The Imitation Game – ในความเห็นของคุณ

2014, THE IMITATION GAMEThe Imitation Game กลายเป็นหนังตัวเก็งรางวัลออสการ์นับตั้งแต่ได้รางวัลขวัญใจผู้ชมจากเทศกาลภาพยนตร์โตรอนโตเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งตลอดหลายปีมานี้ หนังที่ได้รางวัลนี้ไม่เข้าชิงออสการ์ก็จะได้รางวัลออสการ์ ทั้งนี้เพราะว่าผู้ให้คะแนนรางวัลมักเป็นคนกลุ่มเดียวกับผู้ที่ให้คะแนนของออสการ์ แต่ในเทศกาลปีนี้ก็ไม่ได้มีหนังอย่าง Boyhood (จำไม่ได้ว่า Birdman ได้ฉายในเทศกาลปีนี้ด้วยไหม แต่คุ้นๆ ว่าไม่ได้ฉายเหมือนกันครับ) โอกาสทางรางวัลออสการ์ของ The Imitation Game จึงอาจแค่เพียงได้เข้าชิงเท่านั้น แต่จากจำนวนรางวัลที่เข้าชิงถึง 8 สาขา ก็บอกได้ว่าหนังเรื่องนี้มีดีพอตัวครับ

ในแง่ความเห็นจากนักวิจารณ์ หนังได้ 7.7/10 และ 90% จาก 224 บทวิจารณ์ที่ Rotten Tomatoes รวบรวมมา ขณะที่คะแนนจาก imdb อยู่ที่ 8.2/10 จากผู้ให้คะแนนราว 107,000 กว่าคน

สำหรับความเห็นของนักวิจารณ์บ้านเรา อาจารย์ประวิต แต่งอักษร จากนิตยสารสีสัน เขียนถึงประเด็นของหนังไว้ในเฟซบุกว่า “นี่เป็นหนังที่ ‘ไม่ปกติธรรมดา’ พอๆกับความไม่ปกติธรรมดาของอลัน ทัวริ่ง ตัวเอกของหนังเรื่องนี้ หนังพูดหลายๆเรื่อง (ซึ่งเมื่อขมวดแล้ว-กลายเป็นเรื่องเดียวกัน) อันได้แก่ ความจริง การโกหกหลอกลวง การใช้ความรุนแรง ธรรมชาติของความเป็นมนุษย์และ ‘วิธีคิด’ ของเครื่องยนต์กลไก-ได้อย่างเข้าถึงแก่นแท้ และมันสะท้อนว่าทัวริ่งผู้ซึ่งไม่ปรารถนาที่จะสุงสิงกับมนุษย์หน้าไหน-กลับกลายเป็นคนที่เข้าใจธาตุแท้และสันดานของความเป็นมนุษย์ (ที่ทั้งบกพร่องและคับแคบ) ได้อย่างลึกซึ้ง” และจากความเห็นของนักทำหนัง คุณบรรจง ปิสัญธนะกูล พูดถึงหนังไว้ในทวิตเตอร์ว่า “The Imitation Game หนังชีวประวัติต้องแบบนี้ เล่าหัวใจชีวิตของคนนั้น ทั้งวีรกรรม ตัวตน โศกนาฏกรรม ผสานรวมกับพล็อตโคตรเนียนแถมเข้มข้นดูสนุก รู้สึกว่าบทหนัง Imitation Game เอาไปเป็น Case Study สอนหนังสือเรื่องการเขียนบทได้เลย สมบูรณ์แบบมาก

อย่างหนึ่ง ที่ผมพบจากการตามอ่านความเห็นก็คือ หลายคนไม่รู้จักอลัน ทัวริง มาก่อน และได้รู้จักจากหนังเรื่องนี้ว่าเขาได้สร้างอะไรที่ยิ่งใหญ่เอาไว้บ้าง ซึ่งการได้รู้จักจากตอนจบของหนังมีผลกระทบทางจิตใจและอารมณ์เพิ่มขึ้นไปด้วย ชอบหนังเรื่องนี้กันในระดับไหนครับ ชอบองค์ประกอบไหนกันบ้าง คิดว่าหนังน่าจะมีโอกาสในรางวัลไหนของออสการ์บ้าง มาใส่ความเห็นกันครับ

11 comments

  1. ส่วนตัวเป็นแฟนเกิร์ลพี่เบนค่ะ เลยกลายเป็นว่าเพิ่งมารู้จักอลัน ทัวริ่งเพราะเรื่องนี้เลย….//w\\
    ตอนเห็นข่าวว่าพี่เบนจะเล่นเรื่องนี้ ก็เลยรีบไปหาประวัติอลันตัวจริงมาอ่านแบบงูๆปลาๆก่อนหนังฉาย แต่ก็สรุปความได้ว่าทำไมเราเพิ่งมารู้จักผู้ชายคนนี้กันทั้งๆที่เขาเป็นคนที่ได้สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้โลกแบบคาดไม่ถึง!? อ่านไปก็น่าสนใจว่าหนังจะออกมาเป็นยังไง

    พอมีโอกาศได้ดูแล้วก็พบว่าเรื่องนี้สมกับการรอคอยสำหรับแฟนเกิร์ลมากๆค่ะ พี่เบนเล่นดีมากๆ ถึงแม้จะดูแล้วนึกถึงเชอร์ล็อค โฮล์มส์ที่พี่เบนเคยเล่นมาบ้าง แต่ก็ยังรู้สึกถึงเส้นคั่นบางๆระหว่างคาแรคเตอร์สองตัวนี้อยู่ว่าไม่เหมือนกัน แล้วพี่เบนสามารถถ่ายทอดออกมาได้ (การเห็นพี่เบนตัวสั่นร้องไห้คือความฟินอย่างนึงค่ะ ฮาาาา /w\)

    ส่วนในแง่เนื้อเรื่อง ยอมรับเลยว่าไม่คิดว่าจะมาแนวนี้ด้วยซ้ำ ตอนดูตัวอย่างคิดว่าจะดูเครียดกว่านี้ ปรากฏว่าเรื่องสนุกมาก ดูเพลิน เข้าใจง่าย มุขตลกมาแบบพอดีๆไม่ทำร้ายโทนหนัง ในขณะเดียวกันก็เป็นหนังที่ทรงคุณค่าอีกเรื่องได้เช่นกัน นับว่าเป็นหนังรางวัลที่ดูเพลินจนน่าเหลือเชื่อ มันครบรสและลงตัว เรียบง่ายแต่ทรงพลังในสไตล์อังกฤษ เป็นหนังที่น่าจะเรียกได้ว่าไม่ควรพลาดของปี ใครที่ยี้หนังรางวัลว่าดูยากต้องลองดูเรื่องนี้จริงๆค่ะ แถมงานโปรดักของเรื่องนี้ก็แสนจะดีงาม งานคอสตูม แคสติ้งนักแสดง ทุกสิ่งดีงามไปหมด (ยกเว้นงานCGที่ถ้าใครเป็นคอซีรีส์BBCอยู่แล้วมาดูเรื่องนี้จะรู้สึกได้เลยว่าในเรื่องนี้คือที่สุดแล้วจริงๆ CGในDr.WhoกับSherlockยังไม่เจ๋งขนาดนี้เลย) เพลงประกอบก็เพราะมาก ฟังไปหลายเพลงก็มีกลิ่นอายแฮร์รี่พอตเตอร์ผสมเชอร์ล็อคยังไงไม่รู้ (ส่วนนึงคงเพราะผู้แต่งเพลงสกอร์ของเรื่องนี้ก็เคยแต่งสกอร์ให้แฮร์รี่พอตเตอร์มาก่อนด้วยล่ะมั้ง)

    บทสนธนาและความสัมพันธ์ของตัวละครดูน่ารักน่าเอ็นดู ประโยคเด่นของเรื่องที่ว่าคนที่ไม่มีใครคาดคิดจะทำสิ่งที่ไม่คาดฝันเป็นประโยคที่บอกเล่าความเป็นอลัน ทัวริ่งและทุกคนในทีมถอดรหัสได้ดี หรือการใช้คำว่า I like youเพื่อเป็นการบอกความสัมพันธ์ระหว่างอลันกับโจนนั้นดันฟังดูเคลิ้มกว่าและอินกว่าคำว่าI love youในหนังรักด้วยซ้ำ ไหนจะการตีความคาแรกเตอร์ให้เข้ากับยุคสมัย จากที่โจน คลาร์กเป็นสาวธรรมดาๆที่ทำงานในเบทชลีย์พาร์คในประวัติศาสตร์จริง มาในเรื่องกลายเป็นสาวฉลาดที่สังคมยังไม่พร้อมต้อนรับเธอเพียงเพราะเธอเป็นผู้หญิง การที่ดัดแปลงเธอให้เป็นแบบนี้มันทำให้เธอดูมีเคมีที่เข้ากับอลันได้มากขึ้นไปอีก (แถมเคียร่ากับพี่เบนก็เล่นได้ดีมากๆ เคมีเข้ากันสุดๆ จนลืมไปเลยว่าอลัน ทัวริ่งเป็นเกย์ ฮาาาา)

    สรุปว่าชอบมากๆค่ะ ให้10/10เลยก็ยังได้ ส่วนตัวอาจต้องจัดอีกหลายๆรอบในโรงถ้างบมีค่ะ//รู้สึกจะพิมพ์เยอะไป…ฮาาาา

  2. ผมต้องตัดสินใจว่าจะดูเรื่องนี้ หรือ sniper เพราะ ไม่ว่างไม่สะดวก สุดท้าย ดูเรื่องนี้เพราะ คนใน patip ชมว่าดีนักดีหนา คนไม่ค่อยดูเรื่องนี้กันนะเเละคิดไม่ผิดหนังอยู่ในโรง 1 สัปดาห์หายจากโปรเเกรมไปเกือบหมด ผมดูเพราะคนอวยนี่เเหละ ดูเเล้วบอกตรงๆหนังโคตรธรรมดาเลย หนังได้คะเเนนจากความรักเกย์ที่ไม่สมหวังในวัยเด็กเเละได้รับความเห็นใจจากผู้หญิง หนังมีดีเเค่เลือกนักเเสดงได้ดี คือ น้องคีร่า กับ ตัวเอกที่เเสดงได้ดี นี่เเหละ นอกนั้นหนังจัดว่าห่วยเลยเเหละไม่มีนัำหนักอะไรเลย หนังเรื่องนี้ถ้าฉายในอเมริกาต้นปี ไม่ใช่ปลายปี ไม่มีทางได้เสนอชื่อเข้าชิงเเน่นอน ผมเเสดงความเห็นหลายคนคงไม่ชอบ เเต่ผมตีตั๋วเข้าไปดูมีสิทธิ์วิจาร์ณได้ ถ้าหนังเรื่งอนี้เต็ม 10 ผมให้ 5 นะคือดูได้ค่าเวลา เเละไม่มีอะไรต้องจดจำ ตอนเเรกผมไปดูนึกว่าจะทำได้ดีพอๆกันหรือดีกว่า a beautiful mind เเต่เทียบไม่ติดเลยระหว่างโครงเรื่อง ดำเนินเรื่อง

  3. ในฐานะนักศิลปะ งานที่สามารถทิ้งประเด็นและคำถามไว้ในใจผู้ชมหลังชมจบได้นั้น ถือเป็นงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดแต่ก็ทำได้ยากที่สุดเช่นกัน

    ภาพยนต์เรื่องนี้ได้ทิ้งปมและประเด็นคำถามมากมายที่เมื่อชมจบต้องขบคิดต่อ มีสารมากมายที่ภาพยนต์เรื่องนี้ได้ตั้งคำถามไป
    มีภาพยนต์ไม่มากหรอกครับที่สามารถจะทิ้งประเด็นคำถามไว้ในใจเราให้กลับไปคิดทบทวนได้ สำหรับผมภาพยนต์เรื่องนี้จึงเป็นภาพยนต์ที่ดีมากเรื่องหนึ่ง

  4. พอดูจบ ผมคิดเลยว่าเชงเม้งปีนี้ผมว่าจะเผาComputerไปให้ให้ อลัน ทัวริ่ง ซะหน่อยรู้สึกขอบคุณเค้าจริง (นอกเรื่องไปซะหน่อย )

    ผมว่าเป็นหนังชีวะประวัติที่เล่าเรื่องได้ดูเพลินดีนะ และตัวละครหลักก็ดูมีมิติมาก องค์ประกอบหลายๆอย่างในเรื่องก็ดูมีความสมบูรณ์มากให้ความรู้สึกกดดันไปกับเหตุการณ์ในหนังนั้นจริงๆ โดยส่วนตัวผมชอบตรงที่หนังพยายามให้เราคิดว่าที่สิ่งที่พวกพระเอกทำอยู่เป็นสิ่งที่ ถูกหรือไม่

    อันนี้วิจาณ์แบบส่วนตัวนะครับไม่ใช่นักดูหนังเท่าไหร่

  5. เป็นหนังที่คนเรียนสาย IT หรือ วิทยาการคอมพิวเตอร์ต้องดูครับ เพราะอลันถือเป็นบิดาของสายนี้เลย แกคิดค้นอะไรหลายอย่างนอกจากการแก้ Enigma ซึุ่งเป็นพื้นฐานของคอมพิวเตอร์ทุกวันนี้

  6. สำหรับผม ผมชอบเนื้อเรื่อง ชอบการเล่าเรื่อง ชอบบท แต่ไม่ชอบการแสดงของเบเนดิกส์ครับ ผมยังไม่อินกับอลัน ทัวรริ่งตอนโต แต่ดันไปอินกับอลัน ทัวรริ่งตอนเด็ก ทัวร์ริ่งตอนเด็กเล่นให้ผมเชื่อเลยครับว่าเขาคือเด็กพิเศษจริงๆ แต่เบเนดิกส์ยังแสดงบุคลิกออกมาไม่ชัดเจนมครับ ชอบเคียร่าที่เล่นเป็นธรรมชาติมากแม้ผมจะรู้สึกว่านางไม่ค่อยมีบทบาทมากสักเท่าไร ชอบสิ่งที่หนังตั้งคำถามเรื่องการแสดงออกความจริง การสื่อสารซึ่งก็เชื่อมกับเนื้อหาได้ดีครับ

  7. ชอบมากเลยค่ะ ชอบเหมือนที่อ.ประวิตรบอกว่า หนังพูดถึงหลายเรื่อง แล้วขมวดมาเป็นเรื่องเดียวกันได้พอดี๊พอดี ดูจบหลายวันแล้วยังเอามานึกถึงอยู่เรื่อยๆ (เรียกว่าหนังกวนใจได้เลยทีเดียว)

Leave a Reply to noumCancel reply