MV เพลง “อังศุมาลิน” ประกอบหนัง “คู่กรรม”

hideko khu kum mvผมไม่คิดว่าจะเอ็มวีประกอบภาพยนตร์ไทยเรื่องไหนที่คนตั้งตารอคอยเท่านี้แล้วแหละครับ นอกจากเป็นการเปิดตัวมิวสิควิดีโอแล้วยังเป็นการเปิดตัวเพลง “อังศุมาลิน” ซึ่งเป็นเพลงฉบับเนื้อร้องภาษาไทยของ “ฮิเดโกะ” ที่ใช้ประกอบในตัวอย่างหนังที่ไพเราะมากๆ แล้ว เพลงนี้ยังได้นักแสดงขวัญใจประชาชนอย่างณเดชน์ คูกิมิยะ ที่มีผู้ชื่นชอบและติดตามผลงานอีกมากมาย มาขับร้องให้อีก และไหนจะยังการประชาสัมพันธ์แบบรุกหนักผ่านสื่อหลายแขนงพร้อมๆกันว่าหลัง 4 ทุ่มของวันนี้ เราจะได้ชมมิวสิควิดีโอตัวนี้ทางทีวี (ในแบบสั้น) และทางเฟซบุคของค่ายหนัง M39 (ในแบบเต็มๆ) ยิ่งทำให้ผู้คนอยากมีส่วนร่วมและรอชมอย่างมากครับ

เส้นทางของเพลง “อังศุมาลิน” นี้ก็มีความน่าสนใจอยู่ทีเดียวครับ มันเริ่มจากเป็นเพลงที่ถูกแต่งมาสั้นๆ เพื่อใช้ประกอบตัวอย่างภาพยนตร์ โดยคุณวิชญ์ วัฒนศัพท์ (โหน่ง ทีโบน) แห่งค่ายค่ายหัวลำโพง ริดึม เป็นผู้ปนะพันธ์คำร้องและดนตรี และให้ Yusuke Namikawa ขับร้อง แต่เพลงไพเราะมากจนผู้คนเรียกร้องให้ทางเอ็ม39 ทำฉบับเต็มออกมา จนเกิดเป็นเพลงเต็มชื่อว่า “ฮิเดโกะ” และตอนนี้เพลงก็ถูกแปลงเป็นเนื้อภาษาไทย ผมคิดว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเพลงนี้คงจะดีใจและภูมิใจอย่างมากที่เพลงเพลงนี้ได้เติบโตมาขนาดนี้ครับ

ผมยังไม่แน่ใจว่าเพลง “อังศุมาลิน” จะเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ด้วยรึเปล่า หรือใช้สำหรับการประชาสัมพันธ์หนังอย่างเดียว เหมือนในจุดประสงค์แรกของเพลงที่ถูกแต่งขึ้นมาเพื่อประกอบตัวอย่างหนังครับ เพราะเอ็ม39 เองก็เคยประกาศว่าได้ให้คุณบอย โกสิยพงษ์ มาทำเพลงประกอบภาพยนตร์ให้ด้วย ในภาพยนตร์ “คู่กรรม” อาจจะยังมีอีกเพลงหนึ่งรึเปล่า กำลังรอข้อมูลอยู่ครับ

คู่กรรม” กำกับโดยโดยกิตติกร เลียวศิริกุล เข้าฉาย 4 เมษายนนี้ เชิญรับชมและรับฟังมิวสิควิดีโอได้ที่ด้านในครับ

11 comments

    • ก็มันเรื่องเดียวกันนิครับ… T T”
      แต่ผมว่าเรื่องนี้น่าสนใจกว่าละครเยอะ ความรู้สึกผมเหมือนตอนดูโนแลนกำกับ batman เลย คือผมว่าคุณเรียวแกทำหนังวัยรุ่นหนุ่มสาวได้ดี แต่เดี๋ยวไปดูก่อนดีกว่าก่อนจะอวยมากไปกว่านี้

  1. ความเห็นส่วนตัวต่างจากข้างบนอย่างมาก
    ถ้าไม่นับตัวหนังจริง ที่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง
    หนังเรื่องนี้มาพร้อมด้วยองค์ประกอบที่ถึงอย่างที่สุด
    (จากตัวอย่างและสื่อต่างๆ ที่ปล่อยออกมา)
    มู้ด&โทน ของหนัง ที่เป็นโรแมนติค และเมโลดรามา เหมือนว่าจะห่างหายจากหนังไทยไปนานมากแล้ว
    งานโปรดัคชันที่ดูงาม งานภาพที่ดูดี
    พลังดาราระดับซุปเปอร์สตาร์แห่งยุค ทั้งแสดง แล้วร้องเพลงได้(ณเดชน์)
    เพลงประกอบที่เพราะใช้ได้(และมีบางเมโลดี กับเครื่องดนตรีที่เข้าท่าอย่างมาก)
    การงางแผนการโปรโมทที่คิดมาอย่างดี ปล่อยน้อย แต่จังหวะดีจริงๆ
    .
    มองในแง่ภาพรวม
    พี่มาก.. ที่ฉายก่อน มีองค์ประกอบที่จับได้กว้างกว่าก็จริง(และเชื่อว่าฝีมือโต้ง บรรจง จะเป็นหนังดี)
    แต่สิ่งที่ได้ปล่อยออกมา เรื่องนี้ดูมีเสน่ห์กว่าจริงๆ

  2. องค์ประกอบโดยรวมถือว่าเนียนสมจริง แต่หนังมันเกี่ยวกับสงคราม ไม่ควรเป็นแค่ฉากหลัง ควรเน้นการเมืองระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในสมัยนั้นให้คนรุ่นใหม่ได้รับรู้ด้วยก็ดีครับ แต่ไม่ต้องถึงขนาดยัดเยียดความเกลียดชังอย่างแรงใส่ในหนัง เหมือนที่รัฐบาลจีนกำลังคุกคามสื่ออยู่ในขณะนี้ อีกส่วนหนึ่งที่ค้านกับความรู้สึกอย่างแรง ก็คือบทของอังศุมาลิน ดูยังงัยก็ไม่ค่อยอินเท่าไหร่ เพราะหน้าตาออกไปทางลูกครึ่ง แต่คงต้องดูบทบาทการแสดงอีกทีครับ !

  3. ไม่ขอพูดถึงตัวหนัง รอดูทีเดียวถึงวิจารณ์ได้ …

    .

    จากตัวเพลง .. ทำนองจากฉบับญี่ปุ่น แต่ใส่วงบรรเลงเข้าไป ทำให้ดูยิ่งใหญ่มากขึ้น ถือว่ากระตุ้นอารมณ์ได้ดี

    แต่ ผมว่า คำไทย มันยังดูไม่ลงตัว (หรืออาจเพราะติดหูจากฉบับภาษาญี่ปุ่นไปแล้วก็เป็นได้)
    ฟังแล้วเลยเหมือนคำไทยยัง “ไม่สลวย” ลงตัวไปกับทำนองเพลงนัก
    เหมือนคำไทยมันทำให้ต้องร้องรอจังหวะเพลง ไม่สมูท ลื่นหู ไปทีเดียว

    แต่ณเดชน์ร้องนำได้ดีจริงๆ โน๊ตอารมณ์เพลง และการแสดงสีหน้า สมบูรณ์มาก

    .

    นอกเรื่องนิด ถ้าให้เทียบกับพี่มากฯ .. ฟีลผมอยากดูเรื่องแรกมากกว่า ถ้าเลือกได้แค่เรื่องเดียว

    แต่ก็นั่นล่ะ ผมไม่ได้อยู่ในห้วงอินกับความรัก หรือ มองในมุมแบบสาวๆ ที่คู่กรรม Ver.หนัง น่าจะตอบโจทย์คนในห้วงอารมณ์นี้ได้มากกว่า

    ส่วนสเน่ห์ ความน่าสนใจ .. ผมว่ามีพอๆกัน อยู่ที่เรื่องไหนเร้าอารมณ์คุณได้มากกว่ากัน

  4. มีใครสังเกตเหมือนผมมั้ยครับ
    ว่าการออกแบบฟอนท์ชื่อของหนังเวอร์ชั่นนี้
    คล้ายตัวอักษรเบรลล์ โดยเฉพาะคำว่า “คู่”
    มันมีนัยยะอะไรหรือเปล่า มันทำให้ผมนึกไปถึงบทสรุปของหนังเกาหลีเรื่องนึง
    นั่นคือ The Classic ครับ หรือหนังจะอิงแนวทางนั้น
    (เอ หรือผมคิดมากไป 55555+)

    • ในทีเซอร์ มีฟ้อนท์อีกแบบ(ซึ่งผมชอบมากกว่านะ)
      แต่แบบล่าสุด น่าจะทำให้ดูทันสมัยขึ้น และเป็นญี่ปุ่นหน่อย
      ส่วนบทสรุปอย่างที่คุณคาดเดา เราว่า ถ้าให้จบแบบนั้นจริง
      คนด่าทั้งเมือง

  5. เฮ้ยผมว่าน่าจะถอดชุด ทหารออกก่อน แล้วค่อยมาร้องเพลง เท่ๆ แบบนี้ ไม่รู้ซิ ผมคิดว่ามันจะทำให้ ไม่อินกับตัวหนัง นะ

Leave a Reply