A Good Day to Die Hard: ความเห็นหลังชม

??????????????????????ถ้าคุณคิดจะไปดูหนังที่อารมณ์แบบหนัง Die Hard อย่างที่ผ่านมา ที่ตัวเอกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ต้องใช้ไหวพริบและความระห่ำในการเอาตัวรอด สถานการณ์ตึงเครียดจนเราอดลุ้นตามไม่ได้ ตัวร้ายเหลี่ยมจัดไม่แพ้จอห์น แม็คเคลน และน่าหมันไส้จนอาจทำให้คุณสะใจเวลาตายอย่างอนาถ A Good Day to Die Hard ไม่อาจทำได้สำเร็จได้ตามภาคเก่าๆ ที่ทำไว้เลย หนำซ้ำอาจเป็นภาคที่แย่ที่สุดเมื่อเทียบกับสี่ภาคที่ผ่านมา แต่ถ้าคุณอยากดูหนังบู๊ทั่วไปที่มีฉากวินาศสันตะโรเอะอะมะเทิ่งอย่างเดียวก็พอใจแล้ว หนังเรื่องนี้น่าจะทำให้คุณชอบได้ในระดับหนึ่งครับ

ในความรู้สึกของผม A Good Day to Die Hard เหมือนเป็นหนังพักร้อนของจอห์น แม็คเลน และใช้โอกาสนี้พยายามรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับลูกชายแบบแมนๆ ที่ตัวละครอย่างแม็คเคลนจะทำ ไม่มีการกอดกันในครอบครัวนี้ แต่มีการจิกกัดกันเล็กน้อยพอขำๆ และเหมือนมองตากันก็เข้าใจกันโดยไม่พูดอะไร และพวกเขาใช้การไปไล่ยิงคนร้าย ทำที่ต่างๆ ให้ระเบิดวอดวาย เป็นกิจกรรมการพักร้อนกระชับความสัมพันธ์ครั้งนี้ หนังเลยไม่มีการลุ้นอะไรเลย เป็นการนั่งชมแบบชิลล์ๆ และดูฉากวอดวายต่างๆ

ไจ คอร์ทนี่ในบทแม็คเลนผู้ลูก ดูมีเสน่ห์ขึ้นจอก็เฉพาะตอนรับส่งบทกับบรูซ วิลลิส แต่พออยู่เดี่ยวๆแล้วดูไม่ขึ้นจอเลยครับ อาจเป็นนักแสดงที่เก่ง แต่ไม่มีความเป็นดาราแบบที่บรูซ วิลลิส เป็น

นักแสดงอย่างบรูซ วิลลิส ก็เป็นนักแสดงที่หายากคนหนึ่ง ให้ความรู้สึกแบบเดียวกับจอร์จ คลูนี่ย์ ครับ สามารถเล่นหนังที่อาศัยพลังดาราก็ได้ ดูมีบารมีขึ้นจอ ขณะเดียวกันก็เล่นหนังที่เน้นบทบาทการแสดงแล้วลดพลังของความเป็นดาราลงไปให้เราสนใจแต่การสวมบทบาทตัวละครของเขาอย่างเดียวก็ได้ เล่นได้ทั้งหนังตลาดและหนังขายการแสดงครับ

คำวิจารณ์จากนักวิจารณ์ส่วนใหญ่ในอเมริกก็เป็นลบครับ หนังมีนักวิจารณ์ชอบเพียง 15% คะแนนเฉลี่ยที่ 4/10 จาก 190 บทวิจารณ์ที่ Rotten Tomatoes รวบรวมมา ซึ่งผมคิดว่าเป็นคะแนนเฉลี่ยที่เหมาะสมครับ

คิดยังไงกับหนังเรื่องนี้กันบ้างครับ

5 comments

  1. เอามันส์เท่านั้น….และช่วงจบก็ไม่สมบรูณ์เอาซะเลย ที่ผมคิดถ้ามี เมียเก่ากลับมารับ ลูกชายกับสามี พร้อมกับน้องสาว มันจะเป็นอะไรที่ซึ้งมากๆเลยครับ… แต่อย่างว่าล่ะ หนังมันดูเอามันส์เท่านั้น จบข่าว….รอชมภาคที่ 6

  2. จำได้ว่าตอนดู Die Hard ภาคแรกช่างเป็นหนังactionที่สนุกลุ้นระทึกและสะใจที่สุดที่เคยดูมาทั้งพระเอกผู้ร้ายมีสีสันมาก….และเมื่อมีภาคต่อๆมาความสนุกก็ลดทอนลงมาเรื่อยๆ..รวมทั้งสถานการณ์ก็ขยายออกไปไกลจากตึกเป็นสนามบินในภาคสอง หลังจากนั้นก็เป็นในเมืองต่างๆ..ซึ่งไม่ทำให้ลุ้นอะไรได้อีกและน่าจะถึงคราวปลดระวางJohn McClaneและหนังภาคต่อเรื่องนี้ได้แล้ว..และคิดว่าคนดูคงไม่เสียดายกับตำนานหนังเรื่องนี้อีกแล้ว
    ปล. ภาคแรกดูVideo Tape, VCD, DVD และBD รวม 15 ครั้ง ภาค 2 ดูVideo Tape, VCD, DVD และBD รวม 5 ครั้ง ภาค 3 ดูในโรงและVideo TapeและDVD รวม 3 ครั้ง ภาค 4 ดูในโรง 1 ครั้ง และภาคล่าสุดดูแบบหลับๆตื่นๆเดินออกจากโรงมาอย่างเสียดายเงิน

  3. มันไม่ใช่ Die Hard ตั้งแต่ภาค 3 แล้ว มันคือหนังแอ็คชั่นที่มี บรูซ วิลลิส เล่นเท่านั้นเอง ผมว่าเสน่ห์อย่างภาคแรกและหรือภาค 2 กับผู้ร้าย มันไม่มีแล้ว วิลลิสไม่ได้ใส่เสื้อกล้ามสีขาวก็ไม่ใช่ Die Hard นะผมว่า ยิ่งภาคนี้ผู้ร้ายโดนยิงง่ายมากแต่ละคน ลูกของแม็คเคลนดูยังไงก็ไม่มีเสน่ห์ และที่สำคัญจำได้เลยนะว่า วิลลิสเล่นเป็นแม็คเคลน จะมีสำเนียงการพูดแบบตำรวจชิคาโก้ (ถ้าจำไม่ผิด) รู้สึกสไตล์แกในหนังตอนหลัง ๆ ไม่มีแล้ว สร้าอีกก็ดู แต่ไม่ประทับใจและไม่คิดจะดูซ้ำ

    • เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
      ไปดู Olympus has fallen มา ยังรู้สึกว่ามีความเป็น Die Hard มากกว่า Die Hard ภาคหลังๆ นี่ซะอีก
      เสียดายตัวละคร John McClane มากๆ

Leave a Reply