World War Z: ความเห็นหลังชม

world war z image 03หนังเรื่อง World War Z อาจไม่ใช่หนังซอมบี้ที่ดีที่สุด ถ้าวัดจากองค์ประกอบว่าหนังซอมบี้มักต้องมีฉากน่ากลัว และต้องฉากที่เสียดสีหรือวิพากษ์สังคมหรือความเป็นมนุษย์แรงๆ เพราะทั้งสององค์ประกอบนี้เบามากด้วยความที่เป็นหนังเรต PG-13 และแทบจะปล่อยผ่านประเด็นจริงจังไปเลย แต่มันทำหน้าที่ได้ดีในแง่ของการเป็นหนังซัมเมอร์ที่ให้ความบันเทิง หนังพาเราร่วมลุ้นระทึก ตื่นเต้น และนั่งเกร็งตั้งแต่ห้านาทีแรกของหนังไปจนจบ ซึ่งแม้จะน่าเสียดายที่หนังเลือกทิ้งประเด็นดราม่าที่เปิดเอาไว้ แต่คิดว่าผู้สร้างคงกลัวว่าถ้าจะเน้นประเด็นเหล่านั้นด้วย หนังอาจยาวถึงสองชั่วโมงครึ่ง และอาจไม่แน่ใจว่าจะทำมันออกมาให้ถึง จึงเน้นเรื่องสร้างความบันเทิงแบบลุ้นระทึกอย่างเดียว

หนังบอกเล่าเรื่องราวของสงครามโลกกับซอมบี้ แต่สเกลของหนังตีวงแคบเข้ามาโดยเน้นการสืบสวนของเจอรี่ (แบรด พิตต์) เจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติในการหาต้นตอของเชื้อโรคที่ทำให้คนกลายเป็นซอมบี้และหาวิธีรักษาซึ่งพาให้เขาต้องเดินทางไปทั่วโลก ความที่เคยทำงานในสงครามมาก่อนก็ทำให้เขาเชี่ยวชาญในการเอาตัวรอดระดับหนึ่ง และความที่เป็นคนช่างสังเกตก็ทำให้เขาได้พบวิธีช่วยเหลือมนุษย์ในที่สุด

ผู้ชมติดตามการสืบสวนของเจอรี่ไปยังที่ต่างๆ ทั่วโลกและได้ร่วมลุ้นให้เจอรี่รอดท่ามกลางฝูงซอมบี้ที่วิ่งเร็วและบ้าประหนึ่งฝูงสัตว์ร้ายอันบ้าคลั่ง ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นการฝ่าด่านเกมต่างๆ เพื่อเก็บเบาะแสเพื่อเอาไปใช้ในด่านสุดท้าย ตั้งแต่การพยายามหนีออกจากเมือง การเจอซอมบี้ในความมืด ฝูงซอมบี้ที่ทะลักกำแพงเมืองเข้ามา ซอมบี้บนเครื่องบิน และซอมบี้ในห้องทดลองที่บางฉากชวนให้นึกถึงความสยองขวัญของเกม Resident Evil และน่าจะเป็นการสร้างฉากที่คล้ายเกมได้ดีกว่าหนังที่สร้างจากเกมเองด้วยซ้ำ

แบรด พิตต์ทำหน้าที่ได้ดีอย่างมากในการพาหนังทั้งเรื่องให้ไปรอดได้ตลอดฝั่ง ได้มีฉากโชว์ความเท่และฉากใช้ความสามารถไปพร้อมกัน

8/10

13 comments

  1. ผมว่าหนังซอบบี้ที่มีประเด็นของการกัดจิกวิพากษ์สังคมมันน่าจะเป็นลายเซ็นต์เฉพาะตัวของ จอร์จ โรเมโร่มากกว่ามั้งครับ ไม่ใช่เป็นองค์ประกอบที่จำเป็นของหนังซอมบี้

    • ครบทุกอย่างที่หนังซอมบี้ควรมี ตื่นเต้น ลุ้นระทึก ระแวงรอบด้าน

      บทสรุปดีมาก สามมิติสวยงามเสริมหนังมาก ฉากอลังการ ไม่เครียดเกินไป

      เป็นความบันเทิงเต็มรูปแบบ ดูกี่รอบก็ไม่เบื่อครับ

      ขึ้นแท่นเป็นหนังซอมบี้อันดับหนึ่งในใจเลยครับ

      รองจาก – REC
      – Dawn of the Dead
      – Resident Evil 1
      – 28 Days Later
      – Shaun of the Dead

  2. .
    ผมให้ 8.5 ครับ ด้านความบันเทิง แล้วตอนจบที่ไม่เหมือนใคร ติดตรงการรอดจากเครื่องบิน กูเกินจริงไปหน่อย
    .

  3. ถึงแม้บทจะป่วยแต่ผู้กำกับเอาคนดูอยู่หมัด ลุ้นระทึกสนุกตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆครับ ให้ 8.5 คะแนนครับ
    ส่วนกรณีรอดจากเครื่องบินผมไม่ติดใจ เพราะในชีวิตจริงเจมส์เรืองศักดิ์ยังรอดมาได้ขณะที่คนอื่นในลำเดียวกันตายเยอะแยะเลยครับ

  4. แหม พี่เจไดมีแอบจิกกัด หนังซอมบี้จากเกม ที่เป็นหนังโปรดของผมด้วยแฮะ 555+
    ส่วนตัวแล้วผมให้คะแนนแบ่งเป็นสองความรู้สึกครับ
    ความรู้สึกของความยากของเนื้อเรื่องเนื้อหา ผมให้ 7 ครับ..บางอย่างมันดูง่ายไป แบบว่า
    ผมคงชอบอะไรที่มันยากกว่านี้ล่ะมั๊งครับ เหมือนตอนดูหนังเรื่องที่โรคระบาดเรื่องนึงที่มี
    กวินเน็ต กับแมทเดมอน และเคท เล่น ผมว่าอันนั้นนั่นล่ะ ที่ยากมาก เพราะ กว่าจะมาเป็นโรคร้ายได้
    แม่งง โคตรจะบังเอิญเลย…มันไม่ได้มาง่ายๆอ่ะ
    ส่วนเรื่องความรู้สึกตื่นเต้น ลุ้นระทึก ผมให้เรื่องนี้ เต็ม10นะ…..
    ให้อารมณ์เหมือนดูเรื่อง ชัตเตอร์ อ่ะครับ ถ้าชัตเตอร์คือความสยองขวัญทุกๆ5 นาที
    เรื่องนี้ก็คือ ความตื่นเต้นทุกๆ 5 นาทีเหมือนกัน…..
    แต่ความรู้สึกของ

  5. เรื่องนี้ทำเอาผมหัวเราะอยู่หลายฉากครับ กับมุขตลกร้ายที่แสบสันต์ใช่เล่น
    คือฉากกำแพงของเยรูซาเล็มที่เห็นในตัวอย่าง ผมว่ามันน่าขนลุกมากๆ
    พอได้เข้าไปพบคำตอบในโรงว่าทำไมซอมบี้ถึงสามัคคีกายกรรมต่อตัวสูงขนาดนั้น ผมขำจริงๆ หนังจิกกัดได้เจ็บมาก ถึงจะยังมีอีกหลายฉากที่ตลกร้ายเหมือนๆกัน แต่เยรูซาเล็มนี่สุดๆแล้วครับ

    ในแง่ของความใหญ่โตและความลุ้นกดดัน กับฉากแอคชั่นมันส์และเท่ เรื่องนี้ถือว่าทำได้ดีมากๆ และบางอย่างก็ไม่ซ้ำกับหนังซอมบี้เรื่องอื่นๆที่เคยดูมา ทำได้ถูกใจ แต่ว่ามันยังไม่จุใจมากพอ เพราะต้องเล่าประเด็นเรื่องอื่นๆด้วย

    เป็นหนังซอมบี้เรื่องแรกที่ไม่ค่อยสะดุ้ง แต่ทำให้เราลุ้นตัวเกร็งได้ในฉากที่ตัวละครหนีตาย

    ไม่รู้ว่าเราคิดไปเองหรือเปล่า แต่ว่าในขณะที่ดูและพอดูเรื่องนี้จบ เราว่าองค์ประกอบบางอย่างในเรื่องมันเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนอะไรบางสิ่งถึงสังคมของโลกมนุษย์

    ในแง่ดราม่าเราพอปริ่มๆ แต่ไม่ซาบซึ้งได้อย่างเต็มที่

    ฉากในห้องแล็บช่วงท้ายเรื่อง แม้จะลดความยิ่งใหญ่ของสถานที่ลงไป แต่กลับทวีความกดดันได้อย่างหนักหหน่วงและลุ้นมากๆ แถมยังตบท้ายด้วยตลกแสบสันต์สุดเท่จนหงายเงิบไป

    สำหรับเรต PG-13 ที่เป็นตัวจำกัดให้รุนแรงได้ไม่มากนัก นี่ถือว่าเป็นหนังซอมบี้ที่สร้างสรรค์วิธีการมาให้ผู้ชมบันเทิงไปกับสิ่งอื่นๆแทนได้

    8.5 / 10

  6. เป็นหนังแนวซอมบี้ที่ผมชอบมาก และแหวกแนวจากซอมบี้เรื่องอื่นๆที่เน้นยิง และเลือดไหลนองทั้งเรื่อง ในบางฉากมีแอบเหน็บศาสนาอื่นด้วย โดยรวมผมให้ 9/10 ครับ

    เรื่องนี้ดูแบบ 4DX ขอบอกว่าสนุกมากๆกว่าเวอรชั่นปกติอีกครับ

  7. เป็นหนังที่ค่อนข้าง มีทฤษฏีเรื่องซอมบี้ที่แปลกใหม่ และเนื้อเรื่องที่ไม่เหมือนซอมบี้ทั่วไป ซึ่งก็ดีแล้วละครับ ความยิ่งใหญ่ของมันก็เพิ่มพลังให้หนังได้เป็นอย่างดี ยิ่งตัวพระเอกแล้ว แต่บนเครื่องบินนี่มันอัลไล ทฤษฏีเรื่องซอมบี้ในเรื่องนี้ที่ว่าดูเหมือนจะน่าเชื่อถือ พอเจอฉากเครื่องบินนี่รู้สึกว่ามัน คนอึดตายยากเกินไปและ โดยรวมหนังทำได้ตื่นเต้น น่าสนใจดีครับ อาจจะไม่ถูกใจคนชอบหนังสยองเลือดสาด แต่ถูกใจผมที่ไม่ค่อยจะแสวงหาหนังจำพวกนั้น (เว้นไว้เรื่องนึง คือซีรี่ส์ The Walking Dead นะครับ ^^)

  8. เป็นหนังซอมบี้ที่ดูธรรมดาไปหน่อยเมื่อเทียบกับงบทุนสร้างและการมีดารานำอย่างแบรด พิตต์ ฉากระทึกและตื่นเต้นยังไม่น่าจดจำเท่าไหร่ ชอบน้อยกว่าหนังzombieที่สร้างรุ่นหลังๆอย่าง The Crezies, I am Legend, 28 Days later, 28 Weeks Later, Dawn of the Dead, หรือแม้กระทั่ง Land of the Dead

  9. ส่วนตัวชอบในแง่ของความมันส์ ว่าซอมบี้ใน The Walking Dead นี่อัพเกรดวิ่งเร็วละนะครับ
    พอเจอเรื่องนี้ นอกจากจะสี่คูณร้อยละยังกระโดดกัดคออีกต่างหาก
    ทำให้นึกถึงซอมบี้สมัยก่อนที่เดินช้าๆ แม้แต่เด็กยังวิ่งหนีทัน
    ให้คะแนน 9/10 เพราะชอบหนังซอมบี้เป็นการส่วนตัวแต่ตอนจบง่ายไปนิดครับ

  10. หนังเรื่องนี้สามารถรวมเอาความลุ้นระทึก ที่ดูยิ่งใหญ่สมกับเป็นหนัง Summer เอาใจผู้ชม ฉากใหญ่ๆหลายฉากทำออกมาได้อย่างตื่นเต้น คนดูต้องคอยเอาใจช่วยให้พระเอกหนีฝูงซอมบี้ออกไปให้ได้ ฉากในกำแพงเมือง ผมแอบสะใจอยู่เล็กๆที่พวกชาวเมืองมัวแต่โห่ร้องดีใจที่พวกซอมบี้ไม่สามารถเข้าเมืองได้ ในขณะที่พวกซอมบี้กลับพยายามทุกวิถีทางที่จะเข้าไปในกำแพงเมืองเพื่อไล่ล่าพวกมนุษย์ให้ได้ จนประสบความสำเร็จในที่สุด เปรียบเหมือนฝูงมดที่รวมพลังกันต่อตัวเพื่อไปหาอาหารยังไงยังงั้น

    ผมชอบฉากท้ายเรื่องที่เป็นฉากในตึก ซึ่งตัวละครต้องเข้าไปหาวัคซีนเพื่อมาป้องกันเชื้อซอมบี้ และต้องคอยหลบหลีกไม่ให้พวกซอมบี้รู้ตัวก่อน ซึ่งน่าจะเป็นฉากที่เป็นเอกลักษณ์แบบหนึ่งของหนังแนวนี้เลยทีเดียว อยากรู้เหมือนกันว่าฉากจบอีกแบบที่ถ่ายทำเสร็จแล้วแต่ไม่ได้เอามาใช้ อารมณ์จะออกมาแนวไหน คงต้องรอดูใน Blu-Ray เป็นแน่แท้

Leave a Reply to tharathongCancel reply