ดูคริส เฮมส์เวิร์ธ ซิ่งท้ามฤตยูในตัวอย่างแรกของ Rush จากผู้กำกับรอน เฮาเวิร์ด
Rush เป็นผลงานล่าสุดของผู้กำกับรอน เฮาเวิร์ด จาก Apollo 13 และ A Beautiful Mind ดัดแปลงจากเรื่องจริงของสองนักแข่งรถคู่อริ เจมส์ ฮันต์ และ นิกิ ลอดา ที่แข่งขันกันอยู่ไม่กลัวเจ็บและกลัวตายในการชิงแชมป์โลกปี 1976 ที่เกิดอุบัติเหตุจนไฟลุกท่วมรถ และเกือบทำให้ลอด้าเสียชีวิต แต่หกอาทิตย์ต่อมา ลอด้าลุกออกจากโรงพยาบาลในสภาพที่มีแผลไฟไหม้ทั้งตัว และหูข้างขวาฉีกขาด เพื่อกลับมาแข่งรถอย่างบ้าคลั่งกับฮันต์ต่อ หนังจะได้ปีเตอร์ มอร์แกน จาก Frost/Nixon และ The Queen มาเขียนบทให้ครับ
เฮาเวิร์ดพูดถึงหนังว่า “ลอดากับฮันต์เป็นร็อคสตาร์แห่งสนามแข่งรถ ทั้งสองเป็นมืออาชีพระดับสุดยอดในเกมของตัวเอง ในยุคที่เซ็กซ์เป็นสิ่งปลอดภัย และการแข่งรถเป็นเรื่องอันตราย ไม่มีใครกล้าเดิมพัน ทั้งคู่เป็นผู้ชายที่ซับซ้อนและน่าหลงใหล และเกิดมาเป็นคู่แข่งกัน Rush จะนำเสนอเรื่องราวการแข่งขันกันของทั้งสอง ทั้งในเรื่องส่วนตัวและในสังเวียนความเร็ว“
คริส เฮมส์เวิร์ธ รับบทเป็นฮันต์ และแดเนียล บรูห์ล รับบทเป็นลอดา โดยมีโอลิเวีย ไวลด์ ร่วมรับบมสมทบ หนังจะเข้าฉายในสหรัฐกันยายนนี้ หนังจะมีโอกาสแค่ไหนในเวทีรางวัล เราคงต้องมาดูกันครับ แต่ที่แน่ๆ งานด้านกำกับภาพของหนังดูน่าประทับใจมากๆ ในแง่การสร้างความตื่นเต้นของการแข่งรถได้ระทึกมากครับ
คลิกชมตัวอย่างด้านใน
ที่มา: MSN
วาร์ปบทความนี้:
น่าดู หนังแข่งรถนี่ถ้าทำดีๆจะดูมันส์มาก
ขอร้องว่าไม่ต้อง 3D มานะครับ น้ารอน : )
ตั้งแต่เรื่อง Driven ของสตาร์โลน ผมก็นึกถึงหนังแข่ง F1 เรื่องอื่นไม่ออกเลย
พุดถึง Drivenทีไรนึกถึงฉากนี้ทุกที
หยิบแค่ช่วงชีวิตหนึ่งของทั้งคู่มาทำหนัง ความจริงทั้งคู่ก็ขับเคี่ยวกันแค่ในช่วง 1974-1979 เลาด้าเองเห็นไหม้โหดอย่างงั้นความจริงที่ทำให้เกิดแผลไฟไหม้ หน้าเสียโฉม ปอดเสื่อม หูฉีกขาด มันเกิดจากเทคโนฯ ของหมวกกันน็อคแบบโฟมสมัยก่อน มันร้อนจนหลอมรัดหัวแล้วไหม้ไปทั่ว กลิ่นโฟมไหม้ก็เข้าไปเป็นพิษในปอด …แต่ทางทีมต้นสังกัดเลาด้าก็เลือกโทษไปการขับอย่างระห่ำของฮันท์ …
ดูอย่างงี้เหมือนเลาด้าน่าจะอายุสั้น แต่จริงๆ ทุกวันนี้ก็ยังอยู่ดี ผิดกับฮันท์ที่ตายตอนปี 93 เพราะหัวใจวาย (รู้สึกจะปั่นจักรยานอยู่มั้ง) …อายูแค่ 45 เอง …หลังจากยุคนั้นก็เข้าสู้ยุคไอตัน เซน่าแล้ว …ระห่ำรุ่นสุดท้ายก่อนจะเกิดอุบัติเหตุนำมาซึ่งการยกเครื่องปฏิวัติออกกฎจำกัดรูปทรงและแรงม้ากับความเร็วรถ F1