้อง ศาลระงับฉายชั่วคราว) ในขณะที่หนังเรื่องนี้คนอยากดูเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว (high demand) สุดท้ายเมื่ออุปสรรคได้หมดไป (ศาลมีคำสั่งให้ฉายตามกำหนดเดิม) คนดูเลยแห่ทะลักกันไปดูอย่างถ่วมท้น หรือนัยว่าเป็น win-win situation ทั้งสองผ่ายด้วยกัน

Leave a Reply to tharathongCancel reply