ข้ามไปยังเนื้อหา

The Mortal Instruments: The City of Bones – ความเห็นหลังชม

the mortal instruments reader reviewหลังจากความสำเร็จของนิยายแฟนตาซีโรแมนติกสำหรับวัยรุ่นที่ทำงานถล่มทลายทั่วโลกอย่าง The Twilight Saga ก็มีการสร้างหนังแนวเดียออกมาตามกันโดยหวังที่จะประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน เช่น The Host และ Beautiful Creatures แต่ต่างล้มเหลวหมดในทางรายได้ ล่าสุดก็ The Mortal Instruments: The City of Bones ที่ก็มีชะตากรรมไม่ต่างกันนัก แต่ที่ผมพบว่าแย่กว่าหนังที่สร้างตามกระแสเรื่องอื่นก็คือ นอกจากเป็นหนังที่สนุกน้อยแล้วยังเป็นหนังที่แทบจะหาความเป็นตัวไม่ค่อยได้เลย

The Mortal Instruments: The City of Bones เหมือนจะเป็นการยำใหญ่โครงเรื่องหนังทุกอย่างที่อยู่ในกระแสนิยมมาใช้หมดเลย เป็นเรื่องราวของนักปราบปีศาจแบบ Buffy, มีรักสามเส้าและมนุษย์หมาป่าแบบ The Twilight Saga, เอานัยความสัมพันธ์แบบวายของ The Twilight Saga มาขยายให้เป็นรักระหว่างชายกับชายแบบโจ่งแจ้ง, เอาเรื่องราวของอีกโลกที่ซ่อนในโลกของเราแบบ Harry Potter มาใช้ และยังเอาความสัมพันธ์พ่อกับลูกแบบ Star Wars มาใช้ แต่ทำได้ขาดพลัง หรือบางครั้งก็แห้งแล้งเมื่อเทียบกับต้นฉบับ

ฉากโรแมนติกไม่หวานเท่า The Twilight Saga, ฉากวายไม่จักจี้ชวนวี้ดวิ้วแบบ The Twilight Saga แต่กลับออกมาเป็นส่วนเกิน, โลกในหนังดูน่าสนใจในตอนเปิดตัว แต่ก็ไม่ชวนให้พิศวงเท่าโลกใน Harry Potter, ฉากบู๊บางฉากสนุกและมีอารมณ์ขัน แต่ฉากไคลแม็กซ์กลับไม่ลุ้น และค่อนข้างน่าเบื่อ และฉากช็อคแบบ Star Wars ก็จืดชืดมาก

การเอาโครงเรื่องที่มีอยู่แล้วมาต่อเติมใหม่ หรือมาทำซ้ำใหม่ในรูปแบบอื่น ผมมองว่าไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่สิ่งที่เสียหายก็คือไม่อาจทำได้อารมณ์ถึงเท่าของเก่า หรือทำออกมาได้สนุกเท่า และเมื่อทำออกมาได้ไม่ดีเท่าแล้ว ยิ่งทำให้หนังดูแย่ลงเป็นสองเท่าเพราะโครงเรื่องที่มีอยู่ก็ขาดเอกลักษณ์ในตัวเองอยู่แล้วครับ

ส่วนดีของหนังที่ผมพบก็คือความสวยหล่อของนักแสดง แต่มันก็ไม่ช่วยอะไรได้มากหากหนังไม่สนุก

4.5/10

1 ความเห็น »

  1. ไม่เห็นพี่ยุทธให้ความเห็นหลังชมของหนังแบบแย่สุดๆมาตั้งนานแล้ว แสดงว่าเรื่องนี้มันแย่จริงๆ รู้สึกดีที่ไม่เชื่อพวกผู้หญิงที่ไปดูมา ฮ่าๆๆ

  2. แหะๆ ผมกลับชอบ ดูสนุกเพลินดี แม้ระหว่างที่ดูจะมีตะขิดตะขวงถึงการมีอะไรคาบเกี่ยว เชื่อมโยงเรื่องนั้นนู้นนี้ ตามที่คุณเจได บอกมาก็เถอะ ซึ่งมันเป็นความรู้สึกแรกที่หนังจบ ว่า เออ เพลินดีนะ

    ซึ่งถ้าให้ดูอีกรอบ อาจออกมาเป็นไม่ชอบ น่าเบื่อก็เป็นได้ 555+ เพราะถ้ามาคิดดู หลายๆฉากที่ดูไป มันก็ไม่เมกเซนส์ซะเยอะเลย แถมอารมณ์หนังก็โดดไปมา พอสมควร ฉากฟินก็ไม่ฟิน ฉากมันส์ก็ไม่ถึงใจเท่าไหร่

    แต่ก็งงตัวเองที่พอดูหนังจบออกมา ผมกลับไม่รู้สึกน่าเบื่อ เสียเวลาที่ดูไปเลยแฮะ แถมอยากดูภาคต่อทันควันซะงั้น

    ฟีล อารมณ์ คนเรานี่มันก็น่าพิศวงดีแท้ lol+

    ปล.ส่วนหนึ่งหรือส่วนใหญ่ อาจเป็นเพราะ ผมหลง น้องลิลี่ คอลลินส์ เข้าเต็มเปาก็เป็นด้ายยยย~~

  3. คิดเหมือนกันเลยครับคุณ Jediyuth ในความคิดของผม ซีรีย์เรื่องแวมไพร์ ไดอารี่ ยังสนุกกว่าอีก

    ปล. ชอบโประโยคที่ว่า”ฉากวายไม่จักจี้ชวนวี้ดวิ้ว” 555

  4. ยี่สิบนาทีแรก ยอมรับว่าค่อนข้างน่าติดตาม ทำได้ดีทีเดียว ให้อารมณ์ความเป็น Gothic ด้วย
    แล้วก็เริ่มอ่อยๆ เอื่อยๆลง จุดพลิกอยู่ตรงหลังจากที่ พระ-นาง พลอดรักกัน
    เท่านั้นแหล่ะ หนังเหมือนเปลี่ยน ผกก. 555555

    แต่ชอบ อิสซาเบล สาว GOTHIC น่ารัก ^ ^

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.