บทสัมภาษณ์กาย เพียร์ซ พูดถึงบทกิลเลียน, เอ็กซ์ตรีมมิสต์, รักสามเส้า และการร่วมงานใน Iron Man 3

iron man 3 guy pearce interviewบทสัมภาษณ์ฉบับที่สองของนักแสดงตัวเอกในหนัง Iron Man 3 ที่วอลท์ ดิสนี่ย์ ประเทศไทย ส่งมาให้เราก็คือกาย เพียร์ซ ผู้รับบทเป็นอัลดริค กิลเลียน นักพันธุกรรมศาสตร์ หนึ่งในตัวร้ายสำคัญของหนังครับ และเพียร์ซก็เล่าให้ฟังในบทสัมภาษณ์ตั้งแต่การเตรียมตัวเพื่อรับบทนี้ แรงจุงใจของตัวละคร ความสัมพันธ์กับตัวละครเอกอย่างโทนี่ สตาร์ก เรื่องราวรักสามเส้าในหนัง ไปจนถึงเอ็กซ์ตรีมมิสต์ เทคโนโลยีที่สร้างมนุษย์ให้เป็นสุดยอดมนุษย์อันเป็นองค์ประกอบสำคัญของเรื่องราวครับ

สำหรับนักดูหนังบ้านเราแล้ว ได้เห็นเพียร์ซแสดงมาหลายบทบาทมาก ตั้งแต่พระเอกนักบู๊ บทชีวิตเข้มข้น ไปจนถึงตัวร้ายแสบๆ บทบาทที่แจ้งเกิดให้แก่เขาก็น่าจะเป็นบทตำรวจนักสืบเหลี่ยมจัดในหนัง L.A. Confidential และบทกะเทยตัวล่ำใน The Adventures of Priscilla: Queen of the Desert ส่วนหนังของเขาที่เพิ่งเข้าฉายในบ้านเราเมื่อเร็วๆ นี้ก็ได้แก่ Lockout, The Hurt Locker และ Lawless ครับ

อ่านบทสัมภาษณ์ของเพียร์ซได้ที่ด้านล่างนี้เลยครับ

Q: ช่วยเล่าถึงครั้งแรกที่คุณได้ดู Marvel’s Iron Man หน่อยสิ คุณชื่นชอบอะไรในภาพยนตร์เรื่องนั้นบ้าง

A: ผมได้ดู “Iron Man” ภาคแรกตอนที่มันเข้าฉายในออสเตรเลีย สิ่งที่ผมติดใจคือเคมีระหว่างโรเบิร์ตและกวินเนธ ผมคิดว่าพวกเขาทั้งคู่วิเศษสุด มันเวิร์คมากๆ หนังเรื่องนี้มีลุคแตกต่างจากหนังซูเปอร์ฮีโรหรือหนังที่สร้างจากการ์ตูนเรื่องอื่นๆ และผมก็คิดว่ามันน่าติดตามจริงๆ ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆ ที่ได้ดูหนังทั้งสองภาคและได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของทีมงานหนังเรื่องนี้ครับ

Q: ในตอนแรก คุณคิดยังไงกับโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ในบทโทนี สตาร์ค

A: ผมคิดว่าเขาสวมบทโทนี สตาร์คได้อย่างสมบูรณ์แบบ โรเบิร์ตเป็นทุกอย่างที่คุณต้องการสำหรับพระเอกของเรื่อง เขาไม่ได้มองตัวเองจริงจังเกินไปนัก แต่เขาก็สามารถมองเรื่องราวอย่างจริงจังมากพอในตอนที่จำเป็น เขามีเสน่ห์ ตลก ช่างเสียดสี และก็มีคุณสมบัติบางอย่างที่คาดเดาไม่ได้ คุณก็เลยไม่รู้หรอกครับว่าคุณจะเห็นอะไรบนหน้าจอบ้าง และผมก็คิดว่าเขาได้รักษาสมดุลได้อย่างดีเยี่ยมในการสวมบทโทนี สตาร์คค ตรงที่เขายกย่องตัวละครที่มีตัวตนอยู่แล้ว และเขาก็นำเสนอสิ่งที่เพลิดเพลินบันเทิงใจ เฉลียวฉลาดและเฉียบคมครับ

Q: แม้ว่าโทนี สตาร์คจะเป็นมหาเศรษฐีอัจฉริยะ แต่ผู้ชมก็ยังสามารถเข้าถึงเขาได้ คุณคิดว่านั่นเป็นธีมสำหรับตัวละครมาร์เวลทุกตัวเลยรึเปล่า

A: ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ มันเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติตามปกติของเขา แม้ว่าเขาจะเป็นมหาเศรษฐีและจะใช้ชีวิตอย่างที่เขาใช้ เขาก็ไม่เคยละทิ้งความเชื่อมโยงกับคนธรรมดาคนอื่นๆ เลย ผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ผู้ชมชื่นชอบครับ พวกเขาอาจจะอยากเป็นอย่างโทนี สตาร์ค แต่พวกเขาก็อาจจะรู้ด้วยว่า ถ้าพวกเขาบังเอิญเจอโทนี สตาร์คล่ะก็ เขาก็จะคุยกับพวกเขาครับ

Q: การมีประวัติยาวนานภายในโลกการ์ตูนมีส่วนช่วยคุณในการศึกษาตัวละครของคุณรึเปล่า

A: ตอนที่ผมเริ่มคุยกับคนที่มาร์เวล ผมอยากจะศึกษาประวัติของคิลเลียนซักหน่อย เพื่อดูว่าเขาเกี่ยวข้องกับภาพใหญ่อย่างไร พวกเขาก็เลยส่งข้อมูลให้ผมเป็นตั้งๆ เลย แต่ผมก็พบว่าในหนังทุกเรื่องที่ผมแสดง ผมจะค้นคว้าข้อมูลได้ก็ประมาณหนึ่งเท่านั้น เพราะมันจะมาถึงจุดหนึ่งที่ผมต้องก้าวพ้นจากข้อมูลตรงนั้นเพื่อเข้าสู่โลกของหนัง สำหรับผม ผมก็แค่ต้องการเข้าใจคิลเลียนที่อยู่ในโลกการ์ตูน แล้วปล่อยวางจากมันเพื่อดูว่าเราจะทำอะไรต่อไปครับ
แล้วสำหรับผม มันก็เป็นเรื่องของความพยายามในการค้นหาสิ่งใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์ แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็อยากให้เกียรติแฟนๆ ทุกคนของการ์ตูนมาร์เวล ของ Iron Man รวมถึงคนที่อาจจะเป็นแฟนๆ ของคิลเลียนด้วยครับ

Q: ในเรื่องของแฟนๆ คุณเตรียมพร้อมรึยังว่าโลกของคุณจะเปลี่ยนไปหลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้

A: ผมคิดว่าทุกครั้งที่คุณสร้างหนังซักเรื่อง คุณจะต้องเตรียมตัวนิดๆ ว่าโลกคุณจะเปลี่ยนไปในระดับหนึ่ง ผมเปิดกว้างต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นเสมอ แน่นอนว่าสิ่งที่ยักษ์ใหญ่อย่างมาร์เวลที่โด่งดังมานานหลายสิบปีอาจจะทำให้มันเปลี่ยนแปลงก็ได้ ดังนั้น มันก็อาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งที่ผมพร้อมรับมือก็ได้ แล้วเราจะได้เห็นกันครับ

Q: แรงจูงใจหลักของคิลเลียนในภาพยนตร์เรื่องนี้คืออะไร

A: คิลเลียนเป็นตัวละครที่น่าสนใจเพราะเขาเป็นคนที่เกิดมาพร้อมกับข้อจำกัดทางร่างกายบางอย่าง แต่เขาก็ไม่สามารถยอมรับข้อจำกัดพวกนั้นได้และใช้เวลาแทบทั้งชีวิตในการเอาชนะข้อจำกัดเหล่านั้นได้ในทุกรูปแบบเท่าที่ทำได้ ความดื้อรั้นและความมุ่งมั่นอย่างไม่ลืมหูลืมตาในการดิ้นรนเพื่อชีวิตที่ดีกว่าของเขาถูกหลายคนมองว่าน่ารำคาญเพราะเขามักทำตัวน่ารังเกียจเสมอ เขาไม่ยอมรับสิ่งที่ถูกหยิบยื่นมาให้เขาและด้วยความที่เขาเป็นคนฉลาด เขาก็เลยมีแรงขับอย่างรุนแรงที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็นคนใหม่

ในตอนเริ่มต้น เราได้เห็นเขาในภาพแฟลชแบ็ค เราเห็นเขาที่เป็นคนทะเยอทะยาน น่ารำคาญ เขาฉกฉวยโอกาสที่จะเกาะติดกับคนอย่างโทนี สตาร์ค ดังนั้น คุณก็จะได้เห็นตัวละครที่ทะเยอทะยานสุดๆ ตัวนี้ แล้วหลังจากนั้น คุณก็จะได้เห็นเขาอีกเมื่อเขาเปลี่ยนแปลงไปแล้ว และโทนีและคนอื่นๆ ที่เคยพบเขามาก่อนก็จะสงสัยว่า “มันเกิดขึ้นได้ยังไง? เขาทำได้ยังไง?” แต่เขาก็เป็นตัวละครที่อันตราย เขาอยากจะเป็นผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จ มันเป็นแรงขับภายในตัวเขาและโทนี สตาร์คก็ตระหนักในที่สุดว่าชายผู้นี้สามารถทำอะไรได้บ้างน่ะครับ

Q: มาพูดถึงการร่วมงานกับโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ความสัมพันธ์ในกองถ่ายเป็นยังไงบ้าง

A: ผมไม่เคยรู้สึกเลยว่าตัวเองมีสติปัญญาเทียบเท่ากับโรเบิร์ตไม่ว่าทางไหนก็ตาม ก็เลยต้องขอบคุณบทที่ทำให้ผมมีโอกาสแบบนั้นได้ แต่โรเบิร์ตยอดเยี่ยมมาก เขามีความคิดที่แล่นด้วยความเร็วเป็นพันไมล์ต่อชั่วโมง มันยากนิดๆ เพราะเขาชอบการอิมโพรไวส์ ส่วนผมชอบการรู้บทของตัวเอง ผมก็เลยอึ้งเล็กๆ ในตอนที่มีอะไรใหม่เพิ่มเติมเข้ามา แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ต้องสงสัยเลยครับว่าทุกสิ่งที่เขาคิดขึ้นได้น่าอัศจรรย์ใจมาก คุณไม่สามารถปฏิเสธได้เลยครับว่าถ้ามีไอเดียที่ดีกว่าอยู่ตรงหน้าคุณ คุณก็ต้องทำตามนั้นครับ

ผมเป็นแฟนผลงานเขามาหลายปี ผมก็เลยรู้สึกตื่นเต้นมากๆ ที่ได้ร่วมงานกับเขา ผมพูดเสมอว่าหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดในการเป็นนักแสดงคือการได้ร่วมงานกับนักแสดงที่เก่งกว่า เขามีพรสวรรค์ที่วิเศษสุด แต่เขาก็เป็นคนเอื้อเฟื้อด้วย เขาเอื้อเฟื้อในแบบที่เขาต้องการทำให้แน่ใจว่าสิ่งที่คุณทำอยู่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่คุณสามารถทำได้ และเขาก็ไม่เห็นแก่ตัวเลย เขาไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับเรื่องของตัวเอง เขาทั้งเอื้อเฟื้อและเปิดกว้าง ดังนั้น นี่ก็เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ

Q: พูดถึงรักสามเส้าระหว่างคิลเลียน เป็ปเปอร์และโทนีบ้าง

A: ในตอนที่คิลเลียนเริ่มก่อตั้งองค์กรเอไอเอ็มของเขาไม่ว่าจะกี่ปีมาแล้วก็ตาม เป็ปเปอร์เป็นคนที่เขาจ้างมาทำงานที่นั่น เห็นได้ชัดว่าเขาสนใจเธอตั้งแต่เริ่มแรก เธอเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ เป็นหญิงสาวที่น่ารัก แต่คิลเลียนเป็นคนที่เธอไม่เคยสนใจเลย ในตอนที่เราเจอกับคิลเลียนในช่วงเริ่มต้นเรื่อง ทุกอย่างเกี่ยวกับเขาน่ารังเกียจในระดับหนึ่งและเธอก็ทำตัวห่างเหินจากเขาอยู่เสมอ มาหลายปีให้หลัง เขาได้ไปหาเธอเพื่อหาทุนและนำเธอมามีส่วนเกี่ยวข้องอีกครั้ง เธอแปลกใจกับความมีเสน่ห์และรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาของเขาในตอนนี้ และทัศนคติของเขาก็เปลี่ยนไปด้วย เธอก็เลยสนใจเขา เธอไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองหรือปฏิกิริยาที่เธอมีต่อเขา และแน่นอนว่าเธอกับโทนี สตาร์คมีความสัมพันธ์กัน มันก็เลยก่อให้เกิดรอยร้าวระหว่างทั้งคู่ขึ้นมาครับ

Q: แล้วการร่วมงานกับกวินเนธล่ะ เห็นได้ชัดว่าคุณมีเคมีที่ยอดเยี่ยม

A: เธอเป็นนักแสดงที่วิเศษสุด ผมได้ดูหนังของเธอมาหลายปีแล้วและคิดเสมอว่าเธอเป็นคนที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เธอไม่เหมือนใคร เธอเป็นคนสวย และมีวิธีการแสดงและรูปร่างหน้าตาที่ไม่ธรรมดาเลย เธอเป็นคนพิเศษมากๆ ดังนั้น ผมก็รู้สึกตื่นเต้นมากๆ ที่ได้ร่วมงานกับเธอ เธอเป็นคนฉลาดด้วย ดังนั้น ถ้ามีจังหวะไหนที่ไม่ค่อยเข้าท่า เธอก็จะคิดไอเดียเยี่ยมๆ ขึ้นมได้เสมอ เธอเป็นคนเปิดกว้างมากๆ และเธอก็เคยแสดงบทนี้มาก่อนด้วย สิ่งที่น่าสนใจในการเล่นหนังแบบนี้คือคุณจะได้ร่วมงานกับคนที่เคยสวมบทตัวละครพวกนี้มาก่อน พวกเขาก็เลยคุ้นเคยกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นครับ และพวกเขาก็เปิดกว้างต่อการทำให้คุณรู้สึกสบายใจกับการก้าวเข้าสู่โลกของพวกเขามากๆ ด้วย

Q: แล้วการร่วมงานกับเชน แบล็คล่ะ เขานำอะไรมาสู่แฟรนไชส์เรื่องนี้บ้างiron man adrian poster

A: เชนเป็นคนจริงครับ และเขาก็เป็นคนฉลาดด้วย ผมกับเขามักจะคุยกันบ่อยๆ ซึ่งผมก็มั่นใจว่านักแสดงคนอื่นๆ ก็ทำแบบเดียวกัน ผมมักจะพบว่า บทสนทนาที่คุณเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาต้องการจะถ่ายทอดบางครั้งมันก็พูดไม่ได้ง่ายเท่าไหร่ นักแสดงอีกคนอาจจะไม่ได้มีปัญหาเดียวกัน แต่ผมอาจจะมี ผมก็เลยมักจะมองหาทางที่จะปรับเปลี่ยนบทไดอะล็อคเล็กน้อยเพื่อทำให้มันเวิร์คสำหรับผมและเชนก็คอยช่วยเหลือผมในการคิดหาไอเดียที่แตกต่างออกไป เขาเป็นคนฉลาดครับ เขารู้ว่าจะตั้งกล้องที่ไหน เขามีพลังงานที่ยอดเยี่ยมและเขาก็เป็นคนที่เข้ากับคนง่ายด้วยครับ

Q: คุณได้แสดงซีเควนซ์แอ็กชันเยอะมาก แล้วคุณต้องฝึกฝนฉากสตันท์ยังไงบ้าง

A: ผมไม่ได้ฝึกอะไรมากมายนักครับ เพราะปกติ ผมก็ค่อนข้างฟิตอยู่แล้ว และผมก็ชอบการได้มีอำนาจควบคุมฉากสตันท์ที่ผมต้องแสดง ในซีเควนซ์ต่อสู้ระหว่างโรเบิร์ต [ดาวนีย์ จูเนียร์] และผม เรากระโดดจากแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล มันมีการกระโดดจากแพลทฟอร์มที่สูงกว่าลงไปสู่แพลทฟอร์มที่อยู่ต่ำกว่าหลายครั้ง ซึ่งมันเป็นเรื่องอันตรายครับ แต่เราก็มีผู้เชี่ยวชาญอยู่ใกล้ๆ เพื่อทำให้แน่ใจว่าเราจะไม่ได้รับบาดเจ็บน่ะครับ

Q: คุณตื่นเต้นกับการได้เห็นอะไรในภาพยนตร์ฉบับสมบูรณ์มากที่สุด

A: ผมคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งพวกเอ็กซ์ตรีมมิสต์ทำกับร่างกายมนุษย์ครับ บ่อยครั้งที่ทีมวิชวล เอฟเฟ็กต์จะบอกว่า “ตอนนี้ เราจะเห็นเส้นเลือดโผล่มาตรงคอคุณนะ แล้วเราก็จะได้เห็นตาคุณเปล่งแสงเป็นสีส้ม” พวกเขาก็เลยมีไอเดียที่แตกต่างออกไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นและพวกเขาก็ตื่นเต้นมากๆ กับการผลักดันทุกอย่างให้พัฒนาขึ้นไปและทำในสิ่งที่พวกเขาไม่เคยทำมาก่อน

Q: คุณคิดว่าผู้ชมจะได้สนุกกับภาพยนตร์เรื่องนี้ยังไงบ้าง

A: หวังว่าพวกเขาจะสนุกกับมันมากกว่า “Iron Man” ภาคแรกและภาคสอง แม้ว่าทั้งสองภาคจะน่าตื่นเต้นมากๆ ก็ตาม “Iron Man 3” ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องราวที่สดใหม่ ที่คนสามารถเข้าถึงได้ และไม่ว่าคุณจะสร้างหนังแบบไหน คุณก็ต้องการเรื่องราวที่คนสามารถเข้าถึงได้ในระดับของอารมณ์ คุณต้องการตัวละครที่พวกเขาสามารถเข้าถึงได้ และคุณก็ต้องการจะรู้สึกว่ามันมีความจริงอยู่ระดับหนึ่ง และคุณก็ต้องเพลิดเพลินไปกับมัน ดังนั้น องค์ประกอบทั้งหมดนั้นก็เป็นสิ่งจำเป็น และผมก็คิดว่ามันมีอยู่ในหนังเรื่องนี้ทั้งหมดด้วย

4 comments

  1. ขอนิดนึงครับ ผมข้อง ไอ้คะแนนimdbนี่คือเขาไปดูกันแล้วเหรอครับ ไปดูกันรอบไหนทำไมไปดูกันเยอะจัง รู้สึกคนดูนี่มันเยอะนะครับ เรื่องนี้เข้าที่ประเทศไหนแล้วเหรอครับ

Leave a Reply