The Thing (2011): ความเห็นหลังชม

The Thing ฉบับปี 2011 เข้าฉายบ้านเราในสุดสัปดาห์นี้ หลังจากเข้าฉายในสหรัฐตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รายได้ในสหรัฐนั้นเปิดตัวได้ไม่ค่อยสวย บ้านเราน่าจะดีเพราะแทบไม่มีหนังใหม่เข้าฉายในสุดสัปดาห์นี้เลยครับ

สำหรับความเห็นจากนักวิจารณ์ในสหรัฐโดยรวมก็ไปในทางลบเสียส่วนใหญ่ครับ มีเปอร์เซ็นต์คำวิจารณ์ด้านบวกเพียง 30% จากการประเมินของ Rotten Tomatoes  และได้ 31/100 จากการประเมินคะแนนนักวิจารณ์ของ Metacitic ส่วนคะแนนจากคนดูนั้นอยู่ในเกณฑ์ปานกลางครับ ดูได้จากสมาชิก IMDB ที่โหวตให้คะแนนหนังตอนนี้อยู่ที่ 6.6/10

อย่างไรก็ดี หากเทียบกับฉบับของจอห์น คาร์เพนเตอร์ แล้ว คะแนนก็อยู่ห่างกันเยอะมาก คะแนนจากนักวิจารณ์โดยการประเมินของ Rotten Tomatoes หนังได้คำวิจารณ์ด้านบวกถึง 78% ส่วนคนดูที่เข้ามาโหวตใน IMDB ก็ให้คะแนนถึง 8.2/10 ครับ

ส่วนผมคิดว่า The Thing ฉบับนี้ก็ถือว่าเป็นหนังอสุรกายสยองขวัญที่โอเคครับ แต่ก็เป็นหนังอสุรกายธรรมดาๆ เรื่องหนึ่ง ไม่สามารถสร้างความโดดเด่นแปลกใหม่อะไรให้ต่างจากเดิมหรือหนังเรื่องอื่นๆ ได้ ในแบบที่คาร์เพนเตอร์รีเมก The Thing แล้วทำให้แตกต่างจากของเก่าปี 1951 ได้อย่างเข้าท่า สาเหตุหลักเลยก็คือผู้สร้างวางทิศทางของหนังผิดพลาด หนังน่าจะดูดีกว่านี้ถ้าไม่ใช่เนื้อเรื่องที่คล้ายกันกับของคาร์เพนเตอร์ แต่ยังคงอารมณ์หวาดระแวง เขย่าขวัญ และลึกลับแบบที่คาร์เพนเตอร์ทำไว้ ผมให้หนัง 6/10 คะแนนครับ คลิกอ่านวิจารณ์ได้ที่นี่

แล้วเพื่อนๆ คิดยังไงกับหนังเรื่องนี้และให้คะแนนกันที่เท่าไหร่ครับ

9 comments

    • Sam โดนกลืนเป็นเอเลี่ยนไปแล้วตอนจะเข้าไปช่วย Kate (นางเอก) ในยานนั้นแหละครับ.
      คือตัว Kate โชดดีที่จำตุ่มหูที่อยู่ตรงหูของ Sam ได้พอดีไม่งั้นก็คงโดยกลืนไปแล้วเหมือนกัน.
      ถ้าผมไม่เข้าใจผิดน่ะ ถ้า DVD ออกคงเก็บไว้อีกเรื่องเพราะมีภาคแรกแล้ว อิอิอิ

  1. ผมว่าเป็นหนังที่สนุกมากนะครับ สำหรับคนที่ไม่รู้จักเลยกับหนังภาคแรก แต่ถ้าคนเคยดูมา(เช่นผม) ต้องบอกว่า หนังมันห่างชั้นเยอะครับ ออกจะย่ำรอยทางภาคแรกอยู่มาก แต่ไม่ทั้งหมด อีกทั้งความไฮของเทคนิคภาพเอฟเฟกต์ก็ดึงอารมณ์สยองได้ดี แต่น่ากลัวได้ไม่เท่าเมคอัพเอฟเฟกต์ของภาคแรกครับ แต่ผมชอบนะ เป็นหนังที่อย่างน้อยก็มีดีมากกว่าหนังฆาตกรไล่ฆ่าที่มีกันให้เกลื่อนครับ

  2. The Thing ฉบับ 2011 ภาคก่อนหน้าภาคเก่า (1982) แล้ว บอกต​รงๆว่าหนังใช้ได้เลยต่อเนื่องกั​บของเก่าได้อย่างสนิท…!! ถึงยังไงความสยองก็ยังไม่สามารถสู้ภาคเก่าได้ แต่ความกดดันของหนังยังคงทำได้ดีพอๆกับภาคแรก ผมมองว่ามันคือการขยายควานของเชื้อต่างดาวตัวนี้มากกว่า เลยขุดเอาหนังเรื่อง The Thing (1982) ที่ Kurt Russell เล่นมาชมอีกครั้งหลังจากดูฉบับ 2011 ไปแล้วผลที่ออกมาคือ อึ้ง ในรอยตรงของหนังทั้ง 2 ภาค ผมให้ 7/10 และถ้าเพื่อนๆที่มี PC ลองหาเกม The Thing (video game) มาเล่นด้วยก็ได้ครับเพราะเนื้อเรื่องจะต่อเนื่องกับภาค 1982 เลย.

    คลิปฉากจบของเกมครับ ในตอนท้ายคนที่มาช่วยก็คือ…!!

  3. ผมว่าจริงๆแล้วสาเหตุที่หนังไม่ทำเงิน นอกจากที่ไม่มีอะไรแปลกใหม่แล้ว น่าจะเป็นเพราะไม่จำเป็นต้องมีภาคนี้ด้วย เพราะ plot เรื่องหนังแนวนี้ยังไงคนดูก็เดาทิศทางได้หมดและของเก่าถือเป็น classic horror sci-fi film ที่สมบูรณ์แบบในตัวเองแล้ว หนังเรื่องนั้นตอนดูครั้งแรกทั้งหวาดกลัวและลุ้นระทึก และสามารถดูได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก กลายเป็นว่าเดี๋ยวนี้วงการฮอลลีวู้ดหมดไอเดีย มัวแต่หากินกับของเก่า ในอนาคตหนังยุคนี้จะมีซักกี่เรื่องที่กลายเป็นหนัง classic ได้

  4. ผมคิดเหมือนคุณ Jediyuth หนังสนุก แต่ดันดำเนินเรื่องเหมือน 1982 เด๊ะๆ เลย เปลี่ยนนิดๆหน่อยๆ ยังกะ Remake เลย ทั้งๆที่เป็นภาคก่อนหน้า น่าจะทำอะไรให้ต่างกว่านี้

  5. คิดเหมือนกันครับ คือตอนแรกได้ยินว่าจะเป็น Remake แต่กลับกลายเป็น Prequel ที่ทำออกมาดำเนินรอยตามภาคก่อนเป๊ะ แถมแย่กว่าตรงที่ไม่มีฉากไหนตรึงใจได้อย่างฉากหยดเลือดทดสอบเสียอีก

    เพื่อนผมไม่เคยดูภาคแรก ก็คิดตรงกันว่ามันก็พอดูได้นะ สนุกเพลินๆ ไมไ่ด้ติดใจอะไร แต่เราสองคนแอบเซ็งตรงที่หนังรวบรัดมากไปนิด อยากจะมีช่วง “ไม่ไว้วางใจ” กันมากกว่านี้อีกหน่อย นี่กำลังจะไม่ไว้ใจอยู่เชียว อ้าว เอเลี่ยนพรวดออกมาซะละ เหมือนกับเล่นซ่อนหาแล้วอดใจไม่ไหว ต้องวิ่งออกมาให้เค้าหาเจอนั่นแหละครับ ^^”

    • หลังจากที่ดู The Thing 2011 The Thing 1982 และ The Thing (video game) ผมคิดว่า พวกต่างดาวพวกนี้..จริงๆแล้วมันคือไวรัสจากอวกาศครับ. โดยไวรัสต่างดาวพวกนี้ จะกัดกินร่างกายของเหยื่อจนหมดสี้นแล้ว เลียนแบบร่างของเหยื่อ…เพื่อที่จะไปกลืนร่างใหม่ต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งพวกมันจะสร้างเซลและมีความทรงจำของเหยื่อไว้ในระดับนึง เมื่อทีเผลอ…รึไม่ทันตั้งตัว พวกมันก็จะกลายร่างแล้วเข้ากัดกินเหยื่อในทันที นั้นก็แปลว่ายานที่ตกมาที่โลกก็คงเป็นยานที่พวกต่างดาวโดนไวรัสพวกนี้จัดการไปหมดแล้ว พวกมันถึงไม่ฉลาดเท่าไรเท่าที่สังเกตดู ที่ผมอธิบายไปนั้นเป็นความคิดเห็นของผมเองน่ะครับ.

  6. ดูแล้วผมก็รู้สึกว่า มันเดินตามรอยเก่ามากเกินไป ไอ้ตรงรอยต่อของภาคเดิมกับภาคนี้เชื่อมกันได้ดี แต่ว่ามันก็น่าจะแตกความคิดสร้างสรรค์ออกไปได้มากกว่านี้ ตอนแรกๆ เสียเวลากับรายละิเอียดการพบเจอ การรวมตัวนักแสดงมากเกินไปจนดูอืด แต่พอเอเลี่ยนออก จังหวะการออกมันก็กระชับเิกินไป ก็ลุ้นตื่นเต้น แต่มันไม่ติดตาตรึงใจเหมือนต้นฉบับอ่ะครับ จังหวะมันเหมือนว่าจะได้แต่ไม่ได้ แป๊บบบเดียว ดูดกลืนกันไปเรียบร้อย เร็วมาก หรือว่าผมไปติดภาพของต้นฉบับมากเกินไปก็ไม่รู้ แล้วตอนจบก็สงสัยว่านางเอกหายไปไหนครับ ขับรถหายไปเลย มีตาลุงคนนึงโผล่มาขึ้นคอปเตอร์ไล่ล่าหมา แล้วคอปเตอร์มันมาไงอ่ะครับ ดูไม่ทันว่าใครเรียกมา นางเอกเล่นเหมือนคนมีอาการทางจิตเลยครับ ดูแข็งๆ กลัวๆ เกร็งๆ ไม่ค่อยเหมือนคนเก่งด้านชีววิทยา หรือวิทยาศาสตร์เลย แล้วตอนที่เผาพระเอกอ่ะ มันเป็นจุดผิดพลาดของคนคิดบทหรือเปล่าว่า เอเลี่ยนมันก๊อปปี้ได้แม้แต่ความทรงจำนะ คือพอมันก็อปปี้เสร็จ มันจำได้ว่าใครชื่ออะไร มันเรียกชื่อเพื่อนในกลุ่มถูก ทำตัวเนียนเป๊ะๆ แล้วทำไม พระเอกจึงจำไม่ได้หล่ะว่าตัวเองใส่ตุ้มหูข้างไหน ใช่ป่ะ ทำไมจับผิดข้างหล่ะ แล้วเอเลี่ยนเป็นเชื้ออะไรซักอย่างก็อปปี้สิ่งมีชีวิต ทำไมขับยานมาตกที่นี่ สร้างยานเลิศได้ขนาดนี้เชียวหรอ หรือก็อปปี้เอเลี่ยนนอกโลกมาแล้วกินกันเองแล้วยานมาตกในโลกหว่า? ฉากยานอวกาศ ทำได้ดีนะ ดูอลังการงานสร้างแต่ทำไม มีฉายออกมาไม่เยอะ ทำ CG ซะตระการตา แต่ออกมาแค่นี้ เสียดายตังค์นะเนี่ย ไม่ได้อยากจับผิดหนังนะครับ แต่ว่ามันยังรู้สึกอะไรๆ ที่แหม่งๆ ในหลายๆ จุด แต่ดูรวมๆ แล้ว โอเค เลย ถ้า DVD ออกก็จะหาซื้อมาเก็บไว้เหมือนกันครับ

Leave a Reply to TeenoiTomCancel reply