หลังจากภาพนิ่งของเฮนรี่ คาวิลล์ ในร่างของคลาร์ก เคนท์ เผยโฉมวันก่อน หนัง  Batman v Superman: Dawn of Justice ก็เผยโฉมแรกของคาวิลล์ในชุดซูเปอร์แมนออกมาวันนี้ที่ USA Today พร้อมบทความสัมภาษณ์ผู้กำกับแซ็ค สไนเดอร์ ครับ

ส่วนที่เก็นชัดสุดในชุดซูเปอร์แมนที่ต่างจาก Man of Steel คงเป็นที่ส่วนคล้ายครีบปลาที่ข้อมือและข้างลำตัวครับ สีเปลี่ยนไปจากสีดำเป็นสีน้ำเงินเข้มกลืนไปกับชุดแทน และก็มีการเปลี่ยนรูปร่างของหัวเข็มขัดใหม่ และดูเหมือนว่าสีของผ้าคลุมสีแดงจะเข้มขึ้น

ภาพแรกของซูเปอร์แมนที่ปล่อยออกมา บอกเป็นนัยว่าซูเปอร์แมนจะเข้าสู่โลกที่มีด้านมืดหม่นยิ่งขึ้น (หรือโลกของแบทแมนนั่นเอง) สอดคล้องกับคำพูดของสไนเดอร์ให้เล่าในบทสัมภาษณ์ครับว่า หนังจะข้นขึ้น และขุ่นยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นการต่อไปที่จะเป็นการสร้างฐานอันเข้มแข็งที่นำไปสู่จักรวาลของ Justice League ที่สไนเดอร์จะกำกับเป็นเรื่องต่อไป โดยได้เพิ่มตัวละครใหม่มาบ้างแล้ว เช่นกัล กาด็อต ในบทสาวน้อยมหัศจรรย์ และเรย์ ฟิสเชอร์ ในบทไซบอร์ก

เรื่องราวใน Man of Steel เน้นไปที่การหาที่ของตัวเองบนโลกมนุษย์ของซูเปอร์แมน ทั้งในฐานะวีรบุรุษและมนุษย์ธรรมดา ด้วยการช่วยเมโทรโปลิสให้พ้นจากหายนะ ส่วนใน Dawn of Justice จะเป็นการสานต่อการที่เขาเข้ามาฝังตัวอยู่บนโลกด้วยการทำงานกับเดอะ เดลี่ แพลเน็ต ในฐานะนักข่าวคลาร์ก เคนท์ ร่วมกับ โลอิส เลน (เอมี่ อดัมส์) และเพอรี่ ไวท์ (ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น) แต่ยังพาเขาเข้าไปยังสิ่งแวดล้อมใหม่เช่นก็อทแธมซิตี้ และแนะนำภัยคุกคามใหม่ซึ่งรวมถึงเล็กซ์ ลูธอร์ (เจสซี ไอเซนเบิร์ก) ด้วย

ความท้าทายของภาคนี้สำหรับสไนเดอร์ก็คือ การที่ต้องลงลึกและการพัฒนาการของตัวละครทั้งในฐานะคลาร์ก เคนท์ และ ซูเปอร์แมน รวมถึง “ความสนุกในการหาว่าจะเอาอะไรมาเป็นอุปสรรคของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่ยาก”

คาวิลล์รู้สึกสบายมากขึ้นในการรับบทเป็นซูเปอร์แมนครั้งที่สอง สไนเดอร์บอก “เราทั้งคู่ต่างสร้างนายคนนี้ขึ้นมา และเราเล่นกับเขาได้บ้างนิดๆ แล้ว ยิ่งผมได้อยู่กับเฮนรี่ เขายิ่งเป็นซูเปอร์แมนมากขึ้นสำหรับผม”

ตอนที่สร้างหนัง Man of Steel ผู้กำกับสไนเดอร์ไม่นึกฝันว่าวันหนึ่ง เขาจะต้องใส่แบทแมนเข้ามาในหนังด้วย แต่เขาก็วันหนึ่ง เขาจะดัดแปลง The Dark Knight Returns งานชิ้นเอกของแฟรงก์ มิลเลอร์ ในยุค 80 เป็นหนัง ซึ่งแบทแมนต้องปะทะซูเปอร์แมนที่ทำงานให้รัฐบาล

มันสมเหตุผลแล้วที่ Dawn of Justce จะใส่บรูซ เวย์น และร่างนักปราบอธรรมของเขาเข้าไป เพราะงานไตรภาค The Dark Knight ของคริสโตเฟอร์ โนแลน ที่เพิ่งผ่านไป “ผมไม่เร่งรีบที่จะใส่แบทแมนเข้ามาในหนัง แต่เมื่อคิดดูอีกที มันดูเหมือนเป็นไปตามองค์ประกอบเมื่อเรื่องราวคลี่ออกไปให้ใส่เขาเข้ามา”

แทนที่จะใช้หนังหลายเรื่องมานิยามแบทแมนของเบน แอฟเฟล็ค ก่อน สไนเดอร์รู้สึกว่าตัวละครที่มีอายุมา 75 ปีนี้ มีความเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีในหมู่ผู้ชมทั่วไปจนสามารถโดดเข้าไปเล่าเรื่องราววัยที่แก่กว่า และกรำศึกมานานกว่า ของอัศวินรัตติกาลได้เลย “มันเจ๋งกว่าที่ได้เห็นแบทแมนที่มีอายุและฉุนเฉียวอัดคนจนน่วม”

ผู้กำกับยังบอกไม่ได้ว่าความสัมพันธ์ของสองพระเอกจะพัฒนาไปในทางใด “แต่บอกได้ว่ามีตัว v ขั้นระหว่างชื่อพวกเขาในชื่อหนัง” สไนเดอร์บอกอีกว่าการใช้ “v” แทน “vs” เพื่อเป็นการไม่บอกตรงๆ ว่านี่เป็นหนังว่าด้วยการปะทะกัน แต่เป็นการบอกเป็นนัย

สไนเดอร์เพิ่งถ่ายทำฉากที่คาวิลล์กับเอฟเฟล็คเข้าฉากร่วมกันไปไม่กี่ฉากระหว่างที่ถ่ายทำอยู่ในตอนนี้ที่ดีทรอยท์ แต่เขาก็เห็นถึงความสำคัญทางประวัติศาสตร์ “มันยังไม่เคยถูกสร้างมาก่อน และมันก็ออกจะเจ๋งมาก”

สไนเดอร์ยังไม่ได้ถ่ายฉากแกล กาโดท์ ในบทสาวน้อยมหัศจรรย์ แต่ก็พูดถึงกาโดท์ว่า “เธอกำลังฝึกร่างกายอย่างหนักให้ล่ำและกำยำ”

ขณะที่สไนเดอร์แปลกใจต่อความตื่นเต้นของแฟนๆ ต่อหนัง Dawn of Justice กันแล้ว แต่เขาก็เข้าใจถึงการรอคอยอย่างคาดหวังต่อหนังเรื่องนี้ “คุณจะพูดยังไงก็ได้เกี่ยวกับหนังซูเปอร์ฮีโร่อื่นๆ แต่สำหรับ Batman กับ Superman แล้ว พูดตามตรงเถอะ ผมไม่รู้ว่าจะหาอะไรยิ่งใหญ่กว่านี้ได้ยังไง”

Batman v Superman: Dawn of Justice จะออกฉาย พฤษภาคม 2016 นี้ครับ

(คลิกภาพเพื่อชมภาพที่ใหญ่ขึ้น)