รายได้หนังในสหรัฐช่วงวันหยุดคริสต์มาส Mission: Impossible 4 และ War Horse มาแรง

แม้ว่าตัวเลขรายได้ของหนัง Mission: Impossible – Ghost Protocol จะออกมาน่าเสียวไส้ในช่วงวันคริสต์มาส เพราะทำรายได้วันที่ 24-25 ธันวาคม ไปเพียง 29.5 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่รายได้ของหนังก็กระเตื้องขึ้นหลังจากนั้นจนมีรายได้ 4 วันติดต่อกันในช่วงวันหยุดคริสต์มาสอยู่ที่ 46.2 ล้านเหรียญ กลายเป็นตัวเลขรายได้ที่อยู่ในเกณฑ์ดี ทำให้หนังมีรายได้ในบ้านตอนนี้อยู่ที่ 78.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นรายได้เปิดตัวที่น้อยกว่าภาคสาม แต่นั่นเพราะภาคสามเปิดตัวในช่วงซัมเมอร์ และด้วยคะแนนที่ผู้ชมให้หนังนั้นค่อนข้างสูง วงในวิเคราะห์กันว่าหนังน่าจะทำรายได้สุดท้ายในบ้านมากกว่าภาคสาม และอาจมากกว่าภาคแรกที่ทำไป 180 ล้านเหรียญสหรัฐด้วยครับ นี่ยังไม่รวมกับอีก 140 ล้านเหรียญจากรายได้ในตลาดนอกสหรัฐด้วย

หนังภาคต่อ Sherlock Holmes: A Game of Shadows ซึ่งเปิดตัวเป็นที่หนึ่งในสัปดาห์ที่แล้วได้ตกมาอยู่ในอันดับสองของสัปดาห์นี้โดยทำไปได้ 31.8 ล้านเหรียญ มียอดรวมในบ้านตอนนี้อยู่ที่ราว 90.6 ล้านเหรียญ จากการฉาย 11 วัน หนังยังไม่ได้เปิดตัวในตลาดต่างประเทศแบบเต็มตัวทำให้ยังไม่มีรายได้ในส่วนนั้นออกมา และแม้ว่าหนังจะได้รับคำวิจารณ์ว่าสู้ภาคแรกไม่ได้ แต่จากรายได้ขณะนี้ก็น่าจะทำให้หนังหมดห่วงว่าจะขาดทุนได้แล้ว เช่นเดียวกับ Alvin and the Chipmunks: Chipwrecked ก็หมดห่วงว่าจะขาดทุนได้ เพราะทำรายได้ไปอีก 20 ล้านเหรียญสหรัฐ และยอดรวมตอนนี้อยู่ที่ราว 57 ล้านเหรียญจากการฉายในบ้าน แม้ว่ารายได้สุดท้ายของหนังอาจไม่มากเท่าภาคก่อนหน้านี้ก็ตาม

แต่ที่น่าแปลกใจที่สุดก็คงเป็นหนัง War Horse ของผู้กำกับสตีเวน สปีลเบิร์ก ที่แม้ว่าจะเป็นหนังสำหรับคนดูผู้ใหญ่ และเปิดตัวช้ากว่าเรื่องอื่นด้วยการเปิดฉายในวันอาทิตย์ หนังก็ยังทำเงินรวม 2 วัน ไปถึง 15 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้มาอยู่ในอันดับ 4 ของสรุปรายได้หนังช่วงวันหยุดคริสต์มาสนี้ ด้วยรายได้ที่ดีขนาดนี้บวกกับคำวิจารณ์ที่ค่อนข้างดีด้วยแล้ว ทำให้ War Horse มีอนาคตสดใสมากขึ้นบนเวทีออสการ์ปีหน้ามาก

ที่เหลือจากนั้น ดูจะน่าผิดหวังครับ ทั้ง The Girl with the Dragon Tattoo ของผู้กำกับเดวิด ฟินเชอร์, The Adventures of Tintin ของสปีลเบิร์กอีกเรื่องที่ฉายพร้อมกันในช่วงนี้ และ We Bought a Zoo ของผู้กำกับคาเมรอน โครว์ ทำรายได้ไปเพียง 19.1 ล้านเหรียญ, 16.1 ล้านเหรียญ และ 15.6 ล้านเหรียญ อยู่ในอันดับ 4, 5 และ 6 ตามลำดับ แต่ในกรณีของ Tintin นั้นเป็นที่เข้าใจและคาดการณ์เอาไว้แล้วเพราะตัวละครเป็นที่โด่งดังนอกสหรัฐมากกว่า และหนังก็ทำรายได้ในตลาดโลกไปแล้วถึง 239 ล้านเหรียญ รายได้ของหนังที่หกวันรวมกันเพียง 24 ล้านเหรียญสหรัฐ จึงเหมือนเป็นโบนัสให้แก่หนัง

หนังใหม่อีกเรื่องที่เปิดตัวในสัปดาห์นี้ และก็คาดกันว่าจะทำรายได้ไม่มากก็คือ The Darkest Hour โดยเปิดตัวด้วยรายได้ 4 วันไปแค่ 5.5 ล้านเหรียญสหรัฐ มาอยู่ในอันดับ 8 บนตารางหนังทำเงิน หนังได้รับคำวิจารณ์ด้านลบค่อนข้างมากทั้งจากนักวิจารณ์และคนดูเอง หนังมีความเห็นด้านบวกจากนักวิจารณ์เพียง 21% และมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 3/10 จากการประเมินของ Rotten Tomatoes ขณะที่คะแนนจากคนดูโดย Cinemascore ให้หนังได้เกรด C+

ส่วนอันดับ 9 ของอันดับหนังทำเงินช่วงวันหยุดคริสต์มาสปีนี้เป็นของหนังที่ฉายมา 2-3 สัปดาห์แล้ว นั่นก็คือ New Year’s Eve ที่ทำเงินในสัปดาห์นี้ไปอีก 5 ล้าน รวมแล้วเป็น 34 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการฉาย 3 สัปดาห์ ซึ่งยังคงทำรายได้ไม่ถึง 54 ล้านเหรียญที่เป็นต้นทุนสร้างหนัง และอันดับ 10 เป็นของหนังที่มีกลุ่มคนดูเป็นผู้ใหญ่และนำแสดงโดยจอร์จ คลูนี่ย์ เรื่อง The Descendants ทำรายได้ไปอีก 3.4 ล้านเหรียญสหรัฐ มีรายได้รวมจากการฉายมา 6 สัปดาห์อยู่ที่ 33.7 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าน่าประทับใจถ้าวัดจากจำนวนโรงฉายเพียง 813 โรง

ที่มา: Boxofficemojo

4 comments

  1. นี่ยังไม่รวมสุดสัปดาห์ขึ้นปีใหม่ที่จะมาอีก ผมว่าทำรายรับกันบานล่ะคับ รับทรัพย์สบายๆ จะเสียดายที่สาวรอยสักมังกรกะ Tin Tin มาก ที่หนังดี แต่ไม่ดึงดูดคนดูเลยจริงๆ(ยิ่ง Tin Tin คงต้องพึ่งนอกสหรัฐเป็นหลัก)

  2. brad bird ยังคงกำกับ มิชชั่นในสไตล์แบบ อนิเมชั่นอยู่มันจึงทำให้ โกสต์ โพโตคอล นั้นดูมีลูกเล่นที่แปลกกว่าภาคอื่่น และทำให้ผมนึกถึง The Incredibles เพราะในความมันส์ของหนังยังมีความฮาอยู่ในหนังเรื่องนี้ด้วย ทำให้ภาคนี้ค่อนข้างสมบรูณ์แบบ

  3. เรื่องที่น่าเจ็บใจที่สุดคงเป็น Hugo หนังสามมิติที่เค้าว่ากันว่าดีที่สุด ติดอันดับหนังยอดเยี่ยมทุกสถาบัน เป็นหนังที่มาถูกเวลาช่วงเทศกาลครอบครัว ที่ต้องการหนังสำหรับทุกคน และสร้างความประทับใจ แต่ทำไมรายได้กลับสวนทาง กระแสปากต่อปาก หรือการคว้ารางวัล ไม่ได้ช่วยให้รายได้กระเตื้องขึ้นเลย และตอนนี้ก็หลุดจาก Top 10 ไปแล้วด้วย T-T

Leave a Reply to english_rabbitCancel reply