Big Hero 6 – ในความเห็นของคุณ
Big Hero 6 ภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องใหม่ของดิสนี่ย์ ที่ดัดแปลงจากงานของมาร์เวล เข้าโรงฉายในบ้านเราแล้วสัปดาห์นี้ หลังจากออกฉายในสหรัฐมาก่อน 2-3 สัปดาห์ครับ และดูเหมือนว่าจะถูกใจทั้งผู้ชมกับนักวิจารณ์ หนังมีนักวิจารณ์ชอบ 89% มีคะแนนเฉลี่ยที่ 7.4/10 จาก 133 บทวิจารณ์ที่ Rotten Tomatoes รวบรวมมา ไม่ห่างจาก Metacritic นักที่คะแนนอยู่ที่ 74/100 ส่วนคะแนนจากผู้ชมที่เป็นชาวเว็บ imdb อยู่ที่ 8.4/10 จากราว 2 หมื่นกว่าโหวตครับ
หนังเรื่องนี้มี easter eggs ที่เกี่ยวกับมาร์เวลด้วย แม้จะคนละผู้สร้างกัน อย่าลืมจับตาดูกันให้ดี และก็มีฉากท้ายเครดิตด้วย อย่าลืมชมกันจนจบนะครับ
ใครที่ชมแล้ว มีความเห็นยังไงบ้าง มาบอกเล่ากันได้เลยครับ
ยังไม่เข้าไม่ใช่หรอครับ 4ธันวาคม ไม่ใช่ผมงงเลยแหะ สรุปเข้ายัง
เข้าแล้วครับ รอบก่อนฉายจริง
รอ sneak preview ครับ
นั่นสิครับ เหอๆๆ
รอบพิเศษครับ บ่ายสอง กะ สีโมง
ตอนบ่ายวันนี้ฉายละครับเป็นแบบพิเศษจำกัดรอบก่อนเข้าจริงครับ
ก็สนุกดีครับ ดูเพลิน รู้สึกเกือบสุดแล้วแต่ขาดอารมณ์พีคตอนจบอีกนิดนึงครับ Baymaxน่ารักดีครับ
ชอบช่วง 20 นาทีแรกนะ อะไร ๆ มันดูน่าสนใจไปหมด
แต่พอฮีโร่เริ่มอยู่กะเบย์แม็กเต็มเวลา เนื้อเรื่องที่เหลือก็เดาทางง่ายมาก ไม่น่าติดตาม กลายเป็นหนังเด็กเลย
ฉากแอ็คชั่น นึกว่าจะได้ดูอะไรมันส์ๆแบบ The incredible หรือ How to train your dragon ภาคแรก ก็ทำได้ไม่ถึง ดูแค่พอเพลินๆ ไม่ได้ลุ้นเลย เสียดายตัวละคร คาแรกเตอร์เจ๋ง ๆ ตั้งหลายตัว สร้างฉากแอคชั่นได้ไม่สุดเลย
แต่ถ้าเด็กๆมาดูก็คงสนุกมากอยู่ Baymax ก็น่ารักดี
สรุปว่าเป็นอนิเมชั่นที่เหมาะกับเด็กทุกคน และคนที่หลงรัก ฺBaymax ตั้งแต่ในตัวอย่างหนัง
หนังมันไม่สุดจริงๆครับ แต่น่ารัก(+ฉากซึ้ง) เอาไปเต็ม 10
นอกนั้น หนังมันเคลียร์ง่ายไปหน่อย ปมดราม่าพี่ชายใส่มาเยี่ยมดีนะครับ แต่ก็เคลียร์และสอนไม่พีคสุด
ทุกอย่างดูเหมือนไม่ค่อยขยี้ให้มันประทับไปทั้งขั้วหัวใจ ทั้งๆที่เนื้อเรื่อง มิติตัวละคร วัตถุดิบต่างๆ มีปูทางไว้มาอย่างดีแล้ว
คือไม่ได้หวังให้หนังอนิเมมีประเด็นอะไรให้พีคให้ดราม่าขั้นสุดแบบหนังคนแสดงทั่วไปหรอก
แต่มันเห็นๆว่า หนังที่ยังไงเด็กดูก็สนุกอยู่แล้วเรื่องนี้ มันมีปมและประเด็นที่สามารถเล่าและไปแตะใจคนดูหนังที่เลยวัยเด็กมาหน่อย ซึ่งก็ต้องการทั้งความสนุกแบบเด็กๆ และสาระ จับต้องได้แบบเลยวัยเด็กมาหน่อยนึงเหมือนกัน
ซึ่งความกลมกล่อมลงตัว ยังไม่อาจสู้ The Incredible ได้ .. แต่กระนั้น นี่ก็เป็นอนิเมที่เด็กดูได้สนุก ผู้ใหญ่ก็ดูเพลินๆดี และในหลายๆส่วนของหนังอนิเมเรื่องนี้ ทังด้านภาพ การออกแบบตัวละคร ไอเดียฮีโร่เด็กเนิร์ดวิทยานศาสตร์ ก็ทำออกมาได้แจ่มว้าวมากพอ ที่จะขอบอกต่อ ให้คนที่นิยมดูหนังอนิเม ไม่อยากให้พลาดกันล่ะครับผม ^^b
สนุกและไม่เสียดายตังค์ครับ
เป็นอนิเมชั่นที่สนุก ดูง่าย เสพง่าย ไม่ลึกซึ้ง
ช่วงต้นทำได้รู้สึกพิเศษ แต่ช่วงท้ายคาดเดาเรื่องได้แทบจะทันที และออกมาเป็นหนังสูตรสำเร็จ
ประเด็นการนำเสนอส่วนตัวคาดหวังว่าจะอยู่ในระดับ Wreck-It Ralph ต้องสารภาพว่ารู้สึกผิดหวังที่เรื่องแบนไปมาก
คาแร็คเตอร์ต่างๆ โดดเด่นน่าสนใจ ตัว Baymax ทำได้ดีมากแต่ก็ถือเป็นจุดอ่อนของเรื่องเพราะดึงดูดความน่าสนใจจากตัวละครอื่นๆ ในทีมไปหมด คิดว่าจะมีฉากที่ทำให้เพื่อนในทีมเด่นมากกว่านี้
อนิเมชั่นเรื่องนี้เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี เหมาะกับวันพักผ่อนของครอบครัวอย่างมาก
ปล.ถ้าให้คาดหวังระดับออสการ์ส่วนตัวคิดว่า The Tale of Princess Kaguya ทำได้ดีกว่า
ตั้งแต่ติดตามเว็บนี้มา ผมว่าผมได้ตั้งใจรอหนังดีดีมาตลอด แล้วผมก็ได้ดูมันเกือบทุกเรื่องที่คุณ Jediyuth พรีวิวมา เรื่องนี้ต้องขอขอบคุณเว็บดีดีแบลนี้ครับ
ส่วนหนังเรื่องนี้ผมชอบมากครับ เข้าถึงอารมณ์ของผมสุดๆ หัวเราะตาม ร้องให้ตาม ดีใจ เสียใจ ตามอารมณ์ของฮีโร่แทบทุกอย่าง คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกในเรื่องเลย ออกจากโรงมา ตายังแดงๆ จมูกก็ยังฟุดฟิดๆ รักเรื่องนี้ครับ อยากดูอีกรอบ
มันเข้าวันไหนครับ
วันที่ 4 ธันวาครับ
หลานผมบอกว่าดูแล้วไม่ค่อยเชื่อหรอกขอถามหน่อย
ได้ดูซะทีกับหนังอนิเมชั่นเรื่อง Big Hero 6 ที่แค่ดูทีเซอร์เมื่อปีที่แล้วก็ตั้งความหวังไว้ค่อนข้างสูงทีเดียว เพราะมันเกี่ยวกับฮีโร่ และก็ดูเหมือนจะใส่ความเป็นญี่ปุ่นมาเยอะด้วยแหละ
พอได้ดูจนจบ ก็ต้องใช้คำว่า “ไม่ผิดหวัง” จริงๆ ขนาดว่าตั้งไว้สูงมากละนะ แต่ก็ยังทำไว้ได้ดีกว่าที่คิดอีก ก่อนไปดูได้ยินคนพูดกันว่า “แฟนๆมาร์เวล จะต้องชื่นชอบ” แต่พอดูจบแล้ว กลับไม่รู้สึกยังงั้นเลย แต่รู้สึกว่า “คนที่ชอบการ์ตูน หรือเกมญี่ปุ่น” จะต้องชอบมากกกกก โดยเฉพาะคนชอบเที่ยวประเทศญี่ปุ่น เพราะบรรยากาศต่างๆในหนังเรื่องนี้ เป็นการผสมเมือง ซานฟรานซิสโก + โตเกียว เข้าไป ซึ่งดูแล้วก็คิดถึงญี่ปุ่นเลยอ่ะ ฮ่าๆ
ชอบมากๆ ถึงมากที่สุดคือ ดีไซน์ในเรื่องนี้นี่แหละ ที่เอาความเป็นญี่ปุ่นมาผสมกับสไตล์อเมริกาได้แบบลงตัวมาก ทั้งในส่วนของสภาพแวดล้อม ตึก ถนน สะพาน นู่นนั่นนี้ หรือเครื่องแต่งกาย จนไปถึงทรงผม หรือแม้แต่ดีไซน์ตัวร้ายกับท่วงท่าการใช้อาวุธ “มันญี่ปุ่นชัดๆ” โดนใจติ่งญี่ปุ่นอย่างผมเต็มๆ 555+
บทหนังก็ดีมากจริงๆ ถึงแม้ว่า อาจจะพอเดากันได้ เพราะค่อนข้างสูตรสำเร็จ “แต่” มันก็มีอะไรเล็กๆน้อยๆ ที่แทรกเข้ามา แล้วทำให้หนังมันดูมีมิติ ดูมีความลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น (ซึ่งถือว่าเป็นเนื้อเรื่องที่จัดหนักสำหรับเด็กที่ดูเหมือนกัน) แล้วก็ใส่มุกตลกแบบน่ารักๆ ให้พอได้หัวเราะ ผสมกับฉากแอ๊คชั่นที่ไม่โหดร้ายนัก แต่ดูดีและเพลินพอตัว ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่า หุ่นอ้วนกลม เบย์แม็กซ์ นี้โคตรขโมยซีน ทั้งฮาทั้งน่ารักอ่ะ จำได้ว่าดูหนังดิสนีย์ แล้วมีตัวขโมยซีนได้น่ารักฮาๆก็มี สติทซ์ นั่นแหละ ต่อมาก็มาเจอตัวนี้เลย
หนังยาวประมาณ 1.40 ชม. ซึ่งถือว่าค่อนข้างยาวสำหรับหนังการ์ตูนเหมือนกัน แต่ก็ใช้การเล่าเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป บางช่วงมีอืดบ้างเล็กน้อย แต่ด้วยความน่ารักของ เบย์แม็กซ์ ก็ให้อภัยกันได้ สิ่งที่รู้สึกว่า เรื่องนี้ทำได้ดีอีกอย่างคือ “จังหวะ”ของหนัง ที่เปลี่ยนจากเฮฮาไปตื่นเต้น ได้อย่างแนบเนียน ทั้งมุมกล้องและดนตรี โทนสีของภาพ มันเปลี่ยนอารมณ์คนดูได้เลยแหละ เยี่ยมจริงๆ
หลังๆมานี้ ดิสนีย์ เริ่มทำ อนิเมชั่นได้สนุกขึ้นเรื่อยๆแล้วแฮะ (ซึ่งน่าดีใจเป็นยิ่งนัก) อย่างเรื่อง Big Hero 6 นี้ ใครดูก็ต้องหลงรักเจ้า เบย์แม็กซ์ แน่นอน อยากให้มีภาค 2 ต่อจัง
ปล. หนังสั้นโป๊ะเรื่อง ที่ชื่อ Feast ก็เจ๋งมากอ่ะ ลายเส้น สี มุมกล้อง ดนตรี เนื้อเรื่อง ความน่ารักของน้องหมา ต้องใช้คำว่า เพอร์เฟค เลยอ่ะ
ปล.2 อยากล้างสมอง แล้วไปดูอีกรอบจัง ฮือๆ สนุกง่ะ
ปล.3 ลุงสแตน ลี โผล่ด้วยแฮะ