ดูผู้สร้างทำให้ซูเปอร์แมนสมจริง ทันสมัย แต่ยังคงหัวใจเดิมเอาไว้ในเบื้องหลัง 13 นาที ของ Man of Steel
เคยอ่านความเห็นของผู้ชม Man of Steel จากรอบทดลองเฉย บอกว่า “นี่เป็นหนังซัมเมอร์ที่ดีที่สุดของปีนี้” ผมยังไม่รู้สึกเชื่อในทีแรก แต่หลังจากดูคลิปเบื้องหลังตัวใหม่ที่ยาว 13 นาที ที่เผยฟุตเตจเพิ่มเติม และเผยความพยายามของผู้สร้างที่จะทำให้ซูเปอร์ฮีโร่รุ่นปู่ตัวนี้ออกมาทันสมัย เข้ากับโลกปัจจุบัน ดูสมจริง ดูยิ่งใหญ่ แต่ขณะเดียวกันก็ยังพยายามไม่ให้เป็นหนังที่จริงจังเกินไป และยังคงหัวใจดั้งเดิมของซูเปอร์แมนเอาไว้ มันให้ความรู้สึกว่านี่น่าจะเป็นหนังซัมเมอร์ที่ดีที่สุดของปีนี้จริงๆ ก็ได้ครับ
คลิปเปิดเรื่องด้วยการให้ผู้เกี่ยวข้องสำคัญของหนังตั้งแต่ผู้กำกับแซ็ค สไนเดอร์, เดวิด เอส. โกเยอร์ ผู้เขียนบท, ทีมผู้อำนวยการสร้างและคณะนักแสดงมาบอกนิยามของตัวเองว่าซูเปอร์แมนสำหรับพวกเขาแล้วคืออะไร ก่อนที่จะตัดเข้าชื่อของคริสโตเฟอร์ โนแลน ในฐานะผู้อำนวยการสร้าง และฉายโลโก้ของหนังให้เราดู
ช่วงต่อไปในคลิปพูดถึงแง่มุมซูเปอร์แมนที่พวกเขาคิดในการสร้างหนัง Man of Steel และพาเราไปดูเบื้องหลังการถ่ายทำฉากแอ็คชั่น ที่เมืองสมอลวิลล์ ซึ่งสิ่งที่โนแลนกับโกเยอร์ตั้งเป้าหมายไว้ก็คือ “ให้เป็นซูเปอร์แมนในโลกความจริง ไม่ใช่ซูเปอร์แมนในแบบหนังสือการ์ตูน”
เดบราห์ สไนเดอร์ ภรรยาของแซ็ค สไนเดอร์ ที่เป็นผู้อำนวยการสร้างของหนังบอกด้วยว่าเดิมทีแล้วพวกเขาก็ลังเลที่จะรับงานกำกับหนังเรื่องนี้ แต่เมื่อโกเยอร์นำเสนอให้ฟังว่าจะเอาตัวละครนี้มาทำให้ทันสมัยได้ยังไง ทำให้เท่สำหรับผู้ชมรุ่นใหม่ เมื่อได้ฟังแล้ว พวกเขาก็ว้าวเลยว่าพวกเขาหาทางทำออกมาได้แล้ว แซ็คเสริมว่าแนวคิดที่โนแลนกับโกเยอร์ทำก็คือให้ผู้ชมมีความรู้สึกร่วมกับความเป็นซูเปอร์แมน “โดยไม่ทำลายสิ่งที่ทำให้เขาเป็นซูเปอร์แมน ทำให้เขาเข้าถึงได้ ทำให้เขาติดดิน และดูจริง”
ช่วงต่อมาของคลิปเป็นช่วงความเห็นของนักแสดงและทีมผู้อำนวยการสร้างต่อผู้กำกับแซ็ค สไนเดอร์ ว่าการทำงานเป็นยังไง มีความชื่นชมในตัวแซ็คยังไง จากนั้นก็พูดถึงการออกแบบงานสร้างในการหาสถานที่ที่ทำให้รู้สึกจริงมากที่สุดที่จะทำได้ ให้ความรู้สึกว่าโลกในซูเปอร์แมนเป็นโลกแบบเดียวกับโลกปัจจุบันของเรา เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกได้ว่าเรื่องราวนี้ ซูเปอร์ฮีโร่ตัวนี้ เกิดขึ้นจริงบนโลกของเราได้
เบื้องหลังงานสร้างตอนต่อไป พูดถึงเครื่องแต่งกาย ซึ่งทุกคนเห็นพ้องกันว่าถ้าจะไม่ให้ดูตลกในโลกวันนี้และเข้ากับยุคสมัย “กางเกงในต้องถูกเอาออกไป” คลิปช่วงนี้ยังให้เห็นด้วยว่าโลกบนดาวคริปโตไนท์จะถูกนำเสนอมากขึ้นกว่าฉบับอื่น แนะนำชุดเครื่องแต่งกายบนดาวที่คล้ายคลึงกับที่ซูเปอร์แมนใส่ด้วย และทำให้ตัวอักษรเอสบนหน้าอกเป็นตัวอักษรต่างดาวที่แทนคำว่า “ความหวัง “ซึ่งบังเอิญตรงกับตัวเอสของโลกมนุษย์ เป็นการให้คำอธิบายเรื่องชุดว่ามีที่มายังไง ซึ่งน่าจะเป็นความแปลกใหม่ที่ยังไม่เคยถูกนำเสนอมาก่อนในฉบับภาพยนตร์ “เป็นเส้นบางๆของการสร้างเขาขึ้นมาใหม่ แต่ก็ยังเห็นเป็นตัวเขาอยู่ในนั้น” แซ็คบอก
ครึ่งหลังของคลิปก็จะเป็นการพูดถึงตัวละครครับ นิยามซูเปอร์แมนฉบับนี้ว่าเป็น “บุตรแห่งสองโลก” และพูดถึงความรู้สึกภายในของคลาร์กว่าเขาเป็นเหมือนคนนอกบนโลกมนุษย์ และออกค้นว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน ฉันเป็นคนของโลกนี้ไหม หรือมาจากที่อื่น ซึ่งแซ็คบอกว่ามุมมองนี้ช่วยให้ผู้ชมที่เชื่อมกับความรู้สึกของตัวละครได้ เพราะผู้ชมก็อาจถามตัวเองด้วยคำถามเดียวกัน ลูอิส เลนในฉบับนี้ก็จะถึงลูกถึงคนมากขึ้นในการทำหน้าที่เป็นนักข่าว ส่วนนายพลซ็อดก็จะมีลักษณะเป็นคนที่ทำตามอุดมการณ์ ทำตามหน้าที่ เป็นคนที่เด็ดขาด เป็นตัวร้ายที่เชื่อมั่นว่าตัวเองทำสิ่งที่ถูกต้อง
เบื้องหลังยังแย้มให้ดูเกี่ยวกับฉากแอ็คชั่นด้วยครับที่ให้อารมณ์ยิ่งใหญ่ สมจริง และในแบบที่ไม่เหมือนหนังซูเปอร์แมนฉบับไหนมาก่อน และให้ความรู้สึกด้วยว่าโรงหนังไอแม็กซ์น่าจะเป็นที่ที่ทำให้อรรถรสการชมหนังเรื่องนี้สมบูรณ์ที่สุด
Man of Steel เข้าฉาย 13 มิถุนายนนี้ครับ ชมคลิปด้านใน
คำว่า “ซูเปอร์แมน” นัยยะบอกชัดเจนอยู่แล้ว แต่เมื่อถูกจำกัดที่มา ทีไป จึงไม่สามารถเพิ่มความเป็นตัวตนได้ชัดเจนเท่าแบทแมน หรือ สไปเดอร์แมนได้เลย ถึงจะเหนือชั้นกว่าโนแลนด์ก็ไม่สามารถปรับเปลี่ยนอะไรได้มากนัก ซึ่งสมัย ผกก.ริชาร์ด เลสเตอร์ ก็เคยจะจับซูเปอร์แมนเข้าแฟนทอม เพื่อแปลงโฉมเป็นมนุษย์มาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ เมื่อเหล่าร้าย ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แถมมาด้วยกันถึง 3 >>> ในเมื่อที่มาของซูเปอร์แมน ไม่ใช่ปุถุชนคนเดินดิน จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะนำมาตีความใหม่ ทำได้มากสุด ก็แค่ทำให้ร่างกายและลมหายใจเท่านั้น เป็นได้แค่มนุษย์ !
พูดแบบนี้แสดงว่าไม่ใช่แฟนการ์ตูนแน่ๆ เพราะดูกี่ความเห็น ท่านก็จะดึงเอาหนังของริชาร์ด ดอนเนอร์ มาด้วยตลอด รู้มั๊ยครับว่าหนังของดอนเนอร์ดัดแปลงอะไรจากการ์ตูนไปเยอะมาก อย่างการหมุนโลกย้อนเวลาเนี่ย มันไร้เหตุผลสิ้นดี แฟนๆชอบกันก็จริง แต่ถ้านับตามความเป็นจริงแล้ว การสร้างหนังให้เป้นแนวการ์ตูนจ๋าแบบสมัยก่อน ถ้าเป็นตอนนี้หนังมันจะออกมาเป็นยังไง? ก็เจ๊งแบบ Green Lanter นั่นแหละครับ มันไม่ได้แล้ว ซึ่งสามเกลออย่างโนแลน/สไนเดอร์/โกเยอร์ ก็เข้าใจเรื่องนี้ดี ถึงได้สร้าง Man of Steel ออกมา
ถึงจะออกตัวว่าเป็นการสร้างบุรุษเหล็กในโลกความจริง แต่เขาก็ใส่ใจตำนานในการ์ตูนครับ ดูจากตัวอย่างนี้ก็รู้แล้ว แสดงว่าท่านไม่ได้คลิ๊กเข้าไปดูจริงๆแน่เลยว่าเขาพูดถึงอะไรบ้าง ลองเข้าไปดูซักเล็กน้อยครับแล้วจะชัดแจ้งเลยว่า แฟนการ์ตูนต้องการอะไร แล้วทีมงานเขาจัดอะไรให้บ้าง …เห็นแบบนี้เซ็งครับ ถ้าคนดูหนังใส่ใจตำนานในการ์ตูนซักนิดล่ะก็ อะไรๆมันก็คงจะง่ายขึ้นกว่านี้
ผมไม่ได้แย้ง หรือ คัดค้าน แต่ถ้าจะดึงเอาหนังไปเปรียบเทียบ หรือให้เหมือนกับแบทแมน มันคงไม่ได้ ก็อย่างที่บอกว่า ทั้ง แบทแมน และ สไปเดอร์ฯ ทั้ง 2 คนนี่ลิมตาดูโลกมาก็รู้ว่าเป็น”มนุษย์” แต่กับปูมหลัง คลาก เค้นท์ มันไม่ใช่ เพราะเขามาจากดาวคลิพตัน “นอกโลก”ครับ ถึงได้บอกงัย ว่าจะให้โนแลนด์ตีความยังงัย ก็คงเป็นอื่นไกลไปไม่ได้นอกจากแค่ร่างกายกับลมหายใจ เท่านั้น ที่เป็นมนุษย์ อ้อ ตัดกางเกงในออกไปด้วย รึว่าคุณจะให้โนแลนด์ตีความใหม่ แปลงสัญาชาติ”ซูเปอร์แมน”เป็นมนุษย์ไปเสียเลย เกิดที่เมืองไทยดีมั๋ยครับ จะได้มีลูกเล่นสะใจคุณ ไหน ๆ ก็”ทู ฮ๊อท” แล้วนิครับ ฮา+++
ถ้าอ่านการ์ตูนจะทราบครับ ว่าการ์ตูนของสำนักพิมพ์ DC ตั้งแต่ปี 1990 (ไม่ชัดเจนเรื่องปีนะครับ) มีการปรับเปลี่ยนบทประพันธ์ดั้งเดิมของฮีโร่ทั้งหมดของสำนักพิมพ์ ให้มีความเป็นดราม่ามากขึ้น มีความเป็นมนุษย์มากขึ้น ซุปเปอร์แมนก็เช่นกัน ฉบับดั้งเดิมไม่เคยตีความด้านเศร้าหมองของซุปเปอร์แมน ความโดดเดี่ยว ความลำบากใจในการตัดสินใจ
และได้มีการเปลี่ยนให้บทประพันธ์เกือบทั้งหมดในโลกการ์ตูนของ DC (และอาจรวมถึงการตูน Loony Toon ของวอร์เนอร์เองด้วย) ให้มีความใกล้เคียงกับบทภาพยนต์ หรือ ซีรี่ย์ทางทีวี ดังนั้นเราจะไม่เห็นความเป็นซุปเปอร์ฮีโร่อเมริกันจ๋าแบบเมื่อก่อน แต่เนื้อเรื่องจะแฝงการใช้ชีวิตในสังคมอเมริกัน ปัญหาในสังคม การเสียดสีกระแสสังคม ในการตูน DC ยุค Modern ครับ
จุดด้อยของการ์ตูน DC ที่สร้างเป็นภาพยนต์ยากคือต้นกำเนิดของฮีโร่แต่ละคนนั้นไม่น่าสนใจ และการดีไซน์ตัวละครที่ไม่ดึงดูด แต่ในยุคใหม่ได้ทดแทนจุดนี้ด้วยบทประพันธ์ที่เข้มข้น น่าติดตามมากขึ้นครับ
อ่านแล้วก็งงตาม
เห็นด้วยอย่างยิ่ง เหมือนพยายามจะบอกอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่เห็นจะบอกอะไร งง!!?
เอิ่ม…หนังเรื่องไหนบ้างครับไม่มีที่มาที่ไป เริ่มเรื่องซุปไปต่อยซ๊อดแล้วจบ คำถามที่จะเกิดคือ “ต่อยเพราะอะไร” ที่มาที่ไป จุดกำเนิด การดำเนินเรื่อง เหตุผลต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญนะครับ ผมว่าพี่ซุปไม่เคยถูกจำกัดหรอกครับ เพราะคำนิยามของพี่ซุปที่ง่ายที่สุดและบ่งบอกถึงความเป็นพี่ซุปที่สุดคือ “Superman” เอาจริงๆคือผมไม่แน่ใจว่าความเห็นคุณต้องการสื่ออะไรอะครับ มันดูเหมือนเป็นการพยายามคิดแย้งโดยไม่สนอะไร ดูมั่วๆยังไงไม่รู้อะ
.
ลองไปหาซีรี่ย์ Smallville มาดูก่อนครับ แล้วค่อยวิจารณ์ยังไม่สาย
.
ดูเหมือน เขาจะไม่เข้่าใจในสิ่งที่ผมบอกเลยซักนิดเดียวแฮะ 55555+ เออช่างเหอะครับ ผมมันกีค ก้คิดแบบกีค คนทั่วไปคิดยังไงไม่รู้หรอก
แค่ดูเบื้องอันนี้ ก็รู้สึกถึงความเป็น Hope of Light ของหนังเรื่องนี้จริงๆ
ขอร้องนะครับ
ถ้าไม่เห็นด้วยกับความเห็นไหน แย้งไปที่ความเห็น แต่อย่าโจมตีที่ตัวคน
ถ้าไม่เห็นด้วย ก็บอกว่าไม่เห็นด้วยเพราะอะไร ความเห็นนั้นไม่จุดด้อยยังไง อย่าว่ากันที่ตัวคนครับ
ิ่อ่านความเห็นจากผู้ชมที่ไปดูรอบทดลองฉายมาเหมือนกันครับ อ่านจบแล้วยิ่งเกิดอารมณ์อยากดูเข้าไปอีก เฮ้อ…ขนาดเหลือไม่กี่วันนะเนี่ย แต่โึีครตทรมานสุดๆเลย
สิ่งเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกตลกคือทรงผมของไมเคิล แชนนอลคัฟ
มันทำให้ผมนึกถึงไจแอนท์.. ห้าห้าห้า
ยิ่งรู้เบื้องหลังยิ่งอยากดู
ดูหนังก่อนดีก่า
เอ่อ ยังไม่ได้ดูคลิปครับ ไม่อยากรู้เยอะก่อนดูหนัง ชอบดูคลิปเบื้องหลังตอนดูหนังจบแล้วมากกว่า
ได้แต่หวังว่าเวอร์ชั่นนี้จะมีอธิบายด้วยนะครับ ว่าชุดซูเปอร์แมนแข็งแกร่ง ไร้รอยขีดข่วน ได้ไง
อยากจะบอกแต่แกรงใจจังครับ ในหนังสือหาร์ตูน man of steel มีอธิบายด้วยหลักวิทยาศาสตร์ไว้แล้ว ว่าทำไมชุดซุปฯ ถึงไม่ขาดไม่ไหม
อยากดูๆๆๆๆๆ
ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่มนุษย์หรือไม่มนุษย์ มันอยู่ที่ทำยังไงเราจึงจะสามารถเอาก้นลายๆ ของเราไปนั่งในโรง imax แล้วอินกับมันให้ได้มากที่สุด
พูดถึงเดวิด เอส. โกเยอร์นี่ เขาเป็นคนที่เขียนบทหนังซุปเปอร์ฮีโร่ได้เจ๋งมากๆ เพียงแต่ผู้กำกับที่เอาบทที่เขาเขียนไปตีความเป็นภาพยนตร์นี่ ก็ต้องเก่งและเข้าใจสิ่งที่โกเยอร์ต้องการสื่อออกมาเหมือนกัน และเขาต้องมีหน้าที่เขียนบทอย่างเดียว สังเกตได้จาก Dark Knight Trilogy, Man of Steel ที่หนังออกมายอดเยี่ยม ผิดกับเรื่องอื่นๆที่เขารับหน้าที่อื่นด้วยเช่น Blade 3(director, writer, producers) Ghost Rider 2(writer, producers)
…..
อันนี้ผมเป็นห่วงครับ อีตาโกเยอร์นี่ถ้าไม่ได้ร่วมงานกับโนแลนนี่บทแต่ละเรื่องมันกาก ๆ ชอบกล
นั่นสินะครับ
เรื่องนี้จำเป็นต้องดู imax ที่พารากอนมั้ยครับ
หรือว่า imax ที่อื่นก็ได้เหมือนกัน
IMAX Paragon บัตรแพงแสนแพง แต่คุณภาพก็แตกต่างตามราคาฮะ
ส่วนตัวผมกำลังชั่งใจว่าจะดูปิ่นเกล้าหรือพารากอนดี
“EPIC”เหลือเกิน พ่อเจ้าประคุณรุนช่อง
ข่าวDC Marvelทีไรเป็นงี้ทู๊กที ^^
ไม่รู้เถียงกันเรื่องอะไรหรอกนะ แต่สำหรับผมบอกได้คำเดียวว่าภาคนี้โครตทำให้ผมอยากดู ทั้งที่ผมไม่เคยอยากจะดูซุปเปอร์แมนมาก่อน