บทสัมภาษณ์ที่ 4 จาก 3 ผู้กำกับใหม่ และ 1 ผู้กำกับเก่า ที่จะส่งผลงานหนังไทยออกมาฉายสุดสัปดาห์วันที่ 27 กุมภาพันธ์นี้ คือคุณกัปปน์ วรรณกูล จาก “แกงค์ปรี๊ดจะรี๊ดใจเธอ” ครับ ซึ่งมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับที่มาและแรงบันดาลใจในการสร้างหนังเรื่องนี้

หนังเรื่องนี้ดูเหมือนจะมาจากประสบการณ์ตรงของผู้กำกับเองครับ เพราะได้แรงบันดาลใจจากการเป็นนักเรียนวิชาภาพยนตร์และได้ออกกองกับเพื่อนๆ จนเอาเรื่องราวและวีรกรรมมาเขียนบทเป็นหนังวัยรุ่นตลกว่าด้วยแก๊งเพื่อนทำหนังสั้น และยังเล่าด้วยว่าหนังได้ได้อิทธิพลจาก Scott Pilgrimvs. The World ด้วย

ผู้กำกับยังเล่าถึงนักแสดงนำหญิงหน้าใหม่ของหนัง น้องมุก (สิรินรัตน์ วิทยพูม) ด้วยว่าได้มายังไง และแบ่งปันความเห็นว่าทำไมในระยะ 2-3 ปีนี้ จึงมีผู้กำกับหน้าใหม่ ออกมาตั้งบริษัทเล็กๆ ทำหนังกันมากขึ้น

คลิกอ่านทั้งหมดด้านในครับ

ถาม: เข้าใจว่า “แกงค์ปรี๊ด จะรี๊ดใจเธอ” เป็นผลงานเรื่องแรกของคุณกัปปน์ ทำไมอยากทำหนังว่าด้วยแก๊งเด็กนักเรียนที่ชอบทำหนังเป็นงานเรื่องแรกครับ

ด้วยว่าผมเรียนจบทางด้านภาพยนตร์มา เรานึกว่าช่วงเวลาที่กองในตอนนั้นคือช่วงมหาลัยมันมีความสุขมากๆสำหรับเรา ไม่ได้แค่หนังเรื่องเดียวหลังจากถ่ายเสร็จ แต่มันยังมีเรื่องราวมากมายในระหว่างการถ่ายทำที่ทำให้เราประทับใจ พอเราได้มีโอกาศทำหนังยาว เราจึงเอามุมมองนี้มาปรับใช้กับบทภาพยนตร์ที่เราเขียน ส่วนที่เลือกช่วงมัธยมมาไม่ใช่ช่วงมหาลัยเพราะช่วงมัธยมเรารู้สึกมันเป็นช่วงที่ไม่มีอะไรถูกผิด เป็นช่วงทดลองของชีวิตครั้งสำคัญเลยก็ว่าได้ จึงตัดสินใจเลือกช่วงมัธยมมา มันน่าจะไปสุดทางของความบ้าๆบอๆของแก๊งทำหนังได้

ถาม: ตัวละครแก๊งนักเรียนนักทำหนังในเรื่องออกจะเกรียนมากๆ ชีวิตสมัยเป็นนักเรียนคล้ายกันแบบนี้เลยไหมครับ หรือตัวละครได้แรงบันดาลใจมาจากเพื่อนๆ ในกลุ่ม หรือจากใครไหมครับ และคิดว่าคุณกัลป์น่าจะเหมือนใครที่สุดในกลุ่มนี้ครับ

แรงบันดาลใจของตัวละครส่วนใหญ่มาจากเพื่อนๆสมัยเรียนมหาลัยครับ เพราะว่าในตอนนั้นกลุ่มทำหนังของพวกผมเป็นกลุ่มหางแถวก็ว่าได้ เพื่อนๆในกลุ่มจะเป็นพวกๆประหลาดๆหน่อย บางคนก็พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง บางคนก็จะเล่นแต่เกมส์อย่างเดียว ตัวผมทำหนังเอะอะก็จะเข้าแต่ป่าอย่างเดียว(ช่วงนั้นบ้าพี่เจ้ยมาก) เพื่อนก็บ่นกันว่าพามันมาลำบาก พองานอาจารย์ไปก็ได้คะแนนน้อย ถ้าถามว่าคล้ายใครสุดคงเป็นตัวละครของโมแต่เป็นโมในเวอชั่นที่บ้าพลังน้อยกว่านั้นประมาณร้อยเท่าเพราะผมจะเป็นประเภทไม่ค่อยพูดเท่าไร

ถาม: มีวีรกรรมไหนของตัวละครในหนัง ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากชีวิตจริงบ้างไหมครับ หรือเป็นการต่อยอดมาจากเรื่องราวไหนที่เคยประสบมาก่อนในทางหนึ่งทางใด

คงเป็นเรื่องทำหนังไม่ค่อยจะเสร็จเป็นชิ้นเป็นอันเพราะกลุ่มคนรอบตัวเรามีแต่พวกบ้าเกมส์ บางทีเพื่อนเราถึงกับจะไปต่อยกะอื่นคนเพียงเพราะเรื่องการเล่นส์ เราก็เลยถ้าดึงตรงนี้มาแล้วทำให้มันสนุกมันก็น่าจะไปได้

ถาม: นอกจาก “แกงค์ปรี๊ดฯ” จะพูดถึงการทำหนังแล้ว ยังพูดถึงความฝันของวัยรุ่นและมิตรภาพด้วย ส่วนนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์ส่วนตัวด้วยไหมครับ แล้วให้หนังพูดถึงประเด็นไหนมากกว่ากันครับ

คงเป็นประสบการณ์ในวัยเรียนมหาลัยเพราะทำหนังสั้นเรื่องหนึ่งเราต้องคุยกับทุกคนทุกทีม บางทีคิดไม่ตรงกันบางทะเลาะกันบางแต่เมื่อหนังเสร็จปิดกองทุกคนก็จะมีรอยยิ้มเสมอ
ส่วนประเด็นที่พูดถึงคงเป็นเรื่องมิตรภาพและความรักความเป็นเพื่อนระหว่างการทำหนังของตัวละคร

ถาม: ทราบมาว่าน้องมุก (สิรินรัตน์ วิทยพูม) เป็นนักแสดงคนเดียวที่ได้มาจากการที่คุณกัปปน์ไปพบรูปในอินเตอร์เน็ต มีอะไรที่ประทับใจเป็นพิเศษตั้งแต่เห็นรูปจนถึงกลับเรียกให้มาทดสอบบทครับ

คือตอนหานางเอกเราไปเปิดดูรูปอินเตอร์เนตพวกเนตไอดอลและก็ไปสะดุดตากะน้องมุกเพราะผมรู้สึกน้องเขาไม่ได้สวยโดนเด่นแต่ตาดูหน้าคาแรคเตอร์ออกญี่ปุ่นๆหน่อยไทยๆนิดๆเรารู้สึกว่าจะตรงกะบทเด็กสาวที่ดูลึกลับแต่ก็ยังมีน่ารักอยู่ เราก็ให้ทีมผู้ช่วยไปสืบหาว่าเขาอยู่ไหน ส่งข้อความไปทางเฟซบุคน้องเขาเพื่อที่จะเรียกน้องเขามาcasting ก็ไม่ตอบ(สงสัยกลัวโดนหลอก) ก็เลยให้ทีมไปดักรอที่โรงเรียน ตอนหลังเลิกเรียน ก็ได้เจอน้องและตามมาcastingจนได้

ถาม: ระหว่างที่ทำหนังเรื่องนี้ มีหนังเรื่องไหนที่นึกถึงเป็นพิเศษ แล้วนำมาใช้เป็นแนวทาง เป็นอิทธิพล เป็นแรงบันดาลใจ หรือใช้อ้างอิงประกอบไหมครับ และเพราะอะไร

Scott Pilgrim vs The World ครับเพราะในเรื่องตัวเอกแก๊งปรี๊ดเป็นพวกจินตนาการสูง ซึ่งหนัง Scott Pilgrim vs The World มีสไตล์ที่เป็นออกเกมส์ๆค่อนข้างชัดเจนในตัวหนัง เราก็รู้สึกว่ามันคล้ายกับสิ่งที่เราต้องการแต่ไม่สุดโต่งขนาดของ Scott Pilgrim

ถาม: ใน 2-3 ปีมานี้ มีนักทำหนังหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย และมีทุกแนวด้วย โดยเฉพาะที่ทำเอง ตั้งบริษัทเอง คิดว่าเพราะอะไรครับ

คือสำหรับผมมองว่าด้วยที่ว่าระบบฟิล์มที่ใช้ทุนสูงมันได้ไปตายแล้ว และด้วยระบบดิจิดอลที่เข้ามาแทนที่ต้นทุนมันก็ถูกลง(แต่ยังแพงอยู่นะในการทำหนังสักเรื่องสำหรับบริษัทเล็กๆ) มันก็เลยเปิดโอกาศให้กลุ่มทุนเล็กๆหลายที่เกิดขึ้น

ถาม: คิดว่าผู้ชมจะได้อะไรจากหนังเรื่องนี้ครับ

ก็หวังคนส่วนใหญ่จะสนุก ฮาแบบงงๆกับหนังแบบเกรียนๆอย่างแก๊งปรี๊ดครับ