ตัวอย่างใหม่ฉบับญี่ปุ่นของ The Amazing Spider-Man

โซนี่ พิกเจอร์ส ได้ส่งตัวอย่างหนังใหม่ของ The Amazing Spider-Man ออกมาออนไลน์ครับ เป็นฉบับซับไตเติ้ลภาษาญี่ปุ่น ที่สำหรับประชาสัมพันธ์ในแถบเอเชีย ความยาวของตัวอย่างหนังนั้นมีมากกว่าตัวอย่างฉบับทั่วไปที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ มีทั้งฉากบู๊ และฉากดราม่าเพิ่มเติมเข้าไป ซึ่งยิ่งทำให้เป็นหนังที่น่าดูมากขึ้น

ทวนเนื้อเรื่องกันอีกที หนังเป็นเรื่องราวของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ (แอนดรูว์ กราฟิลด์) เด็กหนุ่มนอกคอกประจำโรงเรียนมัธยมซึ่งถูกพ่อแม่ทิ้งไปตั้งแต่เขายังเด็ก โดยทิ้งให้อยู่กับลุงเบน (มาร์ติน ชีน) และป้าเมย์ (แซลลี่ ฟิลด์) ปีเตอร์เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป เขาอยากรู้ว่าตัวตนจริงของเขาเป็นใคร และเขามีที่มาที่ไปยังไง ปีเตอร์ยังต้องหาทางคบกับเกวน สเตซี (เอ็มมา สโตน) สาวมัธยมคนแรกที่เขาปิ๊งรัก ทั้งคู่ต้องดิ้นรนร่วมกันทั้งกับเรื่องความรัก คำมั่นสัญญา และความลับ

เมื่อปีเตอร์ค้นพบกระเป๋าเอกสารลึกลับที่เป็นของพ่อเขา เขาก็เริ่มสืบหาความจริงถึงการหายตัวไปของพ่อกับแม่ นำเขาไปสู่บริษัทออสคอร์ป และพบกับดร.เคิร์ท คอนเนอร์ (รีส อีวานส์) เพื่อนร่วมงานเก่าของพ่อ เมื่อเส้นทางในฐานะไอ้แมงมุมของปีเตอร์ได้ปะทะกับอีกร่างหนึ่งของคอนเนอร์ ปีเตอร์จะต้องตัดสินใจครั้งสำคัญในการใช้พลังพิเศษของเขาและนำพาชีวิตไปสู่เส้นทางของการเป็นวีรบุรุษ

The Amazing Spider-Man กำกับโดยมาร์ก เว็บบ์ ออกฉายทั้งในระบบ 3D, IMAX 3D และ 2D ในเดือนกรกฎาคมนี้ คลิกชมตัวอย่างด้านใน

ที่มา: starkindustries.ru 

13 comments

  1. เจิม เม้นท์แรกครับ 🙂
    ผมว่ามันก็น่าดูในความเป็นสไปเดอร์แมนน่ะแหละนะ
    (แต่CGมนุษย์กิ้งก่าดูไม่ค่อยสมจริงเลย–“)

  2. เป็น 1 ในหนังที่ผมสบประมาท และไม่อยู่ในลิสต์ความสนใจของปีนี้มากเท่าไหร่ ตั้งแต่ตอนประกาศจะรีบู๊ทใหม่ … แต่พอเห็นแนวทาง ตย. การวางบทตัวละคร แล้ว มันทำให้น่าสนใจขึ้นมาได้ไงเนี่ยยยย
    ยิ่ง spidey ภาคนี้ ดูกวนๆมากๆ เหมือนหนังสือเด๊ะๆ ยิ่งได้รสชาติใหม่ใหญ่

  3. ลิซาร์ดในภาพนิ่งดูธรรมดา แต่พอเห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวมันก็ดูทรงพลังดีเหมือนกันนะ

  4. สิ่งที่น่าสนใจของ Amazing Spider – Man คือทีมสร้างทุกอย่างใหม่หมดยกเว้น คนเขียนบน Alvin Sargent จาก Spider-Man II ซึ่งเป็นภาคที่ยกระดับจากภาค 1 สูงมากและเป็นภาคที่ผมชื่นชอบมากเช่นกัน

    หากจะมาวิเคราะห์โครงเรื่องของ Spider-Man I-II-III หรือจักรวาล Comic จาก Amazing Spider-Man นั้น ผมพบว่าเรื่องราวหนีไม่พ้นจากการที่คนดีๆ คนหนึ่ง (ซึ่งเกี่ยวพันกับตัว Peter Parker) ต้องกลายร่างไปเป็นอสูรกายอะไรสักอย่าง ทำให้ตัวตนเดิมที่เคยมีอยู่ต้องพังทลายลง แน่นอนว่าตัวปีเตอร์เองก็เป็นเช่นนั้น เพียงแต่ความผิดพลาดทางวิทยาศาสตร์ของปีเตอร์กลับกลายมาเป็นพลังงานในด้านดี ซึ่งมาพร้อมกับความรับผิดชอบของวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่ง ที่ต้องแบกรับไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเหตุการณ์ที่ไม่ยอมจับโจรคนหนึ่ง (ทั้งๆ ที่สามารถจับได้สบายๆ) กลายมาเป็นโศกนาฏกรรมที่ทำให้ต้องสูญเสียลุงด้วยน้ำมือของเขาเอง ความรับผิดชอบหรือการลบล้างความผิดในใจจึงเกิดขึ้น นั่นคือที่มาของ Spider-Man

    สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างนั่นคือ หากดูจากตัวร้ายหลักในโลกของ Spider-Man เราจะพบว่าได้อิทธิพลมาจากตัวร้ายของนิยายมอนสเตอร์คลาสสิก เช่น
    1. Green Goblin มาจาก Dr. Jekyll and Mr. Hyde หรือบุคคล 2 บุคลิก
    2. Dr. Octopus มาจากแนวคิดของครึ่งคนครึ่งเครื่องจักร พวก Cyborg
    3. Lizard มาจากแนวคิดครึ่งคนครึ่งสัตว์ เช่น Fly, Creature from the Black Lagoon

    ดังนั้นการที่ Sam Raimi ผู้กำกับที่เวียนว่ายอยู่ในโลกของ Hero แนวสยองขวัญและเกรด B มานาน ไม่ว่าจะเป็น
    ชุด Evi Dead ไตรภาค
    Darkman
    The Gift

    มาช่วยตีความโลกของ Spider-Man ใบใหม่ที่ไม่เคยมีใครสำรวจมาก่อนไ้ด้อย่างมีเอกลักษณ์และเฉพาะตัว ฉากการกำเนิดสัตว์ประหลาดที่ดูน่ากลัวแบบหนังเกรด B ผนวกกับกับ CG แบบโลดโผน ช่วยยกระดับหนัง Super Hero อีกขั้นหนึ่ง
    ปล. ผมนับเฉพาะ ภาค I-II เพราะ ภาค III ผมไม่ชอบอย่างแรง ตัวละครเช่น Sandman กับ Venom ผมคิดว่ามันไม่เหมาะอย่างแรงกับการนำลงมาสู่แผ่นฟิล์ม ถึงแม้มันจะดูดีในฉบับ Comic

    คราวนี้ปัญหาน่าจะอยู่การตีความใหม่ของ The Amazing Spider-Man โดยมือเขียนบทจากชุดก่อนว่าจะมีลายเส้นเฉพาะตัวเช่นไร และทิศทางจะวิ่งไปสู่จุดไหน
    สิ่งที่ผมเห็นคร่าวๆ จาก Trailer นั้น ทิศทางของตัว Peter Parker ดูไม่ใช่ Under Dog แบบ โทบี้ แมกไกว ปมหลักน่าเกี่ยวพันกับการตามหาพ่อและประติดประต่ออดีตที่สูญหาย สู่ความลับบางอย่างที่ต้องแบบไว้ ดังนั้น ลุงกับป้าเป็นเพียง Back Up ถ้าให้ผมนึกแบบเร็วๆ ก็น่าจะคล้ายคลึงกับโครงเรื่องของ Big Fish หรือ Tron ที่ตัวละครผู้เป็นลูกออกตามหาพ่อแล้วไปพบเจอโลกที่ถูกซ่อนไว้
    ผมยังไม่อยากด่วนสรุปกับ Trailer ที่ปล่อยเอามานัก แต่ต้องกล่าวเสียไม่ได้ว่าภาพของ Raimi ที่ได้วาดไว้มันสลัดออกจากหัวผมไม่ได้จริงๆ (ไม่นับรวมภาค III เพราะจริงๆ ผมฝันไว้ว่ามันต้องเป็นภาคปิดฉาก โดยตัวละครของ Dr. Curt Connors (Lizard) นี่แหละ เสียดายที่ Sam และ Ivan ผู้เป็นพี่ช่วยกันเขียนได้เละตุ้มเป๊ะ เสียได้)

    สุดท้ายก็ต้องไปพิสูจน์เอาในโรงภาพยนตร์อีกทีหนึ่ง หวังว่ามันจะสามารถเปลี่ยนเส้นทางได้อย่างเป็นตัวของตัวเองเช่นเดียวกับ Batman Begins เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว กระแสลบจะกระหน่ำแบบเท่าตัว ด้วยคำกล่าวที่ว่า “ไม่รู้จะรีบูทไปทำไม”

  5. ชอบ มาร์คเว็บ ชอบ แอนดรู การ์ฟิล์ ชอบ เอ็มม่า สโตน และที่สำคัญ สไปเดอะแมน คือซุเปอร์ฮีโร่ที่ผมรักเป็นอันดับ 1 เพราะฉะนั้น ผมไม่พลาดแน่ๆๆ

Leave a Reply to k.aceCancel reply