The Lone Ranger: ความเห็นหลังชม

the lone ranger reader reviewนิตยสารฟอร์บทำนายว่า The Lone Ranger จะกลายเป็นหนังขาดทุนมหาศาลของปีนี้ และก็ดูเหมือนจะเป็นไปตามคำทำนายจริงๆ ครับ ด้วยทุนสร้าง 225 ล้านเหรียญในสหรัฐ (ไม่รวมงบด้านการตลาด) หนังเปิดตัวในการฉายวันแรกวันที่ 4 กรกฎาคม ไปเพียงไม่ถึง 10 ล้านเหรียญ และคาดว่าจะทำรายได้ 5 วันไปราวๆ 45 ล้านเหรียญ น่าจะกลายเป็นหนังของดิสนี่ย์อีกเรื่องที่ขาดทุนในระดับเดียวกับ John Carter

นักวิจารณ์ในสหรัฐดูเหมือนจะสับเละเลยครับ คะแนนจากการประเมินของ Rotten Tomatoes อยู่ที่ 4.6/10 และมีนักวิจารณ์ชอบ 23% ส่วนคะแนนจากการประเมินของ Metacritic อยู่ที่ 37/100 ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่านักวิจารณ์ใจร้ายเกินไปที่กดคะแนนขนาดนั้น โดยส่วนตัวคิดว่าคะแนนที่เหมาะสมน่าจะอยู่กลางๆ พอดี เพราะแม้ว่าหนังจะข้อเสียด้านการเล่าเรื่อง มีความซ้ำซากจำเจของตัวละคร และหนังยืดยาวเกินความจำเป็น แต่หนังก็มีงานสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่เป็นการพยายามจะคาราวะหรืออ้างอิงหนังเก่าอย่าง Once Upon a Time in the West มีการสร้างฉากแอ็คชั่นที่ใหญ่โต ซับซ้อน และสนุกในระดับดูได้เพลินๆ มีมุขตลกขำได้เป็นระยะๆ โดยเฉพาะจากม้าในเรื่อง

จอห์นนี่ เดปป์ พยายามสร้างบุคลิกให้ตอนโต้ ตัวละครของเขาให้มีเอกลักษณ์เพี้ยนๆ แบบกัปตันแจ็ค สแปโรว์ แต่เอาเข้าจริงแล้วก็กลายเป็นตัวละครเพี้ยนแบบจำเจที่เราเห็นจากเดปป์จนชินแล้ว ไม่เห็นอะไรแปลกใหม่แล้ว จึงไม่น่าจะเป็นการสร้างตัวละครอันน่าจดจำจนมีความแข็งแรงได้เท่ากัปตันแจ็คแน่ๆ และเดปป์ก็ควรลองหาบทแบบอื่นได้แล้วครับ

ชอบหนังกันแค่ไหน และมีความเห็นยังไง ใส่กันมาเลยครับ

15 comments

  1. ใจร้ายเกินไปหน่อยครับ..สำหรับคะแนนวิจารณ์เมืองนอก หนังดีสนุก ยิ่งถ้าดูกับ 4DX แล้วด้วย สำหรับผมถือว่าไม่เสียดายตังค์และเวลา

  2. ความอยากดูเรื่องนี้แทบไม่ค่อยมีอยู่แล้ว เพราะตัวอย่างหนังไม่ได้ดึงดูดใจผมซักเท่าไร แต่เพื่อนผมก็ชวนไปดูจังเลย พอมาอ่านข่าวนี้ รู้สึกตัวเองคิดถูกแล้วจริงๆ

    หลังๆมานี้ ผมรู้สึกว่า เซ้นส์ ในการเลี่ยงหนังไม่สนุก ผมจะเลเวลอัพแล้ว ตั้งแต่เจอ G.I. Joe ภาค 2 เข้าไป ฮ่าๆ

  3. เห็นด้วยจริงๆไม่รู้ว่าจอห์นนี่แกจะอยากเพี้ยนไปถึงไหน เอาแค่ในหนังของผู้กำกับคู่บุญอย่างทิม เบอร์ตันก็น่าพอแล้ว แต่ก็เถอะแกเล่นหนังเป็นคนปกติแล้วหนังกลับไม่ค่อยดังไม่รู้เป็นเพราะอะไร

  4. เห็นด้วยครับ นักวิจาร์ณใจร้ายเกินไปจริงๆ ผมว่าก็สนุกได้ในระดับหนึ่ง แต่ออกจากโรงแล้วก็จบกัน แต่ฉากจบของหนังเนี่ยผมให้10/10เลย ทั้งฉากทั้งอารมณ์ทั้งคิวบู๊มุขตลกมันใช่เลยตามมุขหนังตะวันตก โดยเฉพาะเพลงครับ ชอบมากๆ…

  5. กำไรที่ได้จากไตรภาคไพเรทไป เจอ john กับ lone ทวงหนี้ที กระอักเลย ดีสนีย์….

    มันผิดที่ดีสนีย์นั่นแหละที่พยายามทำให้หนังเป็นแบบเด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี เรท pg13 เข้าไว้

    ตัวหนังมันเลยไม่สุดว่าจะเอาไงแน่ จะเอาฮาเวอร์ สนุก ตลก ไปเลย ก็โดดจากตรีมคาวบอย
    จะเอาจริงจัง มีโหด เถื่อน ก็กระทบกับเรทที่ดีสนีย์ตั้งไว้

    แต่รสนิยมคนไทย บอกตรง แบบช่วงซีนแอ็คชั่นรถไฟเปิดกับช่วงรถไฟไคลแม็กซ์นี่แหละ ของโปรดเลย
    ดูแล้วสนุกสุดในเรื่องแล้ว จะเวอร์นิดหน่อยไม่ว่า แค่ขอให้มันดูสนุกไม่อืด มันก็เพลินตลอดแล้ว ตรีมหนัง+หนังแสดง ปูมาซะขนาดนี้แล้ว กลับไปเล่าเรื่องราว ปูพื้นได้แบบไม่มีอะไรเลยซะนี่

    กลางเรื่องนี่ มันเหมือนหนังที่ พยายามทำให้ดูมีเนื้อเรื่องมีอะไร มีหม่นบ้าง แต่อืดอาดและไม่เข้ากับสิ่งที่หน้าหนังปูมาว่า แอ็คชั่นคู่หู-คอมมาดี้ เล้ย …

    PS.แต่ชอบสุดแล้ว ซีนรถไฟประกอบเพลง william tell เนี่ย ลงตัวดี 5555+

  6. คือหลายๆครั้งที่เลือกดูหนังเพราะขี้เกียจตามดูในหลายๆเรื่อง แต่กับบางเรื่อง พอถึงช่วงที่มันว่างๆก็จะตามดูทุกเรื่อง ซึ่งพอเจอเรื่องนี้เข้าไป ผมว่ามันดูได้เรื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แบบเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลยนะครับ ไม่ได้หวือหวาอะไรเลย และตั้งแต่ดูหนังมา รู้สึกว่า เพิ่งเคยเจอมุกแป๊กที่มันให้ความรู้สึกว่าแป๊กจริงๆ 5555555 คือปกติ มุกใต้สะดือลามกหรือมุกหนังตลกทั้งหลายทั้งปวงยังไม่ทำให้รู้สึกเท่ามุกหลายๆอันในเรื่องนี้ ที่ให้อารมณ์แบบเสียงจิ้งหรีดมาก หึหึ แต่ถึงเช่นนั้น ส่วนดีก็คงต้องยกให้ฉากครับ ฉากหลายๆฉากรู้สึกว่าไม่ได้เห็นมานาน ความเป็นคาวบอยมันก็เท่ แต่มันก็ยังไม่สุด เนื้อเรื่องเป็นอะไรที่น่าเสียดายมาก เล่าได้ยืดยาวแต่เหมือนได้น้ำมามากยังไงไม่รู้ แถมประเด็นพี่น้องรักสาวคนเดียวกันก็ทำได้ไม่ชวนให้ลุ้นหรืออะไรแต่อย่างใด ทั้งยังจบได้แบบสว่างไสว ซึ่งก็พอเข้าใจว่ามันไม่ได้ตั้งใจให้ดาร์ก แต่มันก็เด็กเกินไป ขนาดว่าถ้าเทียบกับ pirates แล้วก็เถอะ แต่ถึงกระนั้นก็คิดว่าไม่เสียดายเงินสำหรับการดูแค่รอบเดียว เพราะหนังก็ยังมีส่วนสนุก แต่ก็ไม่คิดว่าจะคุ้มที่จะกลับไปดูรอบสองเป็นแน่แท้ ^^

  7. ทุนสร้าง+ค่าการตลาด เท่ากับ 350 ล้านเลย เพราะฉายวันชาติเเปลว่าต้องทุ่มค่าการตลาดเยอะเดาว่าหนังคงทำเงินไม่ถึง 100 ล้านในเมกา เเต่น่าจะทำเงินระดับ 200-300 ล้านในต่างประเทศ ถ้าต้องการได้ทุนคืนต้องทำเงิน 700 ล้านเเต่คิดว่าคงไม่เจ๊งหรอกเพราะ john carter คงได้ทุนคืนเเล้วม้างเพราะตลาด dvd bluray มันมีมูลค่าเยอะ

  8. ผมว่าสำหรับช่วง 2-3 อาทิตย์ที่ไม่มีหนังเข้า lone ranger ก็ดูแก้เซ็งได้ครับ ตัวหนังดูได้เรื่อยๆ แต่ไม่มีอะไรให้จดจำ ตัวเอกไม่มีเสน่ห์มากพอจะทำให้เราติดตา คงเพราะเป็นหนังซัมเมอร์ทุนหนัก นักแสดงและผู้กำกับก็น่าจับตามองความคาดหวังจากนักวิจารณ์ก็เลยเยอะ เรียกว่าลับมีดเตรียมปังตอไว้เลย

    ส่วนตัวผมค่อนข้างโอเคคงเพราะจากตัวอย่างหนังสุดท้ายก็พอรู้ว่าจะเป็นหนังแบบไหน ผมให้ 7/10 ดูได้ ไม่ดูก็รอแผ่นไม่เสียหลาย

    ปล. สำหรับท่านที่ยังไม่ได้ไปดูแต่ออกมาสมน้ำหน้าหนังซะแล้ว ส่วนตัวผมรู้สึกแย่แทนคนสร้างนะครับ การตัดสินจากเสียงวิจารณ์ของคนอื่น ไม่ได้ช่วยให้เกิดความสร้างสรรค์ที่เป็นประโยชน์ใดๆเลย

    • ผมให้ 7/10 เหมือนกันครับ

      หนังดูเนื่อยๆ เรื่อยๆ เล่าเรื่องได้น่าง่วงมากๆ เกือบหลับ

      ผมว่าหนังยาวเกินไปโดยไม่จำเป็นเลยครับ

      ดูแก้เบื่อได้ และเด็กๆคงชอบ ที่ผมชอบคือแอ๊กชั่นบันเทิงจัดเต็ม

      ตอนท้ายเรื่อง และซาบซึ้งกับชนเผ่าอินเดียนแดงที่ถูกบุกรุกบ้าน

      ป.ล. เจ๊เฮเลน่า มาน้อย เหมือนประมาณมารับเชิญเลยครับ

  9. รู้ตัวอีกที จอนนี่ตอนแก่ ใส่สูทแล้ว
    หลับสบ๊าย

    หนังสไตล์นี้ค่อนข้างมีจุดอ่อนด้านรอยต่อของการเปลี่ยนฉากทั้งอารมณ์ของเนื้อหาก็ไม่ค่อยชัดเจนชวนให้ติดตาม แต่ยอมรับว่า ภาพสวยจริงครับ ถ้าเทียบสไตล์นี้กับ RANGO ยังสนุกตื่นเต้นกว่านะในแง่ความบันเทิง

  10. ตนที่ได้ข่าว่าว่ ผกก กอร์ วอบิ้นสกี้ จะทำหนังเริ่่องนี้ ในใจก็สังหรว่า ท่าจะคว่ำไม่เป็นท่าแน่เลย เพราะพล็อตไมมีอะไรน่าสนใจเลย ยิ่งพอเห็ฤนตัวอย่างในโรงยยิ่งแน่ใจว่าแป่่กแน่

  11. The Lone Ranger (2013)
    คะแนน 5.5/10

    นอกจากประวัติศาสตร์ภาพยนตร์แนวบุกเบิกตะวันตก เราก็คงไม่อาจคาดหวังคุณค่าทางศิลปะใดๆ จากหนังเรื่องนี้ และเข้าไปชมเพื่อความบันเริงใจเท่านั้น แต่น่าเสียดายที่หนังไม่สามารถมอบอรรถรสความบันเทิง หรือพูดง่ายๆ ว่าสนุกสนานได้เต็มที่คุ้มกับเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งที่ต้องเสียไป

    หนังมีปัญหาตั้งแต่ตัวบทที่การเล่าเรื่อง ตัวละครเละเทะสะเปะสะปะไปหมด และไม่ได้ทำให้เรารู้สึกถึงเสน่ห์ ความยิ่งใหญ่ของฮีโร่บนหลังม้าคนนี้ ผู้กำกับ กอร์ เวอร์บินสกี้ ดูเหมือนจะนำเสนอด้วยลีลาทีเล่นมากเกินไป และจังหวะจะโคน ฉากแอคชั่น ก็แทบจะเคาะมาจาก Pirate of the Caribbean มันจึงเต็มไปด้วยฉากชุลมุนวุ่นวาย เอะอะมะเทิ่งมากเกินจำเป็น ลดความเข้มขลังของประเด็นการบุกรุกดินแดน ความละโมภของคนขาวลง และยังทำให้หนังหมดสง่าราศี กลายเป็นเหมือนงานจำอวดโชว์ตลกเจ็บตัวฝืดๆ

    นักแสดงชูโรงอย่าง จอห์นนี่ เด็ปป์ ก็มารับบทที่สร้างสีสันได้พอควร แต่การแสดงของเขาก็ซ้ำทางกับบทประหลาดๆ ทั้งหลายที่เขารับเล่นในช่วงหลังๆ เช่นเดียวกับ เฮเลน่า บอนแฮม คาเตอร์ ที่โผล่มารับบทคุณโสแข่งปืนลูกโม่ คนที่น่าผิดหวังที่สุดคือพ่อพระเอก อาร์มี่ แฮมเมอร์ ที่ไร้เสน่ห์ น่ารำคาญเป็นที่สุด ความแป๊กของเขาอาจจะต้องโทษไปที่ผู้กำกับด้วยที่สร้างให้ตัวละครเป็นเช่นนี้

    สิ่งที่น่าพอใจที่สุดอยู่ที่ส่วนของโปรดักชั่นดีไซน์ที่เนรมิตตะวันตกแดนเถื่อนได้ยิ่งใหญ่อลังการงานถ่ายภาพที่เน้นความใหญ่โตของทิวทัศน์ทำให้ต้องนึกไปถึงหนังคาวบอยสุดคลาสสิคของ จอห์น ฟอร์ด ทีเดียว แต่ก็แค่นั้นอย่าได้ริอาจเอาหนังทั้งเรื่องไปเทียบเลยเชียว

Leave a Reply to noumCancel reply