ทีมสร้าง Star Wars: Episode VII ขอร้องดิสนี่ย์ให้เลื่อนกำหนดฉายเป็นปี 2016
หลังจากที่ดิสนี่ย์คว้าลิขสิทธิ์ Star Wars มาจากจอร์จ ลูคัส ดิสนี่ย์วางแผนที่จะให้มีหนัง Star Wars ออกมาปีละภาคให้ได้ นับจากปี 2015 เป็นต้นไป ที่จะเปิดตัวภาคต่อชุดใหม่ด้วย Star Wars: Episode VII ของผู้กำกับเจ.เจ. เอบรามส์ แต่ในแง่เตรียมงานสร้างนั้น ไม่ได้ไปได้เร็วอย่างที่ดิสนี่ย์ต้องการ หนังจะเปิดกล้องต้นปี 2014 แต่บทหนังก็ยังไม่เสร็จ และยังไม่มีการประกาศตัวนักแสดงหลักออกมาแต่อย่างใด
รายงานจาก THR บอกว่าแคธลีน เคนเนดี้ ประธานของลูคัสฟิล์ม และฝ่ายสร้างสรรค์ของหนังได้ร้องขอต่อโรเบิร์ต ไอเกอร์ ประธานกรรมการผู้บริหารฝ่ายสตูดิโอของดิสนี่ย์ ให้เลื่อนกำหนดฉายหนังออกไปเป็นปี 2016 แต่ทางผู้บริหารก็ไม่ยินยอม ทั้งนี้เพราะผู้ถือหุ้นของดิสนี่ย์กดดันให้มีหนังออกมาให้ได้ เพื่อที่จะสร้างกำไรให้แก่บริษัทตามเป้าหมายที่วางไว้
อย่างไรก็ดี ในรายงานบอกว่าเอบรามส์ดูเหมือนจะมั่นใจกว่าเคนเนดี้ว่าหนังจะออกมาในปี 2015 ได้ตามกำหนด และเอบรามส์ดูเหมือนจะเข้าขากับไอเกอร์ได้ดีกว่าเคนเนดี้ ยิ่งกว่านั้น ทั้งคู่ดูเหมือนจะงัดข้อกันเรื่องการคัดเลือกนักแสดงนำด้วย และเอบรามส์ก็ดูเหมือนเข้ายึดอำนาจการตัดสินใจด้านการคัดเลือกนักแสดงแทน
ในแง่ของบทหนัง ไมเคิล อาร์นด์ ผู้เขียนบทรางวัลออสการ์จาก Little Miss Sunshine ที่รับหน้าที่เขียนบทให้หนังตั้งแต่มีการประกาศสร้าง และร่างบทไว้ตั้งแต่ก่อนลูคัสขายลิขสิทธิ์ให้ดิสนี่ย์ ได้วางมืองานเขียนบทแล้ว และส่งต่อให้เอบรามส์ กับลอว์เรนซ์ แคสแดน มารับช่วงต่อ
แคธลีน เคนเนดี้ ประธานของลูคัสฟิล์ม ให้ความมั่นใจแก่แฟนๆ ในแถลงการว่า “ดิฉันตื่นเต้นที่เราได้เนื้อเรื่องของหนังเข้าที่เข้าทางแล้ว และดีใจที่ได้แลรี่กับเจ.เจ.มาทำบทต่อ มีไม่กี่คนที่เข้าใจเนื้อเรื่องพื้นฐานของ Star Wars ได้ดีเท่าแลรี่ ส่วนเจ.เจ.เองก็เป็นนักเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยม ไมเคิล อาร์นด์ได้ทำหน้าที่ดีมากในการนำพาบทมาถึงจุดนี้”
วงในบอกในรายงานว่าการเปลี่ยนแปลงผู้เขียนบทเป็นเรื่องปกติ และไม่ได้มีเรื่องดราม่าอะไรกัน มันอาจเป็นเพราะบทหนังดีในระดับที่ต้องการแล้ว และเหลือเพียงเกลาบทเท่านั้นที่ไม่ต้องพึ่งอาร์นด์ซึ่งเป็นนักเขียนบทที่มีค่าตัวแพงที่สุดคนหนึ่งของฮอลลีวู้ด ที่สามารถเรียกเงินได้สูงกว่า 3 แสนเหรียญต่อสัปดาห์
ลูคัสฟิล์มยังได้ประกาศชื่อทีมเบื้องหลังออกมาด้วยครับ ซึ่งก็ดูเหมือนจะใช้ทีมงานระดับพระกาฬของฮอลลีวู้ดในการสร้างงานเรื่องนี้ ประกอบด้วย ผู้กำกับภาพแดน มินเดล (Star Trek Into Dakrness), ผู้ควบคุมงานเทคนิคพิเศษ คริส คอร์บูล์ด (Inception, The Dark Knight Trilogy) และผู้ออกแบบงานเสียง เบน เบิร์ทท์ (Star Wars)
น่าหมั่นไส้ดิสนีย์ หนังที่เข้าโรงภาพยนตร์ตัวเองระยะหลังๆ ล้มเหลวไม่เป็นท่า
เป็นผลประโยชน์จากการซื้อ Marvel มาล้วนๆ ยังมาเร่งอีก
อยากจะได้หนังที่ดีเป็นที่จดจำของผู้คนรึเปล่าเนี่ย ระดับ star wars ไม่ใช่จะทำกันง่ายๆนะ
อยากให้เรื่องเป็นแบบ the hobbit ให้มีลุควัยชรา มาเล่าเรื่อง และมีลุควัยหนุ่มมารับน่าที่แสดงต่อแทนอ่ะครับ เพราะในหนังยังไม่เห็นลุคมีความรักบ้างเลย และภาคการกลับมาของเจได ลุคก็พึงได้เป็นเจไดเต็มตัวเองยังไม่ได้โชว์เทพเต็มที่ซักเท่าไหร่ ถ้าเป็นตามเนี๊ยจะสุดยอดมากเลยสำหรับผม
ถ้าซีรีส์นี้ตั้งแต่เปิดภาคใหม่เน่าเราจะสาปแช่งคุณ ดิสนีส์และเหล่าผู้ถือหุ้นมักมากทั้งหลาย แต่ถ้าเจเจแกมั่นใจผมก็ค่อนข้างอุ่นใจแหละนะ