หลังจากผู้กำกับศักดิ์ชาย ดีนาน ทำหนังรักไทย-ลาว มาหลายเรื่อง ซึ่งเรื่องที่น่าจะเป็นที่รู้จักในหมู่นักดูหนังของบ้านเรามากที่สุด น่าจะเป็นหนังเมื่อสี่ปีก่อนเรื่อง “สะบายดีหลวงพระบาง” ที่ร่วมกำกับกับอนุสอน สิริศักดา ผลงานเรื่องใหม่ของผู้กำกับศักดิ์ชายชื่อ “ผ้าพันคอแดง” ที่จะออกฉาย 5 ธันวาคม 2555 นี้ (เฉพาะที่โรงภาพยนตร์เครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์และที่เอสพลานาดซีนีเพล็กซ์) ยังคงเป็นหนังรัก แต่ตั้งอยู่ในโทนของหนังสยองขวัญแทนครับ ไม่ใช่ตลกโรแมนติกขายความงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมเหมือนเดิม
หนังมีฉากเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ทางเหนือของแขวนเวียงจันเมื่อสามสิบปีก่อน เกี่ยวกับหมอสมุนไพรชื่อสิท (อนุสอน วงคำมนตรี) ที่แม่ป่วยเป็นอัมพาต สิทเดินทางไปอบรมวิชาแพทย์ที่แขวงเพื่อจะหาทางรักษาแม่ให้หาย ก่อนไป ภรรยาอันเป็นที่รัก (คำลี่ พิลาวง) ได้ถักผ้าพันคอสีแดงให้ หลังจากสิทกลับมาที่หมู่บ้านก็เกิดเรื่องราวแปลกๆ ขึ้นว่ามีคนพบรถตกภูเขา แต่หาศพไม่เจอ และไหนจะยังข่าวลือว่ามีผีหัวขาดอยู่ในละแวกบ้านของเขา
ขณะเดียวกัน สิทเริ่มพบว่าร่างกายของตัวเองมีบางอย่างผิดปกติ แผลที่คอเริ่มน่ากลัวจนต้องพันผ้าไว้อยู่ตลอด และภรรยาของเขาก็เริ่มพบสิ่งผิดปกติที่อยู่ใต้ผ้าพันคอสีแดงของสิท
โทนและบรรยากาศจากตัวอย่างหนัง “ผ้าพันคอแดง” ของศักดิ์ชาย ให้อารมณ์คล้ายหนังสยองขวัญเมื่อ 30-40 ปีก่อนของบ้านเราครับ สมัยที่ชนบทยังไม่เจริญ และมีเรื่องราวตำนานสยองขวัญต่างๆ แต่ที่ซ่อนอยู่ในความสยองขวัญนั้นเป็นเรื่องราวความรักที่มีพลังมากๆ จนกลายเป็นบ่วงให้วิญญาณของคนตายยังไม่ยอมหลุดออกจากร่างไปไหน จากที่มาที่ผู้กำกับศักดิ์ชายพูดถึงหนังก็ดูจะเป็นเช่นนั้นครับ
สี่ปีก่อน เพื่อนชื่อวิชัย เหล่ารพีพรทอง ส่งพล็อตเรื่องผ้าพันคอแดง มาให้ เป็นเรื่องหมอยาหนุ่มที่รักษาแม่ที่ป่วยเป็นอัมพาต แต่การเดินทางไปในเมืองเพื่ออบรมวิชาแพทย์ กลับทำให้เขาเจอกับอุบัติเหตุร้ายแรง และเขาก็กลับมารักษาแม่เพราะแรงกตัญญู แม้ว่าแผลที่คอของเขากำลังจะทำให้หัวค่อยๆหลุดออกไป
หลังจากอ่านจบ ผมคิดหารายละเอียดที่จะเล่าถึงเรื่องคนที่มีห่วงบางอย่างอยู่ แต่ยังนึกอะไรไม่ค่อยออก จึงวางพล็อตนี้ไว้ก่อน จนกระทั่งวันหนึ่ง มีโทรศัพท์มาบอกข่าวการตายของเพื่อนที่ผมสนิทที่สุด เขาตายในคืนก่อนที่จะถึงวันเกิดครบรอบสี่สิบปี ตายด้วยสาเหตุบ้าๆเพราะเผลอหลับในรถขณะสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้ ทำให้ไม่มีอากาศหายใจ
ตอนที่ไปรับศพเพื่อน ผมเศร้ามากกับการที่เคยรับรู้หลายเรื่องมาก่อน เขายังมีสิ่งที่อยากจะทำ เขามีครอบครัวที่จะดูแล มีหลายอย่างที่เขาบอกไว้ว่าสักวันจะเริ่มต้น แต่นี่เขาจากไปโดยไม่ได้เตรียมตัวหรือคาดการมาก่อน ความตายมันพาเขาไปจากเรื่องเหล่านั้นอย่างฉับพลันทันที
หลังจากรดน้ำศพ ผมนึกถึงคำพูดของคนๆหนึ่งที่ออกทีวี “เราใช้ชีวิตโดยคิดว่า เราจะอยู่ในโลกอีกยาวนาน เราจึงหมกอยู่กับงาน อยู่กับความสนุกในโลกของเราเอง จนมักจะคิดว่าเดี๋ยวค่อยทำเรื่องบางเรื่องก็ได้ รอสักหน่อยค่อยทำก็ได้ แต่ถ้ามีคนมาบอกเราว่า เราจะมีชีวิตอยู่อีกแค่หนึ่งสัปดาห์หรือหนึ่งเดือน เราจะยกเลิกสิ่งต่างๆที่มันรายล้อมรอบตัว เราจะกลับไปหาครอบครัว ไปหาคนที่เรารัก แล้วใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขาให้มากที่สุด” มันทำให้ผมรีบขับรถจากกรุงเทพไปบ้านที่สุรินทร์ เพื่อไปหาแม่
ผมเริ่มเขียนบทเรื่อง ผ้าพันคอแดง เล่าถึงชะตากรรมของคน เพื่อเป็นสิ่งที่เตือนใจให้เราคิดถึงช่วงเวลาที่ว่า ก่อนจะไปถึงความตายนั้น เราควรทำอะไรบ้าง
ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับภาพยนตร์ลาว
ภาพยนตร์ภาษาลาว ในยุคแรกประมาณปี ค.ศ. 1950 -1975 (พ.ศ. 2493-2518)
ภาพยนตร์ลาวส่วนใหญ่เป็นหนังสารคดีที่ทำขึ้นเพื่อโน้มน้าวประชาชนให้รักชาติ ภายใต้การอำนวยการสร้างของรัฐบาลและกลุ่มแนวลาวรักชาติ (Lao Patriotic Front) อาทิเช่นภาพยนตร์เรื่อง Gathering in the Zone of Two Provinces ถือเป็นภาพยนตร์ที่เก่าแก่ที่สุด ไม่ปรากฏปีที่สร้าง สร้างโดยคนทำภาพยนตร์เวียดนาม ,20 ปีแห่งการปฏิวัติ (1965) , ไซซะนะละดูแล้ง (ชัยชนะฤดูแล้ง – 1970) และ แดนแห่งอิดสะระ (1970)
ต่อมารัฐบาลลาวเริ่มทำหนังบ้างและมีจุดประสงค์เพื่อปลูกฝังให้คนรักชาติเช่นเดิม เช่น เพื่อนฮัก เพื่อนแค้น และ แผ่นดินของเฮา (ทั้ง 2 เรื่องไม่ปรากฏปีที่ฉาย) มีการเผยแพร่ด้วยวิธีเร่ฉายตามชานเมืองเพื่อให้เข้าถึงคนหมู่มาก
หลังจากช่วง ค.ศ. 1975 (พ.ศ.2518) หลังการปลดปล่อยประเทศ วงการหนังลาวเข้าสู่ภาวะซบเซา แต่อย่างไรก็ตามกระทรวงวัฒนธรรมได้ตั้งศูนย์สำเนาฟิล์มขึ้นเพื่อรักษาฟิล์มหนังและผลิตสารคดีเผยแพร่ทางโทรทัศน์ในวาระสำคัญต่างๆ มากกว่าการปลุกระดมดังแต่ก่อน เช่น บันทึกการประชุมนานาชาติ ,บันทึกเหตุการณ์น้ำท่วม, บันทึกการสร้างเมืองใหม่ เป็นต้น
ต่อมาปี 1983 รัฐบาลลาวและเวียดนามร่วมกันสร้างภาพยนตร์เล่าเรื่องเรื่องแรก คือ เสียงปืนจากทุ่งไห่ กำกับโดย สมจิต พนเสนาและ พัน กี นัม ผู้กำกับชาวเวียดนาม เป็นภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับกองกำลังทหารยุคคอมมิวนิสต์ แต่ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีนัก ต่อมารัฐบาลลาวสร้างหนังเรื่อง บัวแดง ในปี 1988 เป็นเรื่องราวรันทดของครอบครัวที่ถูกพรากจากกันโดยสงครามกลางเมือง เป็นเรื่องที่มีฉากหลังอยู่ในปี 1972 ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี และมีหนังจากทุนเวียดนาม ทีมงานเวียดนาม เรื่อง ขรัวพญาช้าง เล่าเรื่องคนลาวต่อสู้กับอเมริกา ออกฉายในปี 2004 เป็นการฉายโชร์ตามงานต่างๆเท่านั้น
หลังเปิดประเทศปี ค.ศ.1992 (พ.ศ. 2535) มีการนำหนังต่างประเทศไปฉายตามโรง แต่ยังไม่มีใครผลิตออกมา เป็นเวลาสิบกว่าปีจึงเริ่มต้นด้วยหนังเรื่องแรก
1. สะบายดีหลวงพะบาง – 2008
นำแสดงโดย อนันดา เอเวอริ่งแฮม ,คำลี่ พิลาวง (กำกับโดย ศักดิ์ชาย ดีนาน,อนุสอน สิริสักดา)
2. ขอเพียงรัก – 2010
(กำกับโดย อนุสอน สิริสักดา)
3.ไม่มีคำตอบจากปากเซ – 2010
นำแสดงโดย เร แม็คโดแนล,คำลี่ พิลาวง (กำกับโดย ศักดิ์ชาย ดีนาน)
4.สะบายดีวันวิวาห์ – 2011
นำแสดงโดย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์,คำลี่ พิลาวง (กำกับโดย ศักดิ์ชาย ดีนาน)
5.บุญทัน คนดีที่เขาลืม – 2011
(กำกับโดย ศักดิ์ชาย ดีนาน)
6. คิดถึงทุกคืน – 2012
นำแสดงโดย ปวริศร์ มงคลพิสิฐ,ศิรชัช เจียรถาวร,จอมขวัญ กุลทำเสน, นุถา ราชวงศ์ลาว,ขวัญนคร สุริยะบับพา (กำกับโดย ศักดิ์ชาย ดีนาน)
7..ปลายทาง – 2012
(กำกับโดย อนิสัย แก้วลา)
8.ฮักอ่ำล่ำ – 2012
(กำกับโดย ภานุมาศ ดีสัตถา)
9.ผ้าพันคอแดง – 2012
นำแสดงโดย คำลี่ พิลาวง (กำกับโดย ศักดิ์ชาย ดีนาน)
หมายเหตุ
-ภาพยนตร์เรื่องสะบายดีหลวงพะบาง,ไม่มีคำตอบจากปากเซ,สะบายดีวันวิวาห์ ทั้งสามเรื่องเผยแพร่ออกมาเป็นฟิล์มในการฉาย (นอกนั้นเป็นหนังที่ฉายระบบดิจิตอล) และการที่มีนักแสดงนำชายเป็นคนไทยและพูดภาษาไทย ผู้ผลิตและผู้กำกับเป็นคนไทย จึงมักถูกเรียกว่าเป็นหนังไทย-ลาว
-ระบบการถ่ายทำและการฉายระบบดิจิตอล ทำให้เกิดหนังยุคใหม่ง่ายขึ้น ทั้งเรื่องต้นทุนและกระบวนการผลิต ในปี 2012 มีหนังที่กำลังถ่ายทำและตัดต่อ อีก 3 เรื่องคือ บิ๊กฮาร์ท, จันทะลี, ปึดจ้ำปิด
–ผ้าพันคอแดง เป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในลาว เรื่องที่ 6 ที่ศักดิ์ชายกำกับ คำลี่ พิลาวง แสดงหนังที่ลาวเป็นเรื่องที่ 4
-ปัจจุบันมีโรงภาพยนตร์อยู่สามเมือง เวียงจัน, สะหวันนะเขต ,ปากเซ หนังโดยส่วนใหญ่นำก็อปปี้ฟิล์มจากไทยเข้าไปฉาย ทั้งหนังไทย และหนังต่างประเทศที่พากย์ไทย
ขอบคุณข้อมูลเบื้องต้นและเกร็ดเกี่ยวกับภาพยนตร์ลาวจาก SIXNATURE PR GROUP
น่าดูครับ ผมชอบคำลี่ มากเป็นพิเศษ แล้วก็ชอบลาวมาก ๆ ด้วยครับ
รูปสุดท้ายนี่ เล่มละบาทใช่เปล่า
ผมว่าพล็อตแปลก และน่าสนใจเป็นอย่างมากครับ !
รู้สึก ว่าคำลี่ กับ ผู้กำกับ ศักดิ์ชาย เป็นผู้กำกับกับ นักแสดงคู่บุญไปซะแล้ว และหนังก็น่าดูซะด้วย พล็อตแปลกดี ได้บรรยากาศ น่ากลัว หลอนๆ มาก หลอนสุดๆ ก็ผีหัวขาดนั่งห่มผ้าให้เมียนี่แหละ…
รูปสุดท้าน เห็นแล้วนึกถึงการ์ตูนสมัยก่อนเลย
นึกถึงเรื่อง ฟอร์มาลีนแมน ขึ้นมาทันที พล็อตใกล้เคียงกัน
เหมือนเคยดูหนังจีน สมัยเด็กๆ คล้ายมิติพิศวงของฝรั่ง แต่เป็นของจีน ฉายเป็นตอนๆ จำได้ว่า เนื้อเรื่องประมาณนี้เลย ช่องสามเคยเอามาฉาย นานแล้ว
เป็นหนังที่ตั้งใจไปดูตอนแรกไปเมเจอร์รามเค้าว่าไม่มี..เลยกลับมาที่เมเจอร์บางกะปิอีกถึงได้ดูและต้องคอยเกื่อบสองชั่วโมง…..เดินเรื่องง่ายๆ..แต่ก็ชอบโอเคล่ะ…แต่ถามใครก็ไม่รู้จักมีคนไปนั่งดูเป็นเพื่อนแค่สองคนเองทั้งโลง….เอ้ย..โรง..เอิก..