The Amazing Spider-Man: ความเห็นหลังชม

The Amazing Spider-Man เปิดตัวแล้วในบ้านเราเมื่อวันศุกร์ที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา ฉายก่อนหน้าในสหรัฐ 1 สัปดาห์ครับ โรงหนังในบ้านเราคงเทโรงให้หนังเรื่องนี้ และคาดว่าน่าจะเปิดตัวด้วยตัวเลขที่สูงเอาการ เพราะหนังฉายในระบบ 3D และ IMAX 3D ด้วย

ในแง่ของคำวิจารณ์จากนักวิจารณ์ชั้นนำในสหรัฐ ซึ่งก็ได้ดูรอบพิเศษไปพร้อมๆ กับรอบปกติของบ้านเรา ส่วนใหญ่แล้วดูจะชอบหนังเรื่องนี้กันครับ จาก 64 วิจารณ์ที่รวบรวมมาในตอนนี้ของเว็บ Rotten Tomatoes มีนักวิจารณ์ชอบถึง 80% ได้คะแนนเฉลี่ยที่ 7/10 ตัวเลขอาจเปลี่ยนแปลงไปหลังจากนี้อีก เพราะน่าจะเป็นบทวิจารณ์แค่ประมาณครึ่งเดียวที่มีการรวบรวมมา

ในส่วนของความเห็นจากนักวิจารณ์ชั้นนำ โรเจอร์ อีเบิร์ต จาก Chicago Sun-Times ดูจะชอบหนังฉบับนี้มากกว่าฉบับของแซม ไรมี่ ครับ ดังที่เขียนไว้ว่า “นี่เป็นหนังที่ใส่ใจมากกว่า และฉากแอ็คชั่นนั้นง่ายแก่การติดตามมากกว่าในแง่ของกาละและเทศะ ถ้าเราไม่จำเป็นต้องบอกเล่าเรื่องราวจุดกำเนิดใหม่ของสไปดี้อีกครั้ง อย่างน้อยก็สร้างโดยให้รายละเอียดขึ้นและให้เหตุผลมากขึ้นว่าทำไมปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ตัดสินใจกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่

ลิซ่า ชวาร์ซบาม จาก EW ก็ดูจะชอบฉบับใหม่นี้มากกว่าของแซม ไรมี่ ครับ บอกว่า “หนังมีชีวิตชีวา และมีความหลากหลายที่อ่อนกวานกว่าฉบับของแซม ไรมี่ เน้นไปที่ความสัมพันธ์ของมนุษย์มากกว่าเทคนิคพิเศษ การยกเครื่องใหม่ครั้งนี้เป็นการทำให้เรื่องเก่าเก็บนั้นสดใหม่ ผ่านกระแสของการสร้างซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลให้ดูมีความเป็นซูเปอร์ฮีโร่น้อยลง

แต่ก็มีนักวิจารณ์บางคนที่ไม่เห็นด้วย เช่น ลู ลูเมนิค จาก New York Post ที่บอกว่า “The Amazing Spider-Man อาจไม่ถึงกับเป็นหนังแย่ แต่ก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำคุณศัพท์ที่ขยายอยู่หน้าชื่อเรื่อง บางช่วงในหนังน่าเบื่อ บางช่วงขาดแรงบันดาลใจ มันเหมือนกันปรับปรุงเรื่องใหม่อย่างไร้จุดหมายเหมือนกับ Superman Returns มากกว่าจะเป็นการยกเครื่องใหม่ที่น่าพึงพอใจแบบ Batman Begins

สำหรับผมแล้วคิดว่า Spider-Man ของแซม ไรมี่ มีความเป็นเมโลดราม่าแบบเข้มข้น เรื่องราวออกไปแนวโรแมนติกชวนฝัน น้ำเน่า เน้นไปที่ความรักระหว่างปีเตอร์กับเอ็มเจ ส่วน The Amazing Spider-Man บอกเล่าเรื่องราวไปในทางความรักแบบสมจริงกว่า ไม่พยายามไปเน้นเนื้อเรื่องส่วนที่ฉบับของไรมี่เคยเน้นไว้ แต่ไปพูดถึงปมลึกลับเกี่ยวกับที่มาของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ และปมทางจิตใจของการเป็นลูกที่ถูกทิ้งแทน ทั้งโทบี้ แม็คไกวร์ กับ แอนดรูว์ กราฟิลด์ เป็นไอ้แมงมุมในฉบับของตัวเองที่ดีพอๆ กัน เล่นได้ลึกพอๆกัน เพียงแต่คนละอารมณ์ แต่เคมีระหว่างการ์ฟิล์กับเอ็มมา สโตน ดูเข้ากันมากกว่า แม็คไกวร์กับเคียร์สเทน ดันสต์ แต่ฉบับของไรมี่ก็ดูน่าสนใจกว่าในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างปาร์คเกอร์กับลุงเบน ดังนั้น เลยคิดว่าทั้งสองฉบับมีความทัดเทียมกันอยู่ ต่างมีจุดเด่นกันคนละแบบ และเป็นจุดเด่นที่อีกฉบับดูขาดไป เปรียบได้กับการเทียบกุหลาบสีแดงกับสีเหลืองซึ่งสวยพอๆ กัน แต่อาจอยู่ที่จริตของผู้ชมว่ามีรสนิยมในการชอบสีไหนกว่ากัน

อย่างไรก็ดี Spider-Man 2 ของไรมี่ ยังคงเป็นหนังไอ้แมงมุมภาคที่ดีที่สุดสำหรับผม มีความเข้มข้นแบบน้ำเน่ามากๆ ทั้งเรื่องราวของการชิงรักหักสวาท และเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ที่ดูสนุกสุดๆ ครับ

เพื่อนๆ ที่ชมแล้วคิดยังไงกับ The Amazing Spider-Man กันบ้างครับ

 

57 comments

  1. ของแซม ไรมี่ ตลกกว่า ตย. ตอนปีเตอร์ ใส่ชุดขึ้นมวยปลำ้หัวเราะซะ แอนดรูว์ กราฟิลด์ ไม่มีหัวเราะซักฉากแต่บทของแอนดรูว์ กราฟิลด์ ดูเป็นนักประดิษฐ์ฉลาดส่วนโทบี้ไม่ค่อยฉลาดและมีปัญหาด้านการเงิน

  2. ผมชอบฉบับนี้มากกว่า ดูแปลกใหม่ พระนาง ลงตัว อิง comic มากกว่า

    ภาคเก่าก็ดีนะครับ แต่ผมเบื่ออะไรน้ำเน่าๆ

  3. ชอบภาคนี้มากกว่าครับ ถ้าดูเรื่องราวแล้วดูมีองค์ประกอบที่่ดีเลยทีเดียว การดำเนินเรื่องโอเค แอนดรู กาฟิลด์ แสดงได้ดี แนะนำให้ไปดู ^^

  4. The Amazing Spider-Man ขอบอกตรงๆว่า ชอบฉบับของแซม ไรมี่ 3 ภาคแรกก่อนหน้านี้มากกว่าครับ…! ส่วนภาคใหม่ฉบับโลกคู่ขนานภาคนี้ผมถือว่า OK ที่สอบผ่านก้คือเรื่องตัวนักแสดงที่ลงตัวถึงบทกันทุกคนเลย แต่มาดับที่วีธีการเล่าเรื่องที่ไม่ลงตัวเท่าไร เดี้ยวสนุกมั่ง น่าเบื่อบ้าง เศร้าบ้าง คืออารมณ์มันกระชับไปๆมาๆมากไปหน่อยจนบางทีมันปรับอารมณ์ไม่ทันจ้ะ…! ให้ 7/10 มีภาคสองก็ไปดูอยู่ดี อิอิอิ

  5. ชอบภาคนี้มากกว่าครับ เพราะติดตามคอมมิคมาตลอด รู้สึกว่าไอ้แมงมุมภาคนี้มีความเป็นคอมมิคมากที่สุด สไปดี้ขี้เมาท์ และอารมณ์ขันด้วยคำพูดเสียดสีขณะต่อสู้นี่มันใช่เลยอ่ะ ส่วนเนื้อเรื่องภาครวมเห็นด้วยว่าขาดความต่อเนื่องทำให้ขาดอารมณ์ร่วมแต่โดยรวมผมยังให้สนุกกว่าภาคของไรมี่ครับ

    ปล.หรือส่วแว่นคนผมแดงคนนั้นคือ MJ ?

  6. สนุกมากครับ แต่ผมสงสัย เรื่องของ นอร์แมน ออสบอร์น(กรีนกอบลิน) ภาคต่อไปเขาจะมีบทบาทหรือไม่ เพราะภาคนี้บอกว่า เขาใกล้ตายแล้ว

  7. ขอบอกตรงๆครับว่า ถ้าไม่มีแบบฉบับของแซม ไรมี่ The Amazing Spider-Man ก็ไม่มีข้อมูลวิธีที่จะเล่าเรื่องใหม่ให้แตกต่างได้หรอกครับ คนที่ทำทีหลังโดยศึกษาจากงานคนอื่นมันย่อมดูดีกว่านิดหน่อยอยู่แล้ว แต่ผมยังไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องเข้าไปดูในโรง เนื้อเรื่องเกือบจะเดิมๆทั้งหมด แค่เพิ่มฉากแอ๊คชั่นให้ดูเร้าใจ Spider-Man เป็นกังฟูมากขึ้น ตัวร้ายตัวใหม่ ขอดูแบบลงแผ่นดีกว่าครับ(ประหยัดเงินกว่า)

    • เอิ่ม ที่พูดนี่คือยังไม่ได้ดูใช่มั๊ยคะ ส่วนตัวว่าการเล่าเรื่องและแิคชันมันต่างกับฉบับไรมี่เยอะคะ =_=’

    • ยังไม่ได้ไปดูเลยไม่ใช่หรือครับ ไปตัดสินเขาซะแล้ว

      ผมว่าฉบับใหม่มันดูสนุกกว่า ให้อารมณ์ comic เพียงแต่เนื้อหามันไม่มีน้ำหนักเท่าของไรมี่

    • อย่าพึ่งใช้อคติส่วนตัวเลยครับ เพราะผมคิดว่าหนังกับการ์ตูน
      เมื่อนำการ์ตูนมาขึ้นจอมันก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนบางอย่างให้สมกับหลักเหตุผลของความ
      เป็นจริง อย่างก๊อบลินหรือด๊อคอ๊อคในหนังภาค 1-2 ก็ไม่เหมือนในการ์ตูนเลยซักนิดเดียว แต่มันก็จำลอง
      ภาพว่า เมื่อ “ตัวร้ายจากหนังสือการ์ตูน” โผล่มาในโลกความเป็นจริง มันควรจะมีรูปลักษณ์ยังไง
      ซึ่งก็ทำให้แฟนการ์ตูนพอใจแล้ว แต่พอวายร้ายที่เหมือนในการ์ตูนมากอย่าง แซนด์แมน มันกลับไม่ดูดีเลย
      เพราะว่าแซนด์แมน จะดูเท่ห์เฉพาะในการ์ตูนเท่านั้นเอง (อันนี้ต้องยอมรับ)

      เรื่องชุดของสไปดี้ ดูในหนังจริงๆจะพบว่ามันเท่ห์มาก ขึ้นอยู่กับการจัดภาพด้วย ไม่มีซุปเปอร์ฮีโร่คนไหนดูดีบนจอหรอกครับถ้าเขายืนอยู่เฉยๆ มันต้องใช้องค์ประกอบหลายๆอย่างเข้าช่วย ส่วนลิซาร์ดนั้นก็ต้องปรับ
      เปลี่ยนให้ดูโหดขึ้นและสมจริงขึ้น (ในส่วนแขนขวาที่งอกออกมาหลังจากฉีด DNA สัตว์เลื้อยคลานลงไป
      ทำให้มีแค่ 4 นิ้ว)

      แม้เรื่องราวใน The Amazing Spider-Man จะเหมือนกับ Spider-Man ภาคแรกของไรมี่ แต่ก็ไม่เหมือน
      ซะทีเดียว มันมีความแตกต่างในแง่การดำเนินเรื่องและแก่นเรื่องที่ผูกไว้ด้วยลักษณะนิสัยและลุคของปีเตอร์ที่ต่างออกไป ทำให้มันมีความน่าสนใจไม่น้อยไปกว่าหนังของไรมี่ สมกับคำโปรยว่า “Untold Story” เลย

      ขนาดปู่ สแตน ลี เองยังชมเลยว่าหนัง The Amazing Spider-Man สามารถเล่ากำเนิดได้สนุกและแตกต่างจากหนังของไรมี่ได้ดี แล้วคนดูอย่างเราจะต้องการอะไรมากกว่านีอีกหรือ? แต่มันก็แล้วแต่คนดูแล้วล่ะครับว่าชอบแบบไหน ระหว่างหนังของไรมี่กับหนังของเว็บบ์ (ส่วนผม ผมรักหนังของเว็บบ์สุดหัวใจครับ)

      ปล.ไม่ได้จะหาเรื่องนะครับ แต่อยากอธิบายความหมายคำว่า Base On ให้เข้าใจกันถ้วนหน้า
      ปู่ลียังเคยพูดเลยว่าไม่มีจากหนังสือการ์ตูนที่คนทำหนังจะใส่เข้าไปได้หมดหรอก ไม่งั้นคนคงด่า
      กระจายแล้วตอนหนังไรมี่ที่ปีเตอร์สร้างใยขึ้นมาเองได้

      …ยังไม่ได้ดูหนัง แต่ไปตัดสินว่าหนังไม่ดี ผมว่ามันไม่แฟร์นะครับ…

  8. ส่วนตัวเห็นว่าภาคนี้มีทุกอย่างที่หนังดีๆเรื่องหนึ่งควรมี
    แต่ปัญหาคือขาดความกลมกล่อม ทำให้ไปไม่สุด
    อันนี้น่าเสียดาย ส่วนตัวไม่ไปเปรียบเทียบกับภาคเก่านะครับ
    แต่พอมันไม่กลมกล่อม อารมณ์มันไม่อิน ส่วน 3D จอเล็ก
    ไม่ค่อยมีเลเยอร์เลยครับ ดูถอดแว่นยังได้เลย ยกเว้น
    ช่วงท้ายที่สุดๆไปเลย
    ให้ 8/10

  9. ชอบการ Cast ของภาคนี้มากครับ ใช่เลยทั้งพระ-นาง แต่ไม่ประทับใจการกำกับสักเท่าไหร่ ทั้งๆที่ชอบ 500 days of summer มากก และคาดหวังไว้พอสมควร แต่ยังไงก็จะติดตามภาคสองแน่ครับ ต้องดีกว่านี้ได้แน่ๆ

  10. ส่วนผมชอบไตรภาคเก่ามากกว่า เพราะมันทำได้ไม่กลมกล่อมนั่นแหละคับ
    แต่ฉากแอ๊คชั่นทำได้สนุกดี

  11. ให้ 7/10 พอครับภาคนี้ ดำเนินเรื่องไม่ดีเลยครับ ไม่ลื่นไหลเลย มีดีแค่ CG แค่นั้น ภาคนี้ยังเทียบ Spider Man ของ แซม ไรมี่ ไม่ได้เลย !!!!!!!!!!!!!

  12. 8.5 ครับ สนุกมาก

    บทอาจไม่กลมกล่อม ลื่นไหลเท่าฉบับแซม แต่ซีนเยี่ยมๆดราม่าดีๆก็มีเช่นกัน

    หลายคนเลยในโรงที่ผมไปดู(2รอบแระ) กระซิกๆ น้ำตาไหลกัน
    ฉากลุงเบนไม่เท่าไหร่ แต่ฉากไข่ปลอดสารพิษป้าเมย์กับพ่อเกวนตอนท้ายนี่ เรียกน้ำตาสาวๆได้แน่ๆ

    แอ็คชั่นเอาอยู่จริงๆ รวดเร็ว กระพริบตาไม่ได้ มุมกล้องแปลกใหม่และดูมันส์สะใจมากๆ
    ฉากห้อยโหนโจนทะยานและมุมมองสไปดี้ ผมดูแบบ Imax3D ส่วนตัวได้ฟีล “ว้าว” พอๆกับเรื่องอวตารเลย

    ตัวละครมีมิติ ไม่แบนราบ นักแสดงแสดงสีหน้าและแววตาได้คมดี รับรู้ถึงฟีลตัวละครได้

    .

    เพื่อนผมที่ปลื้มฉบับเก่ามากกว่าบอกว่า การเล่าเรื่องยังไม่คมพอ หลายช่วงแรกๆ ก็รู้สึกเนือยๆ ไม่มีช็อตกระตุ้น เร้าอารมณ์ให้คนดู(ที่อยากเอามันส์ซะที) มีสมาธิพอจะไม่รู้สึกเบื่อๆไปได้ ก็ด้วยความที่ยังไงก็ติดภาพจำจากฉบับแซม ทำให้เหตุการณ์คุ้นๆ แค่ปรับบริบท ทำให้คนรู้เรื่องไปก่อนหน้าอยู่แล้ว อ๋อ ต้องยังงี้ๆๆสินะ…

    ยิ่งซีนอารมณ์ช่วงแรกกับลุงเบนตาย ทำได้ไม่พีคพอ ยิ่งทำให้คนเปรียบกับต้นฉบับทันที พลอยทำให้เกิด “ติดลบ” อยู่ในใจหน่อยนึง แล้วมาฟื้นฟีลก็ด้วยฉากแอ็คชั่นที่แปลกใหม่นั่นแหละ

    มันบอกมาประมาณนี้ ซึ่งผมฟังแล้วก็เป็นเหตุผลที่น่าสนใจดี สำหรับคนที่รู้สึกแบบเดียวกัน

    ผมว่า ในบรรดาคนไม่ปลื้มภาคนี้ น่าจะเป็นคนที่ดูภาคเก่ามาแล้ว
    ส่วนคนที่ไม่เคยดูภาคเก่ามาก่อนเลย น่าจะชอบภาคใหม่นี้กันเป็นส่วนใหญ่เลยล่ะ

    ส่วนคนชอบดูเอามันส์เข้าว่า คงหลับแน่ๆ 1 ชมแรก ….

    ปล.พระนางเคมีลงตัว แต่ผมติดใจสาวแว่นมากที่สุด
    ไปดูชื่อในเรื่องไม่ใช่ MJ … แต่เป็น MK ^^

  13. นังสนุก ครบทุกอารมณ์ สมกับที่รอคอยเลย เนื้อเรื่องเปลี่ยนไปใช้แบบตามฉบับการ์ตูน ซึ่งมันให้ความรู้สึกสมจริงและตัวละครมีชีวิตชีวากว่าเดิม ฉากดราม่าเยอะ เล่นกับอารมณ์ตัวละครแต่ละตัวได้ดี ทุกตัวมีความสำคัญผลักดันเรื่องทำให้ไม่น่าเบื่อ ฉากตลกก็มีใช้ได้ บทพูดก็ดีแต่ไม่โดนใจเท่าเวอร์ชั่นก่อน (แต่ก็ถือว่าดีในฉบับนี้นะ) มุมกล้องชนะเลิศครับ

    ผมชอบสไปดี้คนใหม่นี้มากกว่าโทบี้ เพราะสูงเพรียวดุเป้นแมงมุมและเท่กว่ามว้ากกกกก สไปดี้คนนี้มีความกวนและพริ้วกว่าเยอะ ท่าต่อสู้จากการ์ตูนขนมาหมดโดนใจสุดๆ การยิงใยจากนาฬิกาทำให้รู้สึกเท่ยิ่งขึ้น ฉากห้อยโหนพริ้วกว่าเดิมและสมจริงกว่าเยอะ อ๊ากกก พูดแล้วอยากดูอีกรอบชะมัด

    ด้านเนื้อเรื่อง บางฉากก็สมเหตุสมผล บางฉากก็แปลกๆ แต่ก็พอมองข้ามได้บ้าง บางจุดควรเล่าขยายกลับไม่พุดถึง แต่ไปเน้นที่ความดราม่าแทน ก็แปลกดี

    สรุป ภาคนี้อาจจะไม่แปลกตาเพราะเคยเห็นความพริ้วจากภาคก่อนมาแล้ว แต่ภาคนี้ได้ใจในความเพรียว แอ๊คชั่นแปลกใหม่ที่เหมาะสมกับสไปดี้(ควรเป็นแบบนี้มานานแล้ว) ชอบฉากต่อสู้ทุกฉาก มันโคตร พระเอกสอบผ่านฉลุยครับ ส่วนเกวน สเตซี่ ก็น่ารักซะสุดๆ(แสงสวยตลอดคนนี้) ถือเป็นคู่รักในหนังคู่ใหม่ที่น่าจะดังเลยละ

    อ่อ สามมิติ ทำมาคุ้มเฉพาะฉากสไปดี้นะ ฉากตอนปกติไม่ค่อยคุ้มเท่าไร แต่ก็ควรดูแหละ ฮ่าๆ

    ปล.ต้องไปดุอีกรอบให้ด้ายยยยยย

  14. ชอบทั้งcastและsound trackครับ ดนตรีตอนไต่กำแพงหลังโดนยิง ทำให้หวนนึกถึงดนตรีในสไปเดอร์แมนฉบับการ์ตูนสมัยตอนเป็นเด็กๆ เนื้อเรื่องยังดึงไม่สุดอย่างว่า ตัดไปฉากอื่นเร็วเกินไป ถ้าดึงฉากเศร้าและอิ่มเอมไปได้สุดๆ และฉากที่ต้องการความหวังอย่างสุดๆในวินาทีที่สิ้นหวังอยู่ได้ หนังเรื่องนี้จะอเมซิ่งสมชื่อเลยทีเดียว

  15. ผมให้ 10/10 เลยครับ ไม่รู้ทำไมแต่ผมชอบมากนะ แม้เรื่องราวก็เดาได้หมดจาก Trailer อยู่แล้วซะงั้น

    มันเป็นที่ความรู้สึกครับว่าหนังสมควรได้ เล่นเอาผมอินไปด้วยในหลาย ๆ ฉากครับ (แม้จะรู้ทางอยู่แล้ว)

    ส่วนตัวชอบมุมกล้องของเรื่องนี้มากครับ ชอบตัวแต่ดูใน Trailer แล้วว่ามันเปิดมิติแปลกใหม่ได้ดีมาก

    น่าเสียดายที่หลาย ๆ ฉากใน Trailer เหมือนถูกตัดออก(หลายฉากมากจริง ๆ ครับ)

    ส่วนฉบับ 3 ภาคก่อนหน้านี้ผมก็ชอบครับ แต่ในตัวละครผมชอบในแบบฉบับ Amazing นี้มากกว่าครับ ^^

    *ปล. ภาค 3 ผมชอบนิวก๊อปลินมากครับ และตอนจบยังหวังลึก ๆ ว่างานศพที่ไปร่วมนั่นคงเป็นงานศพของ Venom ซะมากกว่า (เพราะท้ายเรื่องไม่ได้บอกจริง ๆ ว่าแฮรี่ตายจริงหรือแค่สลบไป) ที่ไหนได้ยกเครื่องใหม่ซะงั้น แต่ผมก็ยังคิดอยู่ในใจว่าแฮรี่ยังไม่ตายนะ ^^

    • ฉากที่ผมเห็นว่าตัดไปเลยแน่ๆคือ
      – ฉากที่ดอกเตอร์พูด “If you want to know, come and get it Peter”
      – ฉากที่พูดว่า “Do you have any idea what you are” ครับ
      ส่วนฉากที่ต่างไปคือ “We all have secrets, the ones we keep and the ones that are kept from us” ผมไม่แน่ใจว่าในหนังพูดรึเปล่า แต่ไม่ใช่น้ำเสียงแบบที่ได้ยินในตัวอย่างหนังแน่นอน

      p.s. 10 นาทีสุดท้ายของหนัง และฉากซื้อไข่ ฆ่าผมให้ตายคาโรงหนังเลยหละครับ
      ดูจบ ไม่รู้ทำไม ผมรู้สึกอินและซึมลึกๆจัง มันรู้สึสงสารในชะตากรรมของทุกตัวละครเลย

      • มีฉากวิ่งแบบ first palyer view ด้วยครับ ตัดไปเยอะมาก

        ชวนเล่นบอลก็โดนตัด

        และรุสึกว่ามีอีกนะฮากควาทรงจำเรื่องพ่อแม่เหมือนขาดหายไปบางส่วนรึเปล่า (แต่ผมเข้าสายไป 10 นาที ไม่รุว่าอยู่ 10 นาทีแรกรึเปล่าครับ)

        และที่ว่า “แก้รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดกับแกบ้างหละปีเตอร์? เกี่ยวกับอุบัติเหตุนั่น? แก้คาดไม่ถึงแน่ ๆ ว่าแท้จริงแกเป็นอะไร !?!” ตรงนี้เล่นเอาอยากรู้เลย >_< (เหมือนไม่มีในหนังนะ หรือผมพลาดไป)

        น่าจะมีอีกนะ 😛

        *ปล. เรื่องลุงเบนที่ว่าบิ๊วไม่ถึง ผมว่านี่ก็ ok นะครับ แค่นี้มันก็สื่อมามากแล้วว่าพระเอกต้องทำอะไรเพื่อใครแค่ไหน (Spoil ไปปะหว่า)

  16. ในฐานะแฟนการ์ตูน ผมชอบหนัง The Amazing Spider-Man มากที่สุดเพราะมันได้จำลองเอกลักษณ์และอารมรณ์ของการ์ตูนมาเต็มๆ แต่ก็ยังสนุกเข้มข้นแบบหนังอยู่ ไม่เสียชื่อมาร์ค เว็บบ์ เลยซักนิด เพราะแกเป็นคนละเอียดอ่อนมากเรื่องตัวละคร รีบู้ทได้เจ๋ง และยังเคารพหนังสามภาคก่อนไปในตัวด้วย คือไม่ทำเหมือนกับว่าไม่เคนมีหนังของไรมี่มาก่อน ยังให้กลิ่นอายเดิมๆอยู่ แต่โดยรวมแล้วหนังออกเยี่ยมครับ ผมให้ 9.5/10

    (ถ้าสังเกตจะเห็นว่า ผู้กำกับสองคนนี้แม้เขาจะมากำกับหนังซุปเปอร์ฮีโร่ แต่ก็ยังไม่ทิ้งลายเดิมๆของตัวเอง อย่างเว็บบ์ก็ยังใส่แง่มุมเรื่องรักๆของตัวเองลงไปได้ลงล็อค ส่วนไรมี่ก็แอบใส่ความสยองขวัญของตนเองลงไปเนียนๆเหมือนกัน ดูอย่างฉากด็อคอ็อคหนีออกมาจากโรงพยาบาลในหนังภาค 2 สิ หนังสยองขวัญขวัญชัดๆเลย)

  17. ผมไปดูพาหษ์ไทย ห่วยมาก เอาคนพากษ์ที่ไหนมาอีก งงจังทำไมหนังใหม่ๆต้องเอาคนพากษ์ใหม่ๆมาพากษ์ด้วย เอาพวกมืออาชีพ มันน่าจะมีลูกเล่นหรือประสบการณ์ดีกว่า ยิ่งในเรื่องนี้บทพูดมัน ไม่่อยดีอยู่แล้ว
    แถม พระเอก เล่นแข็งไปด้วย เรื่องฉากอะไรผมว่าดีพอสมควร บทคุยกันห่วยครับ

  18. เวลาดูหนัง superhero เราควรจะบอกคนอื่นว่ามัน สนุก หรือ มันส์ แค่ไหน ………

    แต่เรื่องนี้…. ผมจะบอกคนอื่นว่า……….. The amazing spider-man …… เป็นหนังที่ดีครับ……….

  19. ผมชอบภาค 2 มากกว่าเพราะตัวร้ายเก่ง มีลีลาความสามารถที่สุดยอดมาก แต่ผมชอบตัวสไปเดอร์แมนของกาฟิลมากกว่าโทบี้นะคับ ทั้งบุคคลิก ลีลาพริ้ว เวลาต่อสู้ดูรุนแรงและหนักแน่นดี ทำให้รู้สึกสนุกมาก ถ้าฟิลใส่ชุดของเก่าคงจะเพอเฟคมาก ชุดภาคนี้ดูแล้วไม่ค่อยสวยเลย รายละเอียดภาคแรกกินขาด

  20. ผมจะบอกว่าอย่างงี้นะครับ…ผมให้ ฉบับของเวบบ์ 9/10 และผมก็จะให้ ฉบับของ ไรมิ 9/10 เหมือนกัน สำหรับผมแล้ว ผมชอบทั้ง 2 ฉบับ เพราะมีความโดดเด่นและมีความเป็นเอกลักษณ์ในทิศทางการเล่าเรื่องของตัวเอง มันกินกันไม่ลงจริงๆ คู่พระนางของทั้ง 2 ฉบับก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี

    หนังฉบับของ เวบบ์ จะเป็นส่วนขยายของฉบับของ ไรมิ มากกว่าในความคิดของผม เพราะพยายามเลี่ยงในส่วนที่ฉบับของไรมิ ทำไว้ดีแล้วและผู้ชมเข้าใจดีแล้ว เช่น ฉากที่ ลุงเบนต้องตาย แต่หนังเลือกที่จะขยายในส่วนที่ฉบับของไรมิ ยังไม่ได้ทำ เช่น แมงมุมกัมมันตภาพรังสีมาได้อย่างไร ทำไมจึงต้องสร้างขึ้นมา มีความเกี่ยวโยงอย่างไรกับปีเตอร์นอกเหนือจากที่กัดเขาแล้วทำให้เขากลายเป็นสไปเดอร์แมน เป็นต้น ในขณะที่ฉบับของไรมิ จะเน้นไปที่ความรักของคู่พระนาง ฉบับของเวบบ์จะเน้นไปที่ ความลับดำมึดของปีเตอร์แทน ส่วนเหตุผลที่ทำให้ สไปเดอร์แมน ผันตัวเองมาเป็นผู้พิทักษ์มวลชนนั้นก็ยังแตกต่างกัน ถึงแม้ว่าจะเริ่มจากจุดเริ่มต้นเดียวกัน คือ ต้องการแก้แค้นให้ลุงเบ็น แต่เหตุผลหลังจากนั้นจะแตกต่างกัน ในฉบับของไรมินั้นจะมาพร้อมกับวลีติดหูที่ว่า “พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง” ฉบับของเวบบ์ก็ให้เหตุผลที่แตกต่างออกไป คือ “เป็นความผิดพลาดของวัยรุ่น ซึ่งสอดคล้องกับความเป็นจริงทีวัยนี้เป็นวันที่ลองผิดลองถูก ดังนั้นเมื่อ เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ด้วยตัวเอง” เพราะต้องรับผิดชอบกับความผิดพลาดที่ก่อไว้ที่ทำให้เกิดปิศาจกิ้งก่าขึ้นมาป่วนเมืองนี้เอง จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้คนมองสไปเดอร์แมนว่าเป็นผู้พิทักษ์ปกป้อง เป็นฝ่ายธรรมะ และแน่นอนเมื่อประกาศตัวเองแบบนี้ ย่อมต้องมีฝ่ายออธรรมออกมาท้าทาย สไปเดอร์แมนอยู่เรื่อยๆ ดังที่พ่อของเกวนบอกในตอนท้าย

    สรุปก็คือ ชอบทั้ง 2 ฉบับครับ…และไม่คิดว่าฉบับไหนดีกว่ากัน..ครับ…

    • ลืมอีกอย่างก็คือ ฉบับของเว็บบ์ การชักใยแมงมุม การไต่กำแพง การห้อยโหนโจนทะยาน การเทคท่วงท่าของ สไปร์เดอร์แมนนั้นสวยมาก และสมจริง รู้สึกจุใจมากกว่าฉบับของไรมิ สไปร์เดอร์แมนมีความเป็นคนที่เราเข้าถึงได้ก็ตอนที่ นอนเล่นเกมส์มือถือ บนใยแมงมุมรอ ปีศาจกิ้งก่าออกมานั้นเอง แต่ที่ทำให้ซึ่งจนน้ำตาคลอคือฉาก ไข่ปลอดสารพิษของป้าเมย์นี่แหละ….

  21. ผมให้ 8/10 นะครับ
    ผมว่าทั้งสองฉบับดีพอๆกันนะ แต่ชอบของเวบบมากกว่า เหตุผล 2 ข้อ
    อันแรกชอบสไปเดอร์แมนของ การ์ฟิล์ด ตรงที่บุคลิกของปีเตอร์และสไปเดอร์แมนดูเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นธรรมด๊าธรรมดา ที่ขี้เล่น เหมือนในการ์ตูนนะ เแต่ของ โทบี้ ดูหล่อเท่เกิ๊น นิดนึง
    กับอีกอันคือชอบ เอมม่า สโตน มากกกกกกว่า คริสเตียน ดันส์ (ออกนอกหน้า 555) ฉากลุงเบนสื่อรักที่โถงล็อกเกอร์กับฉากสุดท้ายที่แอบอมยิ้มมุมปากนั่น อยากเป็นปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ แทนเลย ^_^
    นอกนั้น มีดีมีเสียพอๆกันนะครับ หักล้างกันไป

  22. ชอบเวอร์ชั่นนี้มากกว่าเวอร์ชั่นเก่าครับ

    จุดหลักๆที่ชอบเลย คือ ตัวสไปดี้ คิดว่าแอนดรูว์ กราฟิลด์ ดูเหมาะกว่า ทั้งรูปร่างหน้าตาและบุคลิกที่ดีไซน์ออกมาด้วย ^^”

  23. คิดคล้ายๆคุณ Jediyuth ที่รีวิวไว้ครับ คือมันเป็นคนละฉบับกัน ที่ต่างกันมีจุดดีจุดด้อยไปคนละแบบ อันนี้ชอบในแง่ที่คล้ายๆกับคอมมิกที่มีหลายเวอร์ชั่น หลายจักรวาลนะครับ แต่ส่วนตัวจะชอบแนวของเว็บบ์มากกว่าของไรมี่ ในแง่ที่ว่ามันสมจริงกว่า คือของไรมี่นี่ถ้าจ้องจับผิดก็จะได้หลายจุดเลย อย่างเช่นปีเตอร์เปลี่ยนชุดยังไง เอาของไปไว้ไหน ฯลฯ ในขณะที่ของเว็บบ์นี่แอบขำตรงที่จะไปไหนก็สะพายเป้ไปด้วย หรือแต่งชุดสไปเดอร์แมนแต่คุยมือถือกับคนอื่น แต่ทั้งนี้ก็ดูเป็นชีวิตจริงๆดี ว่านอกจากมีพลังพิเศษของแมงมุมแล้ว แกก็คือคนธรรมดานี่ล่ะ จะขอความช่วยเหลือก็โทรศํพท์เอา จะเช็คข่าวก็ต้องแบกวิทยุสื่อสารไปด้วย

    จุดที่ชอบของเว็บบ์อีกอย่างก็คือ อย่างน้อยปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ในเรื่องก็มีความเก่งอยู่เหมือนกัน คือเป็นเด็กเนิร์ดที่พยายามจะเจ๋ง แต่ก็ยังโดนรังแกอยู่ แต่ทั้งนี้ก็ฉลาดมหากาฬเหมือนกัน ในขณะที่ฉบับของไรมี่นี่ปาร์คเกอร์โคตรรรรรจะน่าสงสารเลย อุตส่าห์ออกช่วยชาวเมืองแท้ๆ แต่ไม่มีตังกินข้าว แฟนก็ไม่เข้าใจ ป้าก็แก่ๆงกๆเงิ่นๆ แถมยังมีหลายคนที่เกลียดอีกตะหาก

    ฉากต่อสู้ของใหม่นี่ก็ถูกใจครับ อาจจะไม่ดูหวือหวาเว่อร์แบบของเก่า แต่ก็ดูดิบขึ้น สมจริงขึ้นตามสมัยนิยม ผมชอบตรงที่ฉบับใหม่เวลาห้อยโหนโจนทะยาน มันดูผาดโผนกว่า การเคลื่อนที่แบบที่ดูเหมือนแมงมุมมากกว่า (แบบคลานๆสี่ขาแล้วดูเก้งก้างนิดๆ) แต่ก็ยังคงความสมจริงไว้ด้วยเช่นไม่ได้โหนไปได้ไกลสุดขีดในทีเดียว ฯลฯ ถ้าสังเกตดีๆ ฉบับเก่าสไปเดอร์แมนนี่แทบจะไม่เคลบื่อนที่แบบแมงมุมเลย (มีแต่ห้อยหัวกับเกาะกำแพงอย่างเดียว นอกนั้นก็มักจะเดินวิ่งเหมือนคนปกติ)

    ชมเวอร์ชั่นใหม่ซะมาก 555 ก็คิดว่าคงเพราะมันใหม่กว่า ทันสมัยกว่าด้วยล่ะครับ แต่ก็อย่างที่กล่าวไปคือ ทั้งสองเวอร์ชั่นมีจุดเด่นของตนเอง ไม่ได้มีฉบับไหนที่ดีกว่าอีกฉบับเลย ขึ้นอยู่กับว่าจะถูกจริตผู้ชมท่านไหน ส่วนตัวผมก็ชอบมันทั้งสองเวอร์ชั่น และแอบคิดให้มีหนังภาคใหม่ที่จับทั้งสองเวอร์ชั่นมาจ๊ะเอ๋กันก็คงจะดี อิอิ

  24. หลังดูเสร็จ
    คิดถึงโทบี้มากมาย
    คหสต.แอนดูร ดูครบ หล่อแบบเนิร์ดๆ เรียนเก่ง(แต่ดูเครียดกว่า 555)
    โทบี้ ไม่หล่อ ดูเอ๋อๆ(มันต่างกับเนิร์ดนะ)ดูน่าเอ็นดู น่าสงสาร น่าเอาใจช่วยมากกว่า(โดยเฉพาะภาค1-2)

    ทีสำคัญความประทับใจตอนผมดูภาคแรกในช่วงวัยรุ่นนั้น(ของ แซม)สร้างความประทับใจให้ผมได้มากกว่าครับ

  25. ผมขอโหวตให้ฉบับป๋าแซม ไรมี่ครับ ชอบมากกว่า อาจเพราะผมชอบอะไรแบบเด็กๆ
    เพราะมันทั้งแฟนตาซีกว่า หวานแหววกว่า
    ฉบับใหม่นี่ ไม่น่าจะใช่ชื่อว่า The Amazing เลยนะ
    ผมว่าควรใช้เป็น The Seriously Spider-Man

    แต่ฉบับใหม่นี้ ผมมีข้อสงสัยถามผู้รู้ 1 ข้อครับ
    1. เครื่องมือปล่อยใยของปีเตอร์นี่ ไม่ทราบว่ามันมีกลไกปล่อยไยยังไงครับ
    คือ แค่กระตุกมือ หรือยื่นมือ ใยก็ออกแล้วหรอ งง ไม่ต้องเอามือไปกดปุ่มเลยใช่มั้ยครับ

    • ฉบับการ์ตูนมีปุ่มกดที่ฝ่ามือครับ เวลาปล่อยใยสไปดี้เลยต้องเอานิ้วกลางกับนิ้วนางกดลงไปที่ฝ่ามือครับ

  26. ไปดูมารอบสองรู้สึกว่าชอบมากขึ้น ๕๕๕+ ที่ชอบก็ตรงคาแรคเตอร์ของพระเอก ผมว่าโดนมาก เหมาะกับบทปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ แล้วตัวสไปเดอร์แมนก็ดูสม”มนุษย์แมงมุม”จริงๆ ฉากต่อสู้ก็เยี่ยม
    สำหรับเนื้อเรื่อง ตอนดูรอบแรกผมว่าช่วงครึ่งแรกบางครั้งมันอืด บางครั้งมันก็รวบรัดเกินไป แต่พอดูรอบสองรู้สึกว่ามันก็โอเค เหมือนกับนักแสดงโชว์ศักยภาพทำให้ไม่เบื่อสำหรับรอบสอง เรื่องที่หลายๆคนติว่า ยังบิ้วท์อารมณ์ จากที่ลุงเบนตายแล้วทำให้ปีเตอร์มาเป็นสไปดี้นั้นยังไม่พอ ผมคิดว่าเพราะหลายๆคนได้ชมฉบับของแซม ไรมี่ มาแล้ว ซึ่งในตอนนั้นที่ผมดู ก็ยอมรับว่าน่าทึ่งมาก แถมช่วงนี้มีหนังฮีโร่ให้เปรียบเทียบเยอะ อย่างตอนไอรอนแมนเข้าฉายก็อลังการ แบทแมนฉบับโนแลนด้วย ส่วนเรื่องของดนตรี ผมว่าก็มีธีมที่โอเค แต่บางครั้งยังไม่มีพลังเท่าเพลงของฮานส์ ซิมเมอร์ หรืออย่างเรื่อง the avengers ครับ
    โดยรวมแล้วผมให้ 9.5/10 (ให้คะแนนพิศวาส ที่ Spider-man เป็นฮีโร่ในดวงใจ ๕๕๕+)

  27. ชอบ The Amazing Spider-Man ให้ 8/10 แต่ดูคะแนนวิจารณ์เว็บนอกจะไม่ดีเท่าเวอร์ชั่นเก่าแฮะ
    อย่างไรโซนี่ก็ออกมายืนยันแล้วมามีภาคต่อแน่…ไตรภาคใหม่
    แล้วได้ข่าวว่าทีมผู้สร้างอาจจะดำเนินเรื่องราวภาคต่อ โดยมีแก๊ง Sinister Six มาเกี่ยวด้วย (ไตรภาคจะพอหรอเนี๊ย?)

    ยังไงก็อย่าลืมหนังภาคแยกของ venom ก็แล้วกันนะโซนี่

  28. ไม่ชอบเลย น่าเบื่อ สุดสุด พยายามจะแตกต่าง แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม // ฉากแอคชั้น ก็น้อยมาก กว่าจะมาก็ ชั่วโมงผ่านไปแล้ว // และยิ่งภาพสามมิติ แย่สุด ถอดแว่นออก ก็ยังดูได้ชัดทั้งเรื่อง // ดูแล้ว คิดถึง spiderman2 ตลอด

  29. Key Word ของฮีโร่แทบไม่มี
    เนื้อความของฮีโร่น้อยมาก
    ผิวหวังกับนักแสดงและบทบาท
    ด่วนได้ใจเร็ว ไม่คิดหน้าคิดหลัง
    บทสรุปแต่ละเหตุการณ์ง่ายเกิน
    เหมือนละครไทย อยากจะให้ดราม่า
    แต่กรีดใจคนดูไม่ได้
    พ่อ Stacy ตายอย่างโง่มาก
    ไม่สมเหตุสมผล ตำรวจไร้ทักษะ
    ดูแล้ว Ver 2D Animation สนุกกว่าเยอะ

    6/10..

    • ….

      ….

      พ่อเกวน พยามถ่วงเวลาให้ ปีเตอร์สุดๆ เลยครับ
      ไม่งั้นอีสารเขียวมันจะลงมาให้ สุดดมกันทั้งเมืองรวมทั้งเกวนด้วยไง

    • ผมรักสไปดี้ภาคนี้สุดๆ….สไปดี้ภาคนี้ดูจริงจังสมจริงดีครับ…หลายๆฉากทำได้ดีมากกก…โดยเฉพาะฉากปล่อยใย ทำให้นึกถึงภาคเก่าว่า “มันเอาใยไปเกาะกับเมฆป่าวหว่า?”

  30. ผมว่าภาคนี้ได้อารมณ์ของการ์ตูนมากกว่าของ แซมไรมี่ครับ สนุกคนละแบบ แต่ผมติดใจชุดของ spidey ในภาคนี้ครับ ผมว่ามันเยอะไปครับ ดูเยอะ จุดเด่นของชุดดูจะแข่งกันครับ ทำให้ชุดไม่เป็นที่จดจำครับ ผมให้ชุดของภาคแซมไรมี่ว่า เจ๋งกว่าเยอะครับ

  31. ความเห็นของผมนะ พวกคุณที่ว่าต้องเหมือนคอมมิคอย่างงู้นอย่างงี้มันก็รู้หมดน่ะสิว่าหนังมันจะออกมายังไง
    แล้วมันจะสนุกเหรอครับ พระเอกก็หล่อดี เหมือนจะดีเกินไป น่าเอกน่ารักมาก แต่ในเรื่องของการแสดงชอบ โทบี้มากกว่า เราก็จะไปว่านักแแสดงมากก็ไม่ได้อีก เพราะเขาเปลี่ยนบทพูดหรือนิสัยตัวละครไม่ได้ แต่ตัวร้าย นี่ใช้ได้เลย ให้ 8.5/10 ถือว่าสนุกดูได้เรื่อยๆ ยังไงๆก็คือ Spider-man ใครแสดงช่างหัวมันขอให้สนุกเป็นพอ ดูแล้วยังไม่แพ้ภาคของไรมี่หรอก นี่แค่ภาคแรก สู้ต่อไปสไปดี้

    ปล.จบเครดิตไม่อยากให้เป็น นอร์แมน ออสบอร์นเลยเบื่อก็อบลิน อยากให้เป็น เมฟิสโต เผลอๆโกสต์ไรเดอร์มาแจมคงแปลกน่าดู เหอะๆๆ

Leave a Reply to thaijorCancel reply