ตัวอย่างหนังอนิเมชั่น “ยักษ์” จากประภาส ชลศรานนท์

หลังจากเปิดตัวด้วยตัวอย่างยั่วน้ำลายสั้นๆ ให้เรารู้ว่ากำลังจะมีหนังอนิเมชั่นจากคอมพิวเตอร์กราฟฟิกฝีมือคนไทยเรื่อง “ยักษ์” และพาไปฟังเพลงประกอบหนังเพราะๆ ตัวอย่างอย่างเป็นทางการก็เผยโฉมออกมาเมื่อวานนี้ครับ

ยักษ์” เป็นผลงานกำกับและสร้างสรรค์โดยประภาส ชลศรานนท์ ผู้ซึ่งมีผลงานเป็นที่รู้จักจากงานเพลง งานหนังสือ และการเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งใครที่ติดตามงานของคุณประภาสมาตลอดมักพอเดาแนวทางได้บ้างว่าจะต้องเป็นเรื่องราวที่ดูแล้วอารมณ์ดี มีมุขตลกแบบสะอาด แฝงปรัชญาหรือข้อคิด มักเล่าเรื่องโดยเปรียบเทียบกับสิ่งที่อยู่รายรอบตัวเรา และบางครั้งก็สอดแทรกเรื่องราวไทยๆลงไป แล้วดูเหมือนว่า “ยักษ์” จะมีสิ่งเหล่านี้อยู่ครบจากที่เราเห็นได้ในตัวอย่างหนังครับ

เนื้อเรื่องที่ตัวอย่างหนังเผยออกมาดูน่าสนใจดี เป็นการหยิบตำนานรามเกียรติ์เอามาตีความใหม่ ที่ยักษ์กับลิงถูกกำหนดให้มารบและเป็นศัตรูกันทุกชาติไป แต่ในชาติใหม่ที่เกิดเป็นหุ่นยนต์นี้ หุ่นยนต์ทศกัณฐ์กับหุ่นยนต์หนุมานที่มีโซ่ตรวนอาคมผูกติดกันเกิดจำความไม่ได้ มีนามใหม่เรียกตัวเองว่า “น้าเขียว”(สันติสุข พรหมศิริ) และ “เจ้าเผือก” (เกียรติศักดิ์ อุดมนาค) ซึ่งแรกๆก็เหมือนจะไม่กินเส้นกัน แต่เพราะต้องผจญภัยไปด้วยกันก็เลยเกิดสนิทกันจนกลายเป็นเพื่อนรัก ปมความขัดแย้งบังเกิดเมื่อพวกมันดันจำความได้ว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน มิตรภาพที่เกิดขึ้นใหม่จะเอาชนะชะตาที่ลิขิตมาได้ไหม เราคงต้องไปรอดูกันในโรงครับ

แต่แม้ว่าเนื้อเรื่องจะน่าสนใจ แต่ผมพบว่าการตัดต่อตัวอย่างหนังยังไม่คมพอ ดูเร่งเกินไปบ้าง ดูเหมือนพยายามจะขายหลายอย่างไปพร้อมๆกันจนไม่มีอะไรเด่นออกมาสักอย่างบ้าง แต่อย่างที่บอกครับว่าเนื้อเรื่องน่าสนใจ จึงน่าจะเป็นหนังที่ควรให้โอกาสเรื่องหนึ่งเลย

ยักษ์” ยังมีด.ญ.ชนินาภ ศิริสวัสดิ์, บริบูรณ์ จันทร์เรือง, ปวันรัตน์ นาคสุริยะ, แจ๊ป เดอะริชแมนทอย และอุดม แต้พานิช ร่วมให้เสียงตัวละครครับ จะออกฉาย 4 ตุลาคมนี้ คลิกชมตัวอย่างด้านใน

เรื่องย่อทางการ

หลังสงครามอันยิ่งใหญ่ระหว่างหุ่นกระป๋องฝ่ายราม กับ หุ่นยักษ์ ฝ่ายทศกัณฐ์จบลงแบบล้างเผ่าพันธุ์ปล่อยทิ้งให้สนามรบกลายเป็นเพียงสุสานซากเศษโลหะและเป็นขุมทรัพย์ให้กับบรรดาหุ่นค้าของเก่า และแล้วเรื่องราวมิตรภาพและการเดินทางผจญภัยของเจ้าหุ่นยนต์ 2 ตัวที่ดูๆ ไปแล้วไม่มีสิ่งใดที่จะเหมือนกันสักนิดเดียวก็ได้เริ่มต้นขึ้นในอีกหลายล้านวันต่อมา

เจ้าหุ่นตัวหนึ่งใหญ่ยักษ์สมร่างชื่อ “น้าเขียว” บ่งบอกตามลักษณะสีอันเป็นเอกลักษณ์ ดูน่าเกรงขาม กับ “เจ้าเผือก” หุ่นกระป๋องมินิตัวเล็กประเมินจากสภาพจากพวกค้าหุ่นยนต์เก่าบอกได้คำเดียวว่าไร้ราคา แต่กลับกลายเป็นว่าเจ้าหุ่น2ตัวต่างตื่นขึ้นมาจากการถูกขุดขึ้นพร้อมกับสภาวะหน่วยความจำเสื่อม ไม่จำอดีตไม่รู้อนาคต แถมยังมีโซ่พิเศษที่ตัดเท่าไหร่ก็ตัดไม่ขาดผูกล่ามติดกัน

หนำซ้ำงานนี้พอทั้งคู่ตื่นขึ้นมาก็อาละวาดซะจนเมืองขายของเก่ากระเจิดกระเจิงราบเป็นหน้ากลอง ทำให้ทั้งคู่ต้องหนีและกลายเป็นร่วมผจญภัยไปด้วยกันอย่างไม่มีทางเลือก ทีแรกดูเผินๆต่างฝ่ายต่างเป็นส่วนเกินของกันและกัน แต่ตลอดการเดินทางกลับมีเรื่องราวหลากหลายเกิดขึ้นทำให้ทั้งคู่กลายเป็นฮีโร่โดยไม่รู้ตัว สร้างความผูกผันให้กับทั้งน้าเขียวและเจ้าเผือกก่อเกิดเป็นมิตรภาพที่ทำให้ส่วนเกินกลายแปรเปลี่ยนเป็นส่วนเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปของทั้งคู่ และจนวันหนึ่งที่พวกเขาพร้อมจะเป็นเพื่อนสนิทด้วยความเต็มใจ กลับเป็นวันที่ต้องรู้ว่า… แท้จริงแล้วตัวตนของพวกเขาคือใคร หน้าที่และภารกิจที่ได้รับมอบหมายจะต้องดำเนินต่อไป ทำให้ต้องเลือกระหว่าง มิตรภาพกับหน้าที่ สิ่งใดสำคัญกว่ากัน

16 comments

  1. “แต่แม้ว่าเนื้อเรื่องจะน่าสนใจ แต่ผมพบว่าการตัดต่อตัวอย่างหนังยังไม่คมพอ ดูเร่งเกินไปบ้าง ดูเหมือนพยายามจะขายหลายอย่างไปพร้อมๆกันจนไม่มีอะไรเด่นออกมาสักอย่างบ้าง แต่อย่างที่บอกครับว่าเนื้อเรื่องน่าสนใจ จึงน่าจะเป็นหนังที่ควรให้โอกาสเรื่องหนึ่งเลย”

    เห็นด้วยกันคุณ เจได ครับ…

  2. น่าดูมากมาย ถึงแม้เรื่องน่าจะพอเดาได้ แต่ก็น่าสนใจครับ

    ถึงแม้ดีไซน์จะให้อารมณ์เรื่อง Robot หรือแม้กระทั่งน้ำยาปรับผ้านุ่ม Downy แต่ผมก็จะขอมองข้ามไปก่อน

    แต่สิ่งที่ไม่ชอบคือ เสียงพากย์ตัวเอกทั้งคู่ ไม่ได้อารมณ์เท่าไรเลย เสียงมันราบเรียบม
    าก เสียงยักษ์ก็นิ่งไม่เหมาะสมกับตัว เสียงไอ้ตัวเล็กขนาดตอนตะโกนยังธรรมดาเล๊ย จะเอาดารามาพากย์ตามแบบฮอลลีวู้ดผมไม่ว่าหรอก แต่เอาให้มันมีฝีมือด้านพากย์ด้วยก็ดีนะ บิ๊วกันดีๆ ไม่งั้นก็เอามืออาชีพไปเลยดีกว่า

    แต่เสียงพากย์ตอนปกติ หรือคุยเล่นมุกโอเคนะ แต่ซีนอารมณ์อ่ะ เสียงมันไม่ถึงใจไงไม่รู้ (หลายเรื่องละ)

  3. เอาใจช่วยครับสู้ๆๆ อยากเห็นผลงานคนไทยในมุมอื่นๆบาง เมื่อ วานก็ไปดูชัมบาล่ามา สนุกอย่างไม่น่าเชื่อ ที่เอา หนังกำลังภายในมาผสมได้เท่มาก ตอนจบ เห็นตงฟางปุ๊ป้ายด้วย

  4. เสียงพากย์ยังลงได้ไม่เนียน ทั้งที่อย่างคุณสันติสุข นั้นถือว่ามือาชีพเลย ยังดูแปลก คิดว่าการกำกับเสียงยังไม่เป๊ะ น่าจะไปให้ทางทีมดิสนีย์หรือดรีมเวิร์คช่วยน่าจะดีกว่า

  5. กราฟิคถือว่าประทับใจผมนะ สวยกว่าเอ็คโค่เสียอีก แต่เสียงพากย์…ไม่ดีเลย..เอาง่ายๆแค่ช่วงต้น Trailer กับ ท้าย Trailer เสียงยังไม่เหมือนกันเลยทั้งๆที่ตัวละครเดียวกัน…หอยยังคุมเสียงพากย์ไม่ได้เลย

  6. ถ้าใช้นักพากย์มืออาชีพ ก็จะได้อีกอารมณ์นึง…

    แต่ใช้ดารามาพากย์ แล้วพยายามทำงานแบบ “นักพากย์มืออาชีพ” นี่ เท่าที่เคยเห็นมา ยังไม่มีเรื่องไหนทำได้ดีเลย !! (หลังๆอาจจะดีขึ้นรึเปล่าไม่รู้ เพราะส่วนตัวไม่ค่อยนิยมหนังพากย์ ยิ่งเอาดารามาพากย์นี่ เข็ดมานานแล้วจนไม่ขอดูในโรงเลย แต่ก็จะมีโอกาสได้ดูอยู่บ้างเวลาออกมาเป็นแผ่น)

    ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ดาราพากย์หนังแล้วตกม้าตาย เพราะงานพากย์ไม่ใช่งานง่ายๆ ใครที่พากย์ไม่เป็นพอมาทำก็จะ “อ่านบท” กันอยู่ร่ำไป

    กับอีกปัจจัยหนึ่งที่ดาราฮอลลีวู้ดพากย์หนังได้ดีกว่าดาราไทย ก็เพราะ ภาษาอังกฤษโดยปกติ มันมีการออกสำเนียง + เน้นคำขึ้นๆลงๆอยู่แล้ว คือ พูดปกติ ถ้าใช้คำอธิบายแบบไทยๆก็คือ ต้องกระแดะหน่อย อยู่แล้ว ทำให้เราไม่รู้สึกว่า ดาราเค้ามาอ่านบทให้ฟังเท่าไหร่

    และที่สำคัญ เวลาดูเบื้องหลังงานพากย์ของฮอลลีวู้ดนั้น ผมว่าเค้าไม่ได้แค่ “พากย์” นะ แต่เค้า “แสดง” กันอยู่ !!!

  7. .
    .
    เพราะคำว่าฝีมือคนไทยแหละครับ ถึงได้ตินั่นดีกันดีจริงๆ

    ผมว่าคนไทยทำได้ขนาดนี้ก็สุดยอดแล้ว

    ลองอันนี้เป็นพิกซาร์ทำสิ จะกลายเป็นชมอวยกันเลยทีเดียว

    หึหึหึหึหึ
    .
    .

Leave a Reply