JEDIYUTH’s Review: Puss in Boots

ถึงคราวเจ้าแมวสีส้มใส่รองเท้าบู้ทออกโรงฉายเดี่ยว

Puss in Boots แมวตัวสีส้มจอมเจ้าเล่ห์ผู้ใส่รองเท้าบู้ท มีมาดดุจดอนฮวน และมีแววตาออดอ้อนเป็นท่าไม้ตายปรากฏกายครั้งแรกในหนัง Shrek 2 เมื่อปี 2004 มันไม่เพียงขโมยซีนจากตัวเอกอย่างชเร็กและเจ้าลาดองกี้ แต่ยังขโมยหัวใจคนดูไปมากมายจนทำให้มันกลายเป็นตัวละครแมวที่โดดเด่นแห่งยุค เคียงคู่ตัวการ์ตูนแมวตัวอื่นๆ จนทำให้ให้ดรีมเวิร์คส์ อนิเมชั่น บริษัทผู้สร้างหนังชุดนี้ตัดสินใจสร้างภาคแยกให้แก่มันขึ้นมา แล้วผลลัพธ์ที่ได้ก็กลายเป็นหนังที่เล่าเรื่องได้อย่างสนุก มีมุขตลกโดนใจ ใส่ดนตรีประกอบได้เก๋ สร้างตัวละครที่มีเสน่ห์น่าจดจำไปอีกนาน

เดิมทีดรีมเวิร์คส์ตัดสินใจสร้าง Puss in Boots เป็นภาคแยกที่ส่งตรงลงดีวีดี เพื่อหาเงินแบบฉับไวเอาจากแฟนคลับของตัวละครนี้ แต่โชคดีที่พวกเขาเปลี่ยนแผนการตลาดใหม่ ตัดสินใจสร้างเป็นหนังเรื่องยาวในระบบสามมิติ ให้คริส มิลเลอร์ จาก Shrek the Third มารับหน้าที่กำกับ ให้ทอม วีลเลอร์, เดวิด เอช สไตเบิร์ก และ ไบรอัน ลินช์ มาเขียนบท และยังจ้างเกียลเลอโม เดล ทอรโร มารับหน้าที่อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารด้วย นับว่าไม่เสียแรงที่ระดมกันมาขนาดนี้จริงๆ ครับ เพราะพวกเขาทำให้เจ้าแมวในรองเท้าบู้ทตัวนี้กลายเป็นดาราเหมียวระดับโลกตัวใหม่ที่มีศักยภาพที่ให้มีภาคต่อออกมาได้อีกอย่างสบาย

เนื้อเรื่องใน Puss in Boots ถูกวางให้เป็นเหตุการณ์ก่อนหน้าที่พุซจะไปปรากฏตัวใน Shrek 2 บอกเล่าที่มาที่ไปของมันว่าทำไมกลายเป็นแมวมหาโจรได้ โดยที่เนื้อเรื่องไม่ได้คาบเกี่ยวหรือมีตัวละครจาก Sherk มาปรากฏเลย เพียงแต่ตั้งอยู่ในโลกเดียวกันที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์และตัวละครจากเทพนิยาย และขณะที่ Shrek เน้นไปในทางหนังตลกที่การล้อเลียนเทพนิยายและวัฒนธรรมสมัยนิยม แต่ Puss in Boots มีโทนเป็นหนังการ์ตูนบู๊ผจญภัยมากกว่า และเติมเสน่ห์ให้หนังด้วยมุขตลกล้อเลียนนิสัยแมวที่คนรักแมวอาจจะชอบมากขึ้นเป็นพิเศษ บางมุขตลกก็อดทำให้นึกถึงหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องเจ้าเหมียวไมเคิลไม่ได้จริงๆ

แอนโตนิโอ แบนเดอราส กลับมาให้เสียงตัวละครพุซอีกครั้ง และบอกเล่าเรื่องราวของตำนานไปด้วย พุซเป็นตัวละครที่นิยมดื่มนมต่างเหล้า จอมโจรดาบไวผู้มีค่าหัว ไม่ยอมปล้นหญิงชราและเด็กกำพร้า แต่ขโมยของมีค่าจากโจรห้าร้อยด้วยกัน หลังจากรู้ว่าแจ็ค (บิลลี่ บ็อบ ธอร์นตัน) กับจิล (เอมี่ ซีดาริส) สองผัวเมียโจรจอมโฉด ได้ครอบครองถั่ววิเศษที่จะพาไปยังปราสาทบนท้องฟ้าที่พำนักของห่านไข่ทองคำ พุซไม่รีรอที่จะออกปฏิบัติภารกิจโจรกรรม แต่ก็พุซถูกขัดขวางจากคิตตี้ (เซลมา ฮาเย็ค) นางแมวหัวขโมยที่หมายฉกถั่ววิเศษเหมือนกัน แล้วก็รู้ความจริงในเวลาต่อมาว่าเธอทำงานให้ฮัมฟี่ดัมป์ตี้ (แซ็ค กาลิเฟียนากีส) มนุษย์ไข่ อดีตเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดผู้ที่เติบโตมาด้วยกันในบ้านเด็กกำพร้า แล้วเป็นต้นเหตุให้พุซกลายเป็นผู้ร้ายมีค่าหัวและถูกทางการไล่ล่า

หลังจากปรับความเข้าใจ ทั้งสามออกเดินทางไปด้วยแผนการอันแยบยลเพื่อขโมยถั่ววิเศษและใช้มันปลูกเพื่อพาขึ้นสู่ปราสาทเหนือเมฆาอันเป็นที่พำนักของห่านไข่ทองคำ นำพาไปสู่เรื่องราวการผจญภัยอันตื่นเต้น น่ารัก และฮา แล้วตามด้วยเรื่องราวอันพลิกผันไปมา แต่ไม่ยากจนตามไม่ทัน

เนื้อเรื่องของหนังเป็นแนวคล้ายหนังผจญภัยตามหาสมบัติทั่วไปครับ แต่ทีมเขียนบทสร้างความพิเศษให้แก่หนังตรงที่มีการใส่ความซับซ้อนเข้าไปในตัวละคร ใส่ที่มาที่ไปและปูความสัมพันธ์โดยเฉพาะระหว่างพุซกับฮัมฟี่ดัมตี้ที่เมื่อถึงช่วงท้ายของหนังได้คลี่คลายไปในทิศทางที่สร้างความสะเทือนใจได้ ตัวละครผู้ร้ายอย่างแจ็คกับจิลที่ดูโหดโฉดชั่วอยู่ตลอดเวลา ผู้เขียนบทก็ยังเติมเสน่ห์อันน่ารักเข้าไปให้ตัวละครคู่นี้เวลาที่อยู่ด้วยกันแล้วคุยกันกะหนุงกะหนิง ตัวละครคิตตี้เองก็ถูกสร้างขึ้นมาให้มีเล่ห์เหลี่ยมและเก่งทัดเทียมจนเป็นคู่ที่เหมาะสมแก่พุซ

ฉากและลายเส้นของ Puss in Boots อาจไม่วิจิตรและอลังการแบบ Kung Fu Panda 2 ผลงานที่ฉายเมื่อกลางปีนี้ของดรีมเวิร์คส์ แต่หนังก็มีการใช้เทคนิคสามมิติที่ดีกว่า มีบางฉากที่น่าตื่นเต้นเป็นพิเศษเพราะการได้สามมิติมาช่วย เช่นฉากที่พุซกับคิตตี้วิ่งไล่กันไปตามหลังคา และฉากตอนเกาะต้นถั่วขึ้นไปบนท้องฟ้า และการใช้สามมิติก็ไม่ทำให้เกิดอารมณ์สะดุดระหว่างรับชมเลย กลับสอดรับไปกับการเล่าเรื่องและกลมกลืนจนเราแทบไม่ทันสังเกตเห็น

ดนตรีประกอบก็มีเฮนรี แจ็คสัน ก็เป็นส่วนเสริมสำคัญให้เรื่องราวสนุกขึ้น นอกจากช่วยสร้างอารมณ์ร่วมแล้วก็ยังกลายเป็นมุขตลกสำคัญในหนังที่ทำให้คุณฮาลั่นได้ นักแสดงที่มีให้เสียงตัวละครก็กลืนไปกับตัวละครได้ดีจนเราแทบไม่รู้สึกเลยว่าเป็นใครที่กำลังพากย์อยู่

อนิเมชั่นจากค่ายดรีมส์เวิร์คส์อาจจะยังวนเวียนอยู่กับตัวละครสัตว์พูดได้เป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ค่ายคู่แข่งอย่างพิกซาร์มีการพัฒนาเนื้อเรื่องไปไกลกว่านั้น มีตัวละครที่หลากหลายกว่านั้น และกล้าเสี่ยงกว่า แต่กระนั้นดรีมเวิร์คส์ก็ทำให้ตัวละครสัตว์พูดได้ของพวกเขาเป็นจุดแข็งสำคัญด้วยการสร้างตัวละครที่มีเสน่ห์ จดจำง่าย และใส่เนื้อเรื่องแนวผจญภัยแฝงคติธรรมได้อย่างสนุกและกลมกล่อม พวกเขาอาจถูกค่อนขอดว่ายังคงทำอนิเมชั่นแนวเดิมๆ แต่พวกเขาก็พัฒนาแนวเดิมๆ นี้ให้มีความแตกต่างในรายละเอียดและสร้างความบันเทิงให้ผู้ชมได้ในระดับที่ดี

คะแนน: 8/10

ข้อมูลเบื้องต้น
Puss in Boots
บริษัทผู้สร้าง: ดรีมเวิร์คส์ อนิเมชั่น
บริษัทจัดจำหน่ายในไทย: ยูไอพี
วันฉายในไทย: 1 ธันวาคม 2554
ผู้กำกับ: คริส มิลเลอร์
นักแสดง: แอนโตนิโอ แบนเดอราส, เซลมา ฮาเย็ค, แซ็ค กาลิเฟียนากีส, บิลลี่ บ็อบ ธอร์นตัน และ เอมี่ เซดาริส
เว็บไซต์ทางการ: http://www.pussinbootsthemovie.com/

3 comments

  1. เห็นด้วยครับ ตอนแรกที่ได้ข่าวว่า สร้างภาคแยกให้กับ พุช
    ผมยังคิดว่าคงไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ผู้สร้าง ใส่มิติของตัวละคร ปมของตัวละครแต่ละตัว ทำให้
    รู้สึกคล้อยตาม ราวกับว่า นี่ไม่ใช่การเอาตัวละคร จากเรื่องดังๆเรื่องนึงมา หากินเลย
    แต่เหมือนเป็นการให้กำเนิดตัวละคร ใหม่ เลยก็ว่าได้
    สนุกครับ ไปดูในโรงมา คิดว่าไม่น่าคุ้ม แต่ก็สนุกและคุ้มเกินคาดด

    ปล. ตอนแรกคิดว่าไม่น่ามีอะไรแต่ทำไมไปดูในโรงอะเหรอครับ เพราะมันมีสองเรื่องให้เลือก
    พุชกับ แวมไพร์ แบบ เอียนแวมไพร์อ่ะครับ กลวงๆ ยังไงไม่รุ วนเวียนแต่เรื่องเดิมๆเลยขอเสี่ยงกับพุชดีก่า
    แล้วก็รู้ว่า ไม่ผิดหวัง

Leave a Reply