Godzilla: ในความเห็นของคุณ

GODZILLAGodzilla เปิดตัวแล้วในบ้านเราสุดสัปดาห์นี้ครับ ได้ยินว่าทำเงินวันแรกในวันพฤหัสบดีไปราว 12 ล้านบาท และถ้าวันเสาร์-อาทิตย์ มีผู้ไปชมมากกว่า หนังน่าจะเปิดตัวสัปดาห์ไปราว 50-60 ล้านบาทในบ้านเรา ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงใช้ได้

ในแง่คำวิจารณ์ คำชมส่วนใหญ่คงอยู่ที่การสร้างฉากปรากฏายของก็อดซิลล่า และช่วง 20 นาทีสุดท้ายของหนัง งานกำกับของแกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์ ก็ถือเป็นอีกอย่างที่ได้รับคำชม โดยเฉพาะการสร้างฉากคารวะหนังต้นฉบับปี 1954 และฉากที่ได้แรงบันดาลใจจากหนังของสตีเวน สปีลเบิร์ก แต่โดยส่วนใหญ่ก็เห็นพ้องกันในเรื่องบทหนังในส่วนของตัวละครมนุษย์ที่ไม่อาจสร้างอารมณ์ร่วมให้แก่ผู้ชมได้ รวมถึงการใช้นักแสดงได้ไม่คุ้มค่า

คะแนนวิจารณ์ล่าสุดจากการประเมินของ Rotten Tomatoes อยู่ที่ 73% ของคำวิจารณ์ด้านบวก และคะแนนเฉลี่ย 6.5/10 จาก 181 บทวิจารณ์ในตอนนี้ครับ ส่วนคะแนนจากผู้ชมที่เป็นสมาชิก imdb ล่าสุดอยู่ที่ 7.9/10 จาก 20,000 โหวต เพื่อนผู้อ่านเว็บทุกท่านมีความเห็นยังไงกับหนังบ้างครับ ให้คะแนนเท่าไหร่ ชอบหรือยังรู้สึกว่าขาดอะไรไปบ้าง มาร่วมใส่ความเห็นกันเลยครับ

51 comments

  1. ผมว่าภาคนี้ยังโอเคกว่าภาคที่ผ่านอย่าง Final Wars อีกนะครับ โดยรวมถือว่าคุ้มค่าสำหรับผม ไม่ว่าจะฉากเปิดตัว เสียงคำราม รวมไปถึงฉากเด็ดๆตอนท้ายๆ คุ้มค่าแก่การรอคอยครับผม คะแนนที่ให้ 9-10 (ที่ขาดไป 1 ก้เป็นเพราะฉากบู๊ที่น้อยไปนิดนึง)

  2. ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
    ชอบ
    – ฉากโรยตัวจากเครื่องบิน ภาพสวยมาก โปรดักชั้นอลังการ มุมกล้องแนว โทนภาพชัดเจน ชอบมาก ตรึงใจ
    – รักษาสเกลตัวอี GODZILLA และมูโต ได้ดี ไม่มีเดี๋ยวเล็ก และใหญ่ (อย่างหนังบางเรื่องที่ผ่านมา)
    – เห็นด้วยกับที่ว่า เคารพต้นฉบับ ตัวGODZILLA ออกแบบ ได้ดูดีชอบครับ อี GODZILLA มันน่ารักเอาการ ตุ้นนุ้ยมาก พริ้วไหวดังสายน้ำอีกต่างหาก
    – ความรู้สึกตอนเด็กกลับมา ที่เหมือนนั้งรอช่องเก้าฉายการ์ตูนและขบวนการ 5 สีฉายตอนเช้า อย่างนั้น

    ข้อสังเกต
    – 1ชั่วโมงครึ่งกับการนั่งปวดตูดลุ้นว่า GODZILLA หน้าตาอย่างไร และก็ได้รู้ในเวลาถัดมา แสดงว่า ปูเรื่องกันยาว……ว มร๊าก..และรู้สึกไม่เกี่ยวอะไรกับอี GODZILLA สักเท่าไหร่เลย
    – มูโต คู่ปรับของอีGODZILLA มันมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร ยังงง ๆ และอยู่ ๆ มันก็ชื่อ มูโต
    – คุณเข้าชมหนังหลังจากที่ฉายไปแล้วได้ และไม่ต้องกลัวว่าจะไม่รู้เรื่อง คุณจะรู้เรื่องแน่ ๆ (เพราะระหว่างชม ผมไปเข้าห้องน้ำไปนั่งอึประมาณ 20 นาทีกลับมาก็ยังดูรู้เรื่อง)
    – ระหว่างชมผมรู้สึกว่าอี GODZILLA มันเป็นแค่ตัวประกอบนะ หนังเรื่องนี้น่าเป็น King Kong หรือ การผจญภัยของครอบครัวฟอร์ดปะทะมอนสเตอร์ อะไรอย่างนั้นมากกว่า หนังไม่ได้โพกัสอะไรมากมายไปที่ตัวอี GODZILLA (ยกเว้น ประมาณครึ่งชั่วโมงุดท้าย) หรือว่ามันแผงความลึกลับของตัวอี GODZILLA ซึ่งถ้าจะแผงความลึกลับขนาดนั้นมันก็ดูขัด ๆ กับความรู้สึกคนที่บอกว่าจะไปดู GODZILLA เพราะต้องการชมGODZILLA นะ….
    – ระหว่างดู รู้สึกเหมือนหนังยัดเยียดความเป็น ดราม่า ผ่านตัวละครที่เป็นมนุษย์ เยอะไปและผมก็นึกเสมอว่า เฮ้ยกำลัง GODZILLA นะเว้ย
    – แนะนำดูแบบธรรมดาก็พอ อย่าไปดู 3 มิติค่อนข้างจะเสียดายเงิน ไม่มีอะไรหวือหวา
    – แนะนำดู Sound Track เพราะพากร์ไทยเพลียมาก
    – ดีกว่า เวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ไหม แน่นอน ดูดีกว่าหลายขุม
    – ภาคหน้า ตัดตัวละครที่เป็นมนุยษ์ที่ไม่จำเป็นออกไปเถอะ รก มีไว้ทำไมไม่รู้ เอาแต่อี GODZILLA มาเน้น ๆ เลย อีGODZILLA เนี้ยมันอยู่บนโลกจนมันตัวโตขนาดนี้ ไม่มีhistory ของมันสักนิดเลย มันอาจจะไปโผล่เล่นตรงนั้น ตรงนี้ มีคนแอบถ่ายได้บ้าง แต่หนังไม่มีบอกว่ามัน
    – พึ่งรู้ว่า GODZILLA เป็นตัวเมีย
    – เมืองถล่มทลาย ย่อยยับ หลายประเทศ แต่ อีคนยังปลื้มกับฮีโร่อี GODZILLA นะ
    -ถามหาความสนุก ถ้าไม่นับชั่วโมงครึ่งแรกและเรื่องนั้นเรื่องนี้อย่างที่ผมคิด มันก็ตื่นเต้นมากมายกับการได้เจอ อีGODZILLA อีกครั้ง

    ให้ 7.5/10 ไม่น่าเกลียด เท่าไหร่ที่จะเสียเวลาดู(ครึ่งชั่วโมงหลัง)

  3. ผมว่าหนังยังมีความตื่นเต้นน้อยไปหน่อยน่ะครับ คือดูจากตัวอย่างผมคิดว่าน่าจะกดดันและตื่นเต้นมากกว่านี้ แต่กลายเป็นว่าผนังมันออกจะโทนหนังซุปเปอร์ฮีโร่ไปซะงั้น

  4. ชอบทุกฉากที่ ก็อตจิ ปรากฎตัว รองลงมาก็ ฉาก มุโตะ ปรากฎตัว สิ่งที่ไม่คอยชอบคือ ส่วนเนื้อเรื่องของฝ่ายมนุษย์ ที่เวิ่นเว้อ ค่อนข้างน่าเบื่อ จนเกินไป จนทำให้เบียดเวลา ของ ก็อตจิ และ มุโตะ ที่ควรจะได้บทมากกว่านี้ไป และก็การตัดต่อเรื่องบางช่วงที่ทำให้อารมณ์สะดุดไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วพอใจ ให้ 8 เต็ม 10 ครับ

  5. ขอออกความเห็นในฐานะแฟนหนังก๊อตซิลล่านะครับ ต้องบอกว่าภาค 2014 นี่ให้ความเคารพต่อต้นฉบับมากๆ ทั้งตัวก๊อตซิลล่าและเอกลักษณ์ต่างๆ ผมว่าแฟนหนังก็อตซิลล่าทุกคนน่าจะชอบ เพียงแต่ผู้กำกับพยายามยึดตามหนังปี 1954 จนเกินไป โดยเน้นที่ตัวคนมากกว่าตัวก๊อตซิลล่า แต่ไม่สามารถทำให้คนดูรู้สึกร่วมไปกับหนังได้ตลอดทั้งเรื่อง จะมีก็แค่ช่วงตอนต้นที่ทำให้เรารู้สึกร่วมได้บ้าง ถ้าเป็นคนดูทั่วไปที่ไม่ใช่แฟนหนังก๊อตซิลล่าอย่างภรรยาผม จะรู้สึกว่าภาค 1998 สนุกกว่า ทั้งๆที่ภาคนั้นไม่ได้มีเอกลักษณ์ของก๊อตซิลล่า แต่เขาทำให้เรารู้สึกร่วมไปกับตัวละครได้ และมีมุขตลกเยอะกว่าซึ่งคนไทยคงชอบตรงนี้ เพราะโทนหนังฉบับล่าสุดเขาพยายามให้มันดราม่า แต่อารมณ์มันไปไม่ถึง หนังจะน่าลุ้นก็แค่ตอนต้นกับตอนท้ายเรื่อง ถึงอย่างนั้นผมก็ว่าหนังฉบับนี้แฟนก็อตซิลล่าต้องไปดูครับ อย่างน้อยจะได้เห็นทุกอย่างที่อยากเห็นเมื่อก๊อตซิลล่าเป็นหนังฮอลลีวู้ด ตอนช่วง 30 นาทีสุดท้ายเป็นอะไรที่ผมชอบมาก น่าเสียดายที่น้อยไปนิด แต่ก็ยังสะใจมาก คงเพราะผู้กำกับพยายามบิ้วอารมณ์โดยไม่ให้เราเห็นก๊อตซิลล่าเยอะๆ และมาเห็นช่วงท้ายทีเดียว ถึงจะเห็นแค่ 30 นาทีผมก็รู้สึกคุ้มมากที่ไปดู ท่าจบทำได้สะใจมากครับ ผมให้ 7/10

  6. โดยรวมผมว่าใช้ได้ครับ อาจจะแอกชั่นน้อยไปหน่อย แต่อย่างที่ทุกคนบอกครับ เรื่องบท ผมไม่ชอบที่ให้ก๊อตซิลล่า โผล่ภาคแรกอออกมาเป็นฮีโร่ ครับ ควรเอาไปใส่ภาคสองมากกว่า อยากให้ภาคแรกเป็ฯเรื่องของพี่กอ๊อตโดนเฉพาะ การโ๗มตี ยุทธวิธีการทหาร การหาทางกำจัด มูโต้ผมมองว่าไม่จำเป็นเลย ทำไมตอนท้ายข่าวต้องเสนอว่าพี่ก๊อตเป็นฮีโร่ ทั้งๆ ที่คนพึ่งจะเคยเจอ มันต้องเป็นหนังที่มีแต่ความกลัวต่อ ก๊อตซิลล่าครับ เป็นสิิ่งที่พึ่งเกิดมาให้คนเห็น คนต้องหวาดกลัว และหาทางทุกอย่างกำจัดมัน ภาคแรกอยากให้นำเสนอแบบนี้เมากกว่า แล้วตอนท้ายค่อยให่้มีสัตว์ร้ายอีกตัวนึงโผล่มา แล้วเหมือนไม่มีทางเลือกต้องให้พี่ก๊อตมาสู้ไรงี้

  7. โดยรวมเป็นหนังทุกเพศทุกวัยจริงๆ Then Now Forever !!! all generation will love Godzilla

    น้ำตาคลอเบ้า ตอนปรากฏกายขึ้นจากน้ำครั้งแรกเลย

    เหมือนเรารู้จักกันมานาน

    เดี๋ยวไปดูใน imax อีกรอบ

  8. ก๊อตจิภาคนี้ถือว่าเคารพต่อต้นฉบับมากๆ แต่ก็มีส่วนเปลี่ยนแปลงอยู่เล็กน้อย
    โดยรวมหนังพูดถึงการต่อสู้ของธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์สร้าง

    – ก๊อตจิคือตัวแทนของธรรมชาติ ผู้สร้างความสมดุลย์ ไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดจากนิเคลียแบบต้นฉบับ แต่ถูกปูว่ามีมานานอยู่คู่โลกเรา
    – มุโต คือ ภัยที่มาพร้อมสิ่งที่มนุษย์สร้าง นั้นคือนิวเคลีย (มันกินรังสีเป็นอาหาร)

    หนังจะพูดถึงการพยามยามของมนุษย์เอาชนะขีดกำจัดของธรรมชาติ
    1.สร้างโรงงานนิวเคลีย เพิ่มข้อจำกัดเรื่องพลังงาน
    2.สร้างระเบิดนิวเคลีย เพื่อควบคุมภัยร้าย

    มนุษย์เรามักคิดว่าเราสามารถอยู่เหนือธรรมชาติได้แต่เปล่าเลย มูโตคือสัตว์ประหลาดที่มาลงโทษมนุษย์ มุโตกินพลังงานนิวเคลีย(รังสี)เป็นอาหาร ทำลายพลังงานของเรา มูโตไม่กลัวนิวเคลีย อาวุธของเราใช้ไม่ได้ มูโตทำได้แม่งกระทั่งตัดไฟระบบอิเลตทรอนิคได้ทั้งเมืองด้วยการปล่อยคลื่นแค่ครั้งเดียว ทำไม่ได้แม่งแต่จะสตาร์ทรถ ความภูมิใจของมนุษย์ถูกทำลายหมดสิ้นด้วยการมาของมูโต (ต้นฉบับเป็นตัวก๊อตจิเองที่มาลงโทษ แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงบทบาทเรื่อยๆเป็นลำดับ)

    ส่วนก๊อตจิคือตัวแทนของธรรมชาติที่มนุษย์คิดเอาชนะ (เคยเอานิวเคลียยิงใส่แต่ทำอะไรไม่ได้) สุดท้ายท้ายที่สุด ธรรมชาติเองก็คือความหวังเดียวของมนุษย์ ทั้งที่มนุษย์พยายามทำลายธรรมชาติ และธรรมชาติก็เคยทำร้ายเรา แต่ยังไงเราก็ต้องการธรรมชาติ

    หนังมีธงที่ชัดเจน มีหลักยึดที่มั่นคงในการสื่อข้อความของตัวเอง ซึ่งทำได้ดี แต่ส่วนที่ทำได้ไม่ดีนักคือส่วนดราม่าของตัวละครที่เรียกได้ว่า ‘ไปไม่ถึง’ แม้ตัวละครมนุษย์จะมีscreentimeอยู่มาก(มากๆๆๆๆ) แต่ส่วนการพัฒนาจิตใจ การทำให้เราเข้าถึงตัวละครและมีส่วนร่วม กลับน้อยมาก หนังเน้นไปที่เหตุการณ์ สถานการณ์ที่ตัวเอกต้องเอาชีวิตรอดซะส่วนใหญ่ ซึ่งพอเรารู้สึกมีส่วนร่วม ความเห็นอกเห็นใจที่น้อย ทำให้เราลุ้นไปกับตัวละครน้อยเอง ตัวละครที่จะพาไปสู่ดราม่าที่เข้มข้นก็มาตายแต่ plot point แรก

    ส่วนตัวให้ 6.5/10

    + มีธีมที่ชัด สื่อข้อความได้ดีตั้งแต่ต้นยันจบ
    +การออกแบบก๊อตจิที่เคารพต้นฉบับและน่ารักน่ากอด
    +เทคนิคด้านภาพ ระดับTOP

    – ดราม่าน้อย ทั้งที่ให้เวลากับตัวละครเยอะ
    -ไม่ได้ทำให้เรามีส่วนร่วมรู้สึกลุ้นตามตัวเอกมากนัก
    -เอาเฮียวอทเตอร์ ไวท์ ผมมาตายแต่ต้นเรื่องได้ยางงงงายยย (ส่วนตัวคิดว่าถ้าตัวละครนี้ยังอยู่ถึงช่วงท้ายส่วนดราม่าจะดีกว่านี้มาก ทั้งการปรับความเข้าใจกัน สะท้อนภาพตัวละครได้ดีขึ้น แทนที่ให้พระเอกมาหนีๆอยู่คนเดียว)
    -การต่อสู้ในช่วงแรกของก็อตจิดูจำเจอยู่นานนน ถือแม้จะเหมือนกับต้นฉบับก็ตาม แต่ช่วงท้ายก็ทำให้ดีได้นี่นา

    ปล.ส่วนตัวคิดว่า screen time ของก็อตจิไม่ได้น้อย ถือว่าเหมาะสม เพราะตัวละครของก๊อตจิสื่อมิติได้ไม่มากนักอยุ่แล้ว นอกจากเหมือนจะสื่อสารทางอารมณ์ได้เล็กน้อย และ ต่อสู้

  9. เห็นด้วยคับ กับที่บอกว่าเค้าเคารพต้นฉบับได้ บรรยากาศทำให้นึกถึง ภาค Return of Godzilla ปี 1986 ที่ผมชอบที่สุดเลย
    ดนตรีประกอบนี้ใช่เลย referrence มาจากต้นฉบับเลย
    แต่ฉากเปิดตัวพี่ก๊อต และ ซีนพ้นแสง ทำเอาขนลุกเลยครับ.. ทำได้ดีนะตรงนี้ ขอชมเลย
    แต่ คหสต. โดยรวมยังไม่ดีพออะคับ ดราม่าไปซะเยอะ ซึ่ง point มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับพี่ Godzilla ซะเท่าไหร่ด้วย ..ตามสไตล์ฮอลีวู้ดเลย
    แล้วยิ่งคอหนังสัตว์ประหลาด ถ้าพูดถึงฉากต่อสู้ คงเอาอดไม่ได้ที่จะเอาไปเปรียบเทียบกะ Pacific Rim แน่ๆ ซึ่งเจ้านั้นก็ทำได้หวือหวากว่า (ไม่พูดถึงหุ่นยนต์)

    สรุป.. คือ ดูเอาสนุกๆได้ ถ้าไม่ใช่คอหนังแนวนี้อาจจะมีหลับบ้างไรบ้างเป็นบางช่วง แต่ก็พอดูได้ ..แต่ถ้าหลายคนคาดหวัง อาจจะได้ไม่เต็มนะ ถึงจะเรียกว่าไม่ผิดหวังซะทีเดียวก็
    ผมให้ 6.5/10 ครับ เรื่องนี้

  10. ก่อนไปดูสังหรณ์ใจว่าจะออกแนวคล้่ายเรื่อง Monsters ที่โทนเรื่องอยู่ที่มนุษย์และออกแนวตราม่า แต่สเกลใหญ่ขึ้นเท่าน้้น สรุปชอบ แต่น้อยกว่าเรื่อง Monsters ครับ ที่ทำเอาผมซึ้งในตอนจบ ตอนนี้รอลุ้น X-men ที่เห็นคำวิจารณ์ออกมาดีมาก

  11. จากตัวอย่างแล้ว ทั้งภาพและเสียงมันเด่นมากๆ ซึ่งหลังจากได้ดูหนังเต็มๆ แล้วก็เป็นอย่างที่ตัวอย่างหนังได้นำเสนอ คือ งานภาพตื่นตา งานเสียงตื่นหู จริงๆ เมื่อทั้งสองอย่างทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี ทำให้บิ้วเราขึ้นได้พอสมควรเหมือนกัน แต่อย่างที่หลายท่านบอกเรื่องตัวละครมนุษย์และตัวบทหนัง ผมว่ายังไม่เนียน ยังสะดุดๆ ไม่ลื่น เลยทำให้อารมณ์ขาดๆ ไปบ้าง (ผกก เลเวลยังไม่สูงพอหรือยังไง) ผมเองไม่ไช่แฟน Godzilla เลย เคยดูหนังใหญ่เฉพาะของ Hollywood เมื่อปี 199x ซึ่งเรื่องนั้นอาจจะลื่นกว่า แต่สนุกน้อยกว่าฉบับ 2014 มากอยู่หลายช่วงตัว

    ได้อ่านความเห็นใน pantip.com ท่านนึงเขียนไว้ดี (ผมจำชื่อไม่ได้ล่ะ) ได้บอกว่า “หนังเรื่องนี้คือหนังภัยธรรมชาติเรื่องหนึ่ง เป็นภัยธรรมชาติที่เกิดจากการปะทะของสัตว์ประหลาด มนุษย์ที่คิดว่าตัวเองสามารถควบคุมและเอาชนะธรรมชาติได้นั้น ไม่ถูกต้องเลยหลังจากพบเจอภัยธรรมชาติครั้งนี้ เราได้เพียงแค่ปล่อยให้มันเกิดและผ่านไปตามธรรมชาติเท่านั้น” (ไม่ได้ถอดคำมาเป๊ะๆ นะครับ)

    และแม้ว่าผมจะชอบหนังอย่าง Pacific Rim (ที่เป็นหนังสัตว์ประหลาดแอคชั่นเต็มตัว) มากกว่า Godzilla 2014 (ที่เป็นหนังแอคชั่นสัตว์ประหลาดพร้อมดราม่าพอประมาณ) แต่ผมเองก็นิยมหนังแอคชั่นผสมดราม่าเช่นกัน อย่างเช่นหนังแอคชั่นดราม่าลื่นๆ (หมายถึงผสมกันได้เป็นอย่างดีของแอคชั่นและดราม่า) ระดับเทพอย่าง Spider Man 2 (โทบี้) กับ The Dark Knight มันทำให้ Godzilla 2014 ดูด้อยลงไปเยอะ และการตีตั๋วดูซ้ำคงเป็นไปได้ยากสำหรับผม

  12. ทั้งหมดคือความรู้สึกส่วนตัวของผมทั้งสี้นหลังจากที่ได้ชมจบไปถึง 2 รอบ เต็มอิ่มเต็มอารมณ์สมกับที่ผมรอคอยมานานหลังที่ที่เห็นตังอย่างมาครับ….!!!!

    ความรู้สึกแรกที่ผมชมเรื่องนี้จบ…! คือ ผมได้นึกถึงหนังสุดยอดไคจู อีกเรื่องขึ้นมาทันทีนั้นก็คือ “Gamera vs Gyaos” รึว่า “Gamera” ภาค “Guardian of the Universe” (1995) ขึ้นมาทันที เพราะเรื่องราวคล้ายๆกัน เจ้าตัว MUTO เองก็ช่างคล้ายกับ Gyaos เอามากๆ แค่คล้ายๆแต่ไม่ใช่น่ะ…ตัว MUTO เองต้องบอกว่า เด่นกว่าพระเอกเรื่องอย่าง “พี่ก็อต” ซะอีก !?

    ความรู้สึกที่สองคือ หนังเล่าเรื่องได้อย่างมีจังหวะและลงตัวในช่วงแรกอาจจะดู…ปูเรื่องนานแต่ก็ทำได้ถึง เหตุการณ์ก็เกิดในหลายประเทศไม่ใช่อยู่ๆก็โผล่มา “มะกัน” เลย…ในตัวอย่างหนังหลายฉากก็ไม่มีในหนัง ส่วนตัวอย่างที่เคยเห็นแลัว…ในหนังก็จะไม่เหมือนกับในตัวอย่างแต่…มีเพิ่มมากขึ้น นี่แหละที่ชอบเพราะทำให้รู้เลยว่าอาจจะมี Director cut ก็เป็นได้ในอนาคต…

    ความรู้สึกที่สามคือ ตัว Godzilla ในหนังภาคนี้เป็นตัวเดียวกับในฉบับญี่ปุ่นจริงๆ แต่ได้นำเสนอในแบบมุมมองของฝรั่ง ตัวออกจะใหญ่โตตูดใหญ่ได้ใจจริงๆ จนมีเพื่อนๆล้อเรื่อง กรวยซีล่า ซะงั้น !? พี่ก็อต ออกหน้าจอไม่มากอย่างที่หลายคนหวังไว้ว่า…จะต้องเหมือนฉบับญี่ปุ่น แต่นี่มันฝรั่งสร้างนี่นา ที่สำคัญการที่จะมี พี่ก็อต ปรากฎตัวมันต้องถึงอารมณ์และอลังการ ผกก. Gareth Edwards ก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังเลย…พี่แกมาทุกช็อตทำเอาผมขนหัวลุกทุกรอบไป…ผมประทับใจที่สุดคือฉาก ATOMIC ROAR เหมือนฉบับญี่ปุ่นเลยน่ะ ไม่ใช่สีแดง แต่เป็นแสงสีฟ้า เจ๋งมั่กๆ !!! (ดูไปนี่มันลำแสงสเปเซี่ยม ของพี่ Ultraman ชัดๆ…!!!)

    ความรู้สึกสุดท้ายคือ ความคาคไม่ถึงของตัวละครบางตัวที่คิดว่าน่าจะเป็นตัวเดินเรื่องแต่มันไม่ใช่ จนคนในโรงหลายถึงกับอึ้ง…จนร้องว่า WHAT !!? ไปดูเองน่ะ ส่วนที่ว่าอารมณ์ “พี่ก็อต” ออกไปในทาง Heroes จนมีเพื่อนต่อว่าไม่เคารพฉบับญี่ปุ่นนั้น ผมเห็นต่างภาคนี้ทำออกมาได้ดีทีเดียว ผมดู “พี่ก็อต” แบบญี่ปุ่นหลายภาค…อารมณ์มันก็ไม่ต่างไปจาก Ultraman เลยนี่นา…มันเคือผู้ล่า แต่มันยังไม่เล่นงานมนุษย์ในภาคนี้หรอก….ภาคหน้าไม่แน่…

    สรุปสุดท้าย ผมขอให้คะแนน “พี่ก็อต” อย่างออกนอกหน้าเลย…9/10 ตัดไป 1 เพราะ “พี่ก็อต” ไม่เด่นเท่า MUTO นั้นเอง แต่บอกตรงๆ ช่วงจบ “พี่ก็อต” แกเล่น MUTO ได้โหดสาดดดดดด !!!

  13. ผมขอเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นปี 1998 ของโรแลนด์ เอ็มเมอริช เนื่องจากเป็นงานรีเมคจากฮอลลีวู๊ดเหมือนกัน
    ส่วนงานต้นฉบับจะไม่เปรียบเทียบเพราะถือว่ามันเป็นความคลาสิกไปแล้ว
    Godzilla ของ กาเรธ เอ็ดเวิร์ด ให้ความเคารพต้นฉบับมากกว่า ของเอ็มเมอริช ที่เหมือนงานแสร้งว่าเป็นก็ อตซิลล่า จนเป็นที่น่าปวดใจสำหรับแฟนพันธุ์แท้ก็อตซิล่า เอ็ดเวิร์ด มีเกือบทุกอย่างที่ต้นฉบับควรมี ตั้งแต่รูปร่าง แต่ปรับให้ดูดุดันกว่า ปล่อยแสงจากปากได้ ก็อตซิล่าต้องมีนกนางนวลไปไหนด้วยเสมอ มันเดินลงทะเลไปเมื่อช่วยพิทักษ์โลกเสร็จแล้วโดยที่มีมนุษย์เฝ้ามองส่งมันลงทะเลเสมือนขอบคุณ ถือว่าเอ็ดเวิร์ดรู้ว่าอะไรควรทำ ควรเลี่ยง และมีเส้นทางก็อตซิล่าในแบบของเขาเอง
    ปัญหาคือบทหนัง ใช้เวลาไปหนึ่งชั่วโมงกว่าก็อตซิล่าจะเผยโฉม แถมเหมือนตัวประกอบที่ปรากฎตัวมาเพื่อปราบมูโตเท่านั้น บทหนังไปเทน้ำหนักให้กับมูโตกลายเป็นตัวเด่นไป
    หนังพยายามสร้างทฤษฎีที่ดูสมจริง น่าเชื่อมารองรับ และพยายามยัดเยียดเรื่องของมนุษย์มากไป แต่เหมือนมาให้ผ่าน ๆ ไป โดยเฉพาะในหนังตัวอย่างปูพื้นเหมือนกับตัวละครของ ไบรอัน แครนสตัน จะมีบทบาทสำคัญแต่ให้ตายเถอะ…ช่างหาทางออกให้ตัวละครได้แย่มาก ส่วนตัวละครฟอร์ด ของแอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน ที่เหมือนมีความมุ่งมั่นที่จะกลับไปเจอลูก แต่ไป ๆ เหมือนลืมไปแล้วมานึกได้เป็นพัก ๆ
    ผมรู้สึกเหมือนมันขาดอะไรไปบางอย่าง แต่อธิบายไม่ได้ว่าคืออะไร บางทีอาจเป็นจิตวิญญาณแบบตะวันออก ซึ่งมันมีแต่เฉพาะต้นฉบับเท่านั้น บางอย่างที่ฝรั่งไม่มีวันเข้าใจ แต่คนเอเซียรู้เป็นอย่างดี
    ขอบคุณครับ

  14. หนังสนุกดี ไม่ขาดไม่เกิน ผมว่าคนที่ออกมาบ่นๆกันปัญหามันมาจากความคาดหวังกับตัวหนังมันไม่ตรงกันเพราะการโปรโมทแบบว่าก็อตซิล่าระห่ำนรกแตกมาก โปสเตอร์ก็เหมือนจะให้ก็อตเป็นตัวร้าย ปัญหาเดียวกับเรื่องคู่กรรมณเดช

  15. -มูโตะเหมือนเป็นสิ่งแทนชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์ (มากกว่าหนึ่งประเทศ) ที่เห็นได้ชัดในหนังคืออเมริกา รัสเซีย และรวมญี่ปุ่นเข้าไปด้วย

    -ที่แกเร็ธบอกว่าได้แรงบันดาลใจจาก Jurassic Park กับ Alien นี่เห็นได้ชัดเลยในหลายฉาก อย่างตอนเริ่มเรื่องที่เฮลิคอปเตอร์ของโมนาร์คบินเข้าหาเกาะนี่มันใช่เลย

    -ก็อดซิลล่าฉบับนี้ทำให้นึกถึงซามูไร/จอมยุทธ์ที่ปลีกตัวจากโลกไปอยู่ลำพัง แต่เมื่อกลับมาก็มาอย่างยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรี

    -การแสดงของลุงไบรอัน แครนสตันตราตรึงอารมณ์มาก ๆ

    -ว่าง่าย ๆ ก็อดซิลล่าฉบับนี้ก็เหมือนกับต้นฉบับคลาสสิค มันไม่ใช่หนังเอามันส์แบบวัยรุ่น แต่มีความเป็นผู้ใหญ่อยู่พอสมควรในแง่ของแก่นและสารเรื่อง ดูสนุกและเอาเก็บมาคิดได้

    -ด้านงานภาพและเสียงแน่นอนว่ายิ่งใหญ่สมการรอคอยแน่ ถ้าได้ชมในโรงภาพยนตร์ที่ระบบดี ๆ หน่อย ถ้าอยากเสพย์อรรถรสแบบเต็มที่อย่างที่ผู่กำกับต้องการก็จัด IMAX 3D ไป แต่เห็นว่าระบบ 3 มิติปกตินั้นไม่จำเป็นเท่าไหร่นัก

  16. รวม ๆ แล้วเรียกได้ว่า ซื่อตรงต่อต้นฉบับมาก ๆ ๆ ๆ ๆ มากถึงมากที่สุด ทำให้เกิดได้ทั้งข้อดีข้อเสีย

    – ได้ Godzilla ในลักษณะของเทพเจ้าที่มนุษย์ไม่อาจต่อกรได้ตามคอนเสปแรกเริ่ม ยิ่งใหญ่อลังการณ์สุดเท่ ถ้ากลัวว่าฝรั่งจะทำเละเหมือนเวอร์ชันก่อน รับรองว่าไม่เละแน่นอน
    – เน้นที่มุมมองของมนุษย์ต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ไม่ได้เล่าผ่านมุมมองก๊อดซิลลา
    – ฉาก action ที่สมจริงสวยงาม ไม่เหมือนคนใส่ชุดยาง

    – เหตุผลหลายอย่างเชยมาก ถ้าเอามาใช้กับเทคโนโลยีปัจจุบัน
    – คนดูรู้จักก็อดซิลล่ากันอย่างดีแทบทุกคนอยู่แล้ว การแนะนำตัวเหมือนเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้จักเลยจะทำให้รู้สึกว่า “ซ้ำ”
    – ฉากสู้น้อยไปจริง ๆ เดาว่าเหตุผลน่าจะเป็นที่การจำกัดงทุนสร้าง แต่ฉากเดียวที่ได้เห็นการต่อสู้นับว่าคุ้มมากกกกกกกกก

    สรุปว่า ส่วนที่ชอบนั้นชอบมากกกกกกกกกกกก ส่วนที่ไม่ชอบก็แค่นิดหน่อย หักลบกันแล้ว ถือว่าชอบ
    7.7/10

  17. “ก๊อดซิลล่าออกน้อยไม่ว่า แต่ช่วยทำดราม่าให้ถึงใจหน่อย” (น่าตัดเป็นสติ๊กเกอร์ไปแปะท้ายรถ) มีเวลาเล่าเรื่องตั้งชั่วโมงครึ่ง แต่ไม่สามารถทำให้คนดูผูกพันกับตัวละครใดได้เลย พอพี่ก๊อดโผล่มาตบสองผัวเมียช่วง 20 นาทีสุดท้าย มันก็ช่วยหนังไว้ไม่ทันแล้ว สำหรับผมถือว่า กาเร็ธ เอ็ดเวิร์ด สอบตกอย่างแรง

  18. 8/10
    – ให้ความเคารพต้นฉบับมาก อันนี้เห็นด้วยอย่างแรง
    – ฉากเปิดตัวพี่ก๊อตนี่ให้อารมณ์พระเอกมาก อันนี้ยอมรับ
    – เนื้อเรื่องมีเหตุมีผล เข้าใจได้ดี ไม่ออกอาการเวอร์อะไร
    – ท่าปราบ MUTO ทั้ง 2 ฉ๊อตนี่เล่นเอาอึ้งอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะฉ๊อตสุดท้าย
    – หนังเรื่องนี้น่าจะชื่อว่า MUTO มากกว่า (Godzilla เป็นตัวประกอบ)
    – Godzilla หน้าเหมือนหมี + เต่าจริง ๆ นั่นแหละ
    – หนังไม่สร้างอารมณ์ร่วมซักเท่าไร ฉากควรจะให้ลุ้นก็กลับไม่ลุ้นอะไรเลยซะงั้น (สะเทือนใจแค่ฉากรังสีรั่วในตอนแรก)
    – บางฉากแบบดูแล้วเหมือนยัดเยียด อย่างฉากนางเอกหลัง ๆ ถ่ายให้เห็นว่าออกมาทำหนาเหวอวิ่งหนีนู่นนี่นั่นถึง 2-3 รอบนี่มันอะไร มากไปนะ

    เป็นหนังที่ดูแล้วบันเทิงให้อารมณ์ย้อนวัยลำลึกความหลัง แต่ในแง่ความแปลกใหม่นี่ไม่ค่อยจะมีเลยจริง ๆ ความตื่นเต้นหรืออารมณ์ร่วมนี่ก็น้อยเกินไป

    ส่วนตัวแล้วยังชอบ 1998 (ที่คนด่าเยอะ ๆ) มากกว่าครับ

    • เห็นด้วยอย่างแรง ภาค 1998 ของโรแลนด์ เอ็มเมอร์ริช สนุกกว่าภาค 2014 อย่างแรงมันตื่นเต้นยิ่งกว่าเอาใจช่วยตัวละครในเรื่องได้มากกว่าภาค 2014 ด้วยซ้ำไป แอ๊คชั่นสะใจ ดราม่าไม่มีเยอะจนแทบจะรู้สึกเบื่อเลย

  19. หนังยังไม่สุด ยังขาดในหลายๆส่วน ผิดหวังครับ
    โดยเฉพาะฉากแอคชั่นที่ดูธรรมดาไปเลยเมื่อเทียบกับหนังสัตว์ประหลาดยักษ์กับหุ่นยักษ์เรื่องก่อนหน้า

  20. ไม่ได้คาดหวังมาก ก่อนจะไปดูมีกระแสมา 2 กระแส พอไปดูแล้วบางตอนเวิ่นเว้อครับ บางช่วงตัดต่ออารมณืค้าง กำลังจะสู้กันตัดไปเฉย หลายช่วงเลย อารมณืเหมือนมีคนยกอาหารหน้าตาน่ากิน กลิ่นหอมมาวางตรงหน้า พอคุณจะกิน มันมายกไปที่อื่น เป็นแบบนี้หลายช่วงครับ มาสนุกตอนท้าย ผมว่าของญี่ปุ่นปี 1985 สนุกกว่า บางคนให้ราคาหนังเกินจริงอาไปเทียบ gamera ภาคแรกอันนั้นสนุกกว่าเยอะ

    • ผมให้ราคาหนังเกินจริง…ถูกต้องเพราะผมชอบหนังเรื่องนี้ไงครับ คนเราชอบไม่ชอบไม่เหมือนกันไง ที่ผมให้ราคามันสูงเพราะมันทำถึง ทำออกมาได้ดีที่ผมหวังไว้ด้วย ถ้าทำไม่ดีผมติเละแลัว ตอนปูเรื่องเรื่องผมว่าเขาก็ทำใช้ได้น่ะ มันไม่ได้น่าเกลียตเกินไป และ gamera ภาคแรกมีอะไรที่คล้ายๆลายจุดด้วน่ะครับ…

      “อึ่ง ทึ่ง เสียว” !!!!

    • ไม่ควรพาดพิงความคิดเห็นคนอื่นนะครับ ควรจะบอกว่ามันต่างกะ gamera ตรงไหน หรือ ยังไงจะดีกว่าคับ

  21. ดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือน “ขี้ไม่สุดเลยครับ” ฮาๆๆ แต่ชอบโทนภาพนะ แต่มันยังกั๊กๆยังไงไม่รู้ ไม่สุดอะ จากใจให้ 7.0/10 ไม่มีทศนิยม ถ้วนๆเลย โหะๆ

  22. ให้10เต็มสมที่รอคอยครับ ภาคนี้God มาแค่ปราบเจ้าตัวร้าย2ตัวเท่านั้นเหมือนประกาศว่าถ้ามีสัตว์ประหลาดตัวอื่นที่คิดครองโลกอีก Godจะออกมาปราบอีกเพื่อรักษาสมดุลนั่นเองครับ

  23. ภาคแรกนั้นทำว่าคนเป็นคนสร้างก๊อตซิลล่า ต่างจากภาคนี้คือมันมีอีกตัวเพิ่มเข้ามาเพื่่่อ…ไปดูเอง แต่ก็คุ้มเงินค่ะ ยังไงก็สนุก

  24. เอาตรงๆนะ ถ้าไม่มีพี่ก็อตซิลล่าล่ะก็

    นี่คือหนังที่แย่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้///แต่ด้วยความเท่ น่ารัก น่ากอด ของพี่ก็อต ทำให้หนังรอดพ้นจากการเป็นหนังยอดแย่ได้อย่างงดงาม พี่ก็อตโคตรเจ๋ง

  25. คิดถึงหนังสัตว์ประหลาดบุกเมือง อยากดูเวอร์ชั่นฮอลลีวู้ดมานานแล้ว หลังจากผิดหวัง(แบบสุดๆ) กับ Godzilla เวอร์ชั่นก่อน ก็พอฟังข่าวว่า ภาคใหม่ปี 2014 นี้จะเคารพต้นฉบับให้มากที่สุด ซึ่งผลจากการดู ก็รู้สึกได้ถึงตามที่บอกมานะ

    หนังมีความยาวประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ก็ใช้ไปกับการปูเรื่องเกือบ 1 ชั่วโมงละ ตัวหนังพยายามทำให้เรารู้สึกเป็นส่วนนึงในเหตุการณ์อยู่ตลอด ซึ่งก็ทำได้ดี ตื่นเต้น กดดันดีนะ ความใหญ่โตของสัตว์ประหลาด เห็นกี่ทีๆ ก็หลอนๆ ปนขนลุกแบบขยาดเลย (น่าจะเพราะจอใหญ่แบบ IMAX ช่วยเพิ่มอรรถรส) ยิ่งพอพวกมันคำรามทีนะ สั่นไปทั้งโรงฯ ฮ่าๆ

    ส่วนนึงของความสนุกหนังแนวหายนะ ผมมักจะชอบดู “ฉากหายนะ” นี้แหละ เห็นผู้คนหนีตาย บ้านเมืองพัง ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำได้ดี วินาศสันตะโรไปอื้อ แต่ มันก็ยังไม่สะใจเท่าไร จนรู้สึกได้เลยว่า ผู้กำกับพยายามให้เรารู้สึกอึดอัด แบบอัดอั้นตันใจ กระหายอยากเห็นนู้นนั่นนี่ ก่อนจะใส่แบบเทกระจาดมาในตอนท้ายๆเรื่อง

    สิ่งที่รู้สึกขัดใจอย่างมากก็คือ การแสดงของตัวประกอบทั้งหลาย เช่น เด็กน้อยญ๊่ปุ่น และลูกของพระเอก อะไรจะเล่นได้แข็งขนาดนั้นครัช ไม่ได้ธรรมชาติเล๊ย ส่วน เคน วาตานาเบ้ บทบาทก็ดูด้อยๆ ไม่มีความโดดเด่นสำคัญอะไรเล๊ยยยยย น่าเสียดาย

    ส่วนตัวแล้ว รู้สึกว่า Godzilla ภาค 2014 นี้ ก็ยังให้ความบันเทิง ความตื่นเต้น หลอนขยาดๆ อยู่นะ ก็สนุกดี เพียงแต่มันยังไม่อิ่มอ่ะ ดูจบแล้วก็รู้สึกตื้อๆ อารมณ์ไม่จบตาม น่าเสียดายที่ฉากไคลแม็กซ์มันยังไม่สุด

    “ยิ่งใหญ่ อลังการ น่าเกรงขาม แต่ยังไม่อิ่ม” คือนิยามที่ให้แก่ ก็อดซิลล่าภาค 2014 ครับ

  26. เปลี่ยนเรื่องเป็น Ford Brody ดีกว่า ความเป็นหนังคลาสสิคยังมีอยู่ แต่ประเด็นที่จะเล่นดูสะเปะสะปะ งกๆเงิ่นๆ เคนวาตานาเบ้ มีทำไมในเรื่องไม่สมจริง เข้าไม่ถึงจิตวิญญาณนักวิทยาศาสตร์ ฉากเปิด Godzilla ไม่ตื่นเต้น เพราะรู้กันมาแต่สมัยสงครามนิวเคลียร์ ต่างจากฉาก MUTO ที่หนักแน่นน่าเกรงขามน่าตกใจและวุ่นวาย แต่ประทับใจประเด็นที่มนุษย์เมื่อเจอกับสถานการณ์แบบนี้จะทำอย่างไรในชีวิตจริง

  27. ถ้ามองในแง่ของการเคารพก็อดซิลล่าต้นฉบับผมถือได้ว่าผกก.แกทำได้ดีครับเพราะ
    เวลาที่ก็อดซิลล่าโผล่มาเมื่อใดมันช่างยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามจริงๆ เห็นด้วย
    กับเสียงส่วนใหญ่ที่บอกว่าดราม่าของหนังค่อนข้างยืดเวิ้นเว้อไปเรียกได้ว่าพอหนังยึดติดกีบ
    ความสมจริงมากเกินไป(จะว่าไปหนังฮอลลีวู้ด Blockbuster ช่วงปัจจุบันนี้มาอารมณ์นี้ทั้งนั้น)
    กลับทำให้หนังไม่กระชับเท่าที่ควรเพราะมัวแต่ไปเสียเวลาปูรายละเอียดค่อนข้างนานและพอ
    เรื่องราวดำเนินไปมันกลับไม่มีอะไรแปลกใหม่อย่างที่หนังพยายามบิวด์มาเลยน่ะซิ
    พอผมดูฉบับ 2014 นี้จบทำให้ผมคิดว่าเรื่องราวแบบโม้ๆเกินจริงของฉบับญี่ปุ่นมันก็มีเสน่ห์และ
    จินตนาการในการครีเอทกว่าฉบับฮอลลีวู้ดเสียอีก เลยคิดเล่นๆว่าถ้าเอาบทเรื่อง Godzilla: Final Wars
    มาให้ผกก.กาเร็ทท์ เอ็ดเวิร์ด กำกับหนังจะออกมาเป็นอย่างไรนะ (ฮุฮุ) 🙂

    สรุปแล้วGodzilla 2014 เป็นการนำตัวละครก็อดซิลล่ากลับมาได้อย่างสมเกียรติหนังอาจไม่สุดยอดอย่าง
    ที่ตั้งความหวังไว้(สูงมากจากตย.ก่อนหน้านี้)สำหรับแฟนก็อดจิอาจจะพอใจกับ Godzilla 2014
    มากกว่าคนดูทั่วไปหน่อยนึงนะตามความคิดผม

    ปล.ถ้าหนังได้ไฟเขียงสร้างภาคต่อๆไปหวังว่าเหล่าสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆตัวต้นตำรับจะได้กลับมาด้วย
    คิงกิโดร่า,มอทร่าหรือราดอน เป็นต้น เพราะผมรู้สึกว่าการออกแบบสัตว์ประหลาดยักษ์ให้ออกมา
    ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามต้องยกให้ต้นตำรับอย่างญี่ปุ่นจริงๆ(ฮอลลีวู้ดยกให้เรื่องความบ้าพลังเรื่อง CG ไป)
    เพราะเจ้า Muto ในหนังฉบับรีเมคนี่ยังไม่คู่ควรที่จะเป็นศัตรูกับก็อดซิลล่า ดูอ่อนเกิ๊น!(ฮา)

  28. ผมค่อนข้างชอบนะ แต่พอมานั่งนึกว่าสมมติมันออกมาเป็น DVD แล้วต้องทนดู เรื่องราวใน ชั่วโมงแรกใหม่นี่ แค่นึกก็ไม่สนุกแล้ว มันกั้กๆมาตลอด ดราม่ากันไปมา นี่มันหนังก็อตซิลล่านาเว้ยเฮ้ย แต่หนังดูดีถล่มทลายเละเทะ ชอบฉากก็อตซิลล่า อ้วกใส่ปาก มูโต

  29. ถ้านำเสนอกอตซีล่าก่อนแบบว่าให้กอตซีล่าออกมาเดินขย่ำเมืองเล่น สู้กับทหาร แล้วค่อยปลอดตัวร้ายออกมาหนังคงน่าเบื่อมากๆ เลยล่ะครับ เพราะมันจะดูเป็นการ์ตูนขึ้นมาทันที่ มันจะยิ่งไม่สมเหตุสมผล ผมว่าในเรื่องของบททำได้ดีแล้ว เพียงแค่ตัวละครมนุษย์ยังอินกับมันไม่ได้

  30. ในความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ผมว่าตั้งแต่Godzillaภาคนี้ออกฉาย ผมว่ามันกลายเป็นหนังสัตว์ประหลาดที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยนะครับ แต่ถ้าจะให้พูดถึงจุดเด่นและจุดด้อยของหนังเรื่องนี้

    จุดเด่น
    -เป็นหนังที่มีบทสนทนากันค่อนข้างเยอะเลยทีเดียวครับ ทั้งการเล่าเรื่อง การพูดคุยกัน แต่กระนั้นก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกเบื่อเลยครับ แต่ละฉากเล่าเรื่องชวนน่าติดตามตลอด โดยเฉพาะการนำเอาประวัติศาสตร์จริงมาโยงกับตัวสัตว์ประหลาด หยั่งกับไอ้ตัวนี้มันมีอยู่จริงยังงั้นแหละ
    -เรื่องกราฟฟิค เอฟเฟคต่างๆ ผมว่าทำออกมาได้ค่อนข้างเยี่ยมเลยทีเดียวครับ ฉากการต่อสู้ บ้านเมืองพังทลาย ดูแล้วสมจริงๆมากๆ
    -คงความเป็นดั้งเดิมในแบบฉบับญุี่ปุ่นที่พวกเราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่ดูดีในแบบอเมริกา ฉากการปรากฏตัว เสียงร้อง การพ่นพลังออกจากปาก ทำให้นึกถึงตอนที่เราดูสมัยเด็กๆ
    จุดด้อย
    -ผมไม่แน่ใจว่าทางอเมริกาคิดจะสร้างภาคนี้เป็นภาคแรกและภาคสุดท้ายรึป่าว?? แต่ถ้าคิดจะทำภาคนี้เป็นภาคแรกแล้วมีภาคต่อๆมา ถึงกระนั้นการโฟกัสไปที่ตัวเอกของเรื่อง(Godzilla) ก็ดูน้อยไปหน่อย หนังน่าจะเน้นไปที่ตัวก๊อดซิลล่ามากกว่านี้ ถ้าคิดจะทำเป็นภาคเดียว
    -จุดขายของหลักของหนังเรื่องนี้ที่พวกเรารู้ๆกันอยู่ ก็คือฉากการต่อสู้ระหว่างสัตว์ประหลาดด้วยกันเอง แต่ผมว่ามันเป็นการสู้กันระหว่างกองทัพสหรัฐกับสัตว์ประหลาดเสียมากกว่า
    -ฉากบางฉากน่าจะดำเนินต่อไปได้ แต่ก้็ดันตัดไปฉากอื่นซะงั้น ตัวอย่างเช่น ฉากการปรากฏตัวของก๊อดซิลล่าที่สนามบิน แต่ดันตัดไปฉากในบ้านที่กำลังเปิดข่าวเรื่องสัตว์ประหลาดกำลังสู้กัน ผมว่าตอนนั้นอารมณ์หายวูบไปเลย

    แต่ถ้าให้พูดจริงๆตามความรู้สึกผม ผมดูโดยภาพรวมนะ ไม่ได้มานั่งเปรียบเทียบว่าภาคเก่าๆแบบญุี่ปุ่นมันเป็นยังไง?? เอามาเปรียบเทียบกับของอเมริกาแล้วเป็นยังไง?? เพราะว่าการใช้กราฟฟิคและเทคนิกการถ่ายทำต่างๆมันแตกต่างกันครับ ผมเข้าใจว่าถ้าจะให้มานั่งเล่าประวัติความเป็นมา ต้นกำเนิดของก๊อดซิลล่า ประวัติของตัวละครต่างๆ จะให้ทุกๆรายละเอียดมาอยู่ในภาคเดียวกันมันคงจะไม่พอหรอกครับ ผู้กำกับเขาคงอยากให้ทุกๆฉากออกมาแบบสมดุลดันมากกว่า
    ถ้าคุณดูแล้วคิดจะจับผิดขนาดนั้น แม้แต่หนังฟอร์มยักษ์หลายๆเรื่องที่เคยมีมา มันก็มีจุดด้อยกันทั้งนั้นแหละครับ อยู่ที่ว่ามากหรือน้อยเท่านั้นเอง
    โดยรวมแล้วให้ 9/10 ครับผม

  31. .
    ดีกว่าเวอร์ชั่น 1998 ครับ อันนั้นดูไร้เหตุผลเยอะไปหน่อย เอาแค่ความสนุก มันไม่ใช่ก็อตซิล่าแท้จริง

    ส่วนอันนี้ ผิดหวังกับนักแสดงไบรอัน คอนสตัน ทำไมใช้ตัวละครได้ไม่เต็มที่เลย คนนี้แหละจะดึงหนังให้ดีขึ้นอีกเยอะเลย

    ทำเคารพต้นฉบับได้ดี กราฟฟิคดีทีเดียว และไม่คาดว่าจะได้เห็นท่าเท่ห์ของก็อตซิล่า 8/10
    .

  32. ในฐานะเป็นคนที่ชอบดูหนังทำลายล้าง หนังสัตว์ประหลาด แต่สำหรับก็อดซิล่านี่มันเป็นหนังสัตว์ประหลาดที่ว่างเปล่า และไร้ซึ่งจินตนาการ หนังไม่ได้โฟกัสที่ตัวก็อดซิล่ามากพอ คู่ต่อสู้ของก็อดซิล่าก็ง่อยๆ

    นักแสดงชาวญี่ปุ่นฝีมือดีอย่าง เคน วาตานาเบ้ ก็ได้บทที่ง่อยๆพอกัน บทตัวละครฝ่ายคนอื่นๆก็จับต้องไม่ได้ มีก็เหมือนไม่มี

    หนังชวนง่วงแทบทั้งเรื่อง ไม่มีแม้สักจุดที่รู้สึกว่ามันพีค หรือมันสนุก
    ที่มาที่ไปให้พอน่าเชื่อถือก็ไร้สาระ แก่นหนังพยายามจะบอกว่า ธรรมชาติจะรักษาสมดุลย์ของมันเอง ผมก็รู้สึกว่ากับปัญหาที่เกิดขึ้นในเรื่อง ฝ่ายคนจัดการเองได้ ก็อดซิล่า เมริงกลับไปนอนเป็นปุ๋ยอยู่ใต้พื้นสมุทรเหอะ

    ตั้งกะปี 1998 จนมาถึง 2014 ราว 16 ปีที่ผ่านมา มันไม่มีพัฒนาการอะไรเลย เสียดายเงิน

    • ขอออกความเห็นนิดนึงนะครับ ที่ว่าในเรื่องมนุษย์จัดการเองได้ ตรงนี้ผมไม่เห็นในเรื่องมนุษย์จะทำอะไรได้สักเท่าไหร่เลย สารพัดวิธีที่คิดขึ้นมา ผลออกมาก็ง่อยไปหมด แต่เรื่องบทของคนเห็นด้วยว่า เวิ่นเว้อไป

  33. ชอบที่ว่าอาเฮียก็อต(ซิลล่า)แกไม่ทำร้ายมนุษย์ สนแต่จะฆ่ามูโตอย่างเดียว ชอบๆ ฆ่าเสร็จพักเอาแรงแล้วเดินโซซัดโซเซกลับลงทะเลเฉย น่ารักมากๆ

  34. ส่วนตัวคิดว่าถ้าไม่ใช่แฟนนี้มีแย่ครับ สังเกตุจากคนในโรงที่ออกมาบ่นอุ๊บเลยว่า หนังง่วงมาก แปซิฟิกริม สนุกกว่า อย่างผมนี้เป็นแฟนแต่ก็ต้องบอกว่าคิดเหมือนหลายๆ ความคิดเห็น ดราม่ามันไม่กระชับ และดูไม่เคลียร์ จริงๆ บทน่าจะส่งให้ช่วยลุ้น ทั้งตัวทหาร นางเอก และลูกนางเอก สรุปคือ ผมนั่งดูฉากบทสะพานไม่มีความรู้สึกร่วมกับเหตุการณ์บทสะพานเลย แล้วบทก็ตัดลูกพระเอกออกมาดื้อๆ ทั้งๆ ที่ถ้าเล่นประเด็นอีกนิดน่าจะช่วยลุ้นได้ นางเอกที่วิ่งหนีนี้ก็ไม่มีอะไรเลยครับ ตัดออกมาเจอกันฉากจบก็ไม่เสียหาย ขาดๆ เกินๆ สำหรับผมค่อนข้างเยอะ ในส่วนดราม่า แต่เรื่องภาพกับเสียงนี้ คะแนนเต็มเลยครับ 7.0/10

  35. ผมเป็นแฟนพี่ก๊อดจิมาตั้งแต่เด็ก หนังภาคนี้มีทั้งเสียงบ่นและชอบปน ๆ กัน แต่ด้วยความผูกพันกันมานานต่อให้หนังเห่ยก็ต้องไปตีตั๋วดูสักหน่อย

    โทนหนังผมว่า ออกมาแนวกาเมร่าจริง ๆ ยิ่งตอนพี่ก๊อดลอยตัวในทะเลโผล่แต่ครีบหลัง คล้ายพี่เต่ากาเมร่าในภาค 1 มาก มูโตลักษณะศรีษะคล้ายไกยาโอสคู่ปรับในกาเมร่าภาค 1 และสุดท้ายก๊อดจิออกมาปราบสัตว์ยักษ์ที่เป็นภัยต่อมนุษย์และแทบจะไม่ได้อาละวาดทำลายบ้านเมืองเลยยกเว้นบริเวณที่เดินผ่าน นี่มันสไตล์กาเมร่าชัด ๆ ครับ ถ้าใครไม่เคยดูลองหาหนังกาเมร่าภาคแรกมาชมกันได้เลย

    ช่วงแรก ๆ เดินเรื่องได้อืดมากไม่กระชับ กว่าหนังจะเริ่มสนุกก็ตอนมูโต้เริ่มเผยโฉม มุมกล้องการถ่ายทำดีครับ
    แต่ไม่ค่อยมีชอตยาว ๆ ของก๊อดซิลล่า จะมีมากหน่อยก็ตอนท้ายที่สู้กับมูโต้ อาจจะเพราะพี่ก๊อดเขาอ้วนเลยต้องถ่ายแบบไม่ให้เห็นตัวชัด ๆ เสียส่วนใหญ่ อิ ๆ

    สรุปผมดูแล้วชอบครับ แม้จะไม่ใช่หนังแอ็คชั่นสัตว์ประหลาดเต็มรูปแบบ แต่การปรากฎตัวของก๊อดซิลล่าภาคนี้ทำได้ยิ่งใหญ่สมกับการรอคอยครับ

Leave a Reply to suttipongCancel reply