ผู้กำกับรูเพิร์ต ไวแอ็ตต์ วางแนวคิดเนื้อเรื่องภาคต่อ Rise of the Planet of the Apes ไว้แล้ว
หนัง Rise of the Planet of the Apes ที่เป็นการยกเครื่องใหม่ให้ “พิภพวานร” ได้รับการยอมรับในแง่ที่ค่อนข้างดีจากทั้งนักวิจารณ์ และนักดูหนังครับ ในฝั่งของนักวิจารณ์นั้นก็คะแนนดีมากๆ ทีเดียว วัดได้จากการประเมินของ Rotten Tomatoes ที่คะแนนรวมของหนัง 7.2/10 และมีนักวิจารณ์ชอบถึง 83% จาก 199 บทวิจารณ์ ขณะที่ทำก็เปิดตัวในสัปดาห์แรกในสหรัฐถึง 54 ล้านเหรียญ เกินกว่าที่นักวิเคราะห์และสตูดิโอคาดไว้ว่าน่าจะได้ราวๆ 40 ล้านเหรียญครับ และล่าสุดในสัปดาห์นี้ รายได้วันศุกร์ของหนังยังเหนือกว่าหนังเข้าใหม่ทั้ง 4 เรื่อง อีกนิดหน่อยด้วยครับ
ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จครั้งนี้คนสำคัญก็คือผู้กำกับรูเพิร์ต ไวแอ็ตต์ และหนังเรื่องนี้อาจเป็นการแจ้งเกิดให้เขาเลยทีเดียว และไวแอ็ตต์ก็หใความเห็นเกี่ยวกับเนื้อเรื่องของภาคต่อเอาไว้แก่เว็บไซต์ Bleeding Cool ซึ่งขอเตือนก่อนว่าเหมาะสำหรับผู้ที่ชมหนังแล้วเท่านั้น มีการเผยเนื้อเรื่องสำคัญ จึงไม่ควรอ่านหากคุณยังไม่ได้ชมหนังครับ
ไวแอตต์บอกว่าเนื้อเรื่องที่เขาวางแนวคิดไว้นั้นจะออกไปในทาง Full Metal Jacket หนังคลาสสิคของผู้กำกับสแตนลี่ คูบริค ผสมมนุษย์วานร “เราเริ่มต้นเรื่องราวนี้ใหม่อีกครั้งใน 8 ปี หลังจากที่เราทิ้งไว้ในตอนจบ เป็นวานรรุ่นใหม่ เป็นพวกที่เกิดจากตัวเอกของเรา อาจมีปมขัดแย้งกับมนุษย์ และแสดงให้เห็นถึงความกลัวอย่างแท้จริงในกรณีเดียวกับสงครามที่เกิดขึ้นสำหรับทหารหนุ่มสาวของยุคนี้และวัยนี้ มาบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขา”
ไวแอ็ตต์เสริมด้วยว่าหนังอาจมีองค์ประกอบของหนังสายลับเข้ามาด้วย “วานรยึดครองเมืองใหญ่ และย้ายเข้าสู่สิ่งแวดล้อมของมนุษย์ และมีปฏิกิริยาต่อกัน และรับมือกับสิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งกับวัฒนธรรมของเรา และเข้าใจและมีวิวัฒนาการผ่านสิ่งเหล่านี้ มีการใช้สายลับของเหล่าวานร ทำงานเป็นปรปักษ์กับมนุษย์ และมนุษย์อาจต้องไปอยู่ใต้ดิน เพื่อหนีไวรัส เมื่อมาบนพื้นดินก็ต้องสวมหน้ากากกันพิษ และนั่นอาจเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์รู้สึกว่าเป็นมนุษย์น้อยลง”
ฟังสิ่งที่ไวแอ็ตต์พูด ผมให้ความรู้สึกว่าหนังจะเป็น X-Men ผสมกับ 12 Monkeys ครับ
ผมก็ชอบครับเรื่องนี้ บทหนังเขียนค่อนข้างดีทีเดียว แต่ยังสงสัยว่าจะเชื่อมต่อกับภาคแรกให้ได้สนิทยังไง เพราะภาคแรกนั้นบอกว่าสังคมมนุษย์ถูกทำลายไปเนื่องจากมนุษย์ทำขึ้นเอง (จากซากปรักพังของเทพีเสรีภาพ น่าจะเป็นผลพวงของการทำลายล้างที่ไม่ใช่ไวรัส) และวานรก็กลายเป็นเผ่าพันธ์เข้ามาแทนที่ โดยสร้างเมืองและสังคมของตัวเองขึ้นใหม่ ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวและยึดครองเมืองของมนุษย์..หรืออาจมีต่ออีกหลายภาคก่อนเชื่อมต่อกับภาคแรกสุด
ผมคิดว่า Rise of the Planet of the Apes ได้สร้างวัตถุดิบชั้นดีที่มีคุณภาพมากพอจากสร้างเฟรนด์ไชลด์ในลักษณะเดียวกับ The Dark Knight ได้เลยนะครับ เพราะประเด็นเกียวกับสิทธิเสรีภาพของสัตว์กับมนุษย์เป็นประเด็นที่น่าสนใจทีเดียว
และมีแง่มุมให้เล่นได้อีกเยอะ อาจ Reboot จากเวอร์ชัน 1986 ไปเลยก็ย่อมได้ และสร้างแบบฉบับของตัวเองออกมา เช่น การกำเนิดพระเจ้าของพวกลิง การสร้างระบอบการปกครองของสภาลิง เป็นอะไรที่เล่นได้ไม่รู้จบเลยทีเดียว
เค้าบอกว่ายกเครื่องใหม่ไม่ใช้หรอครับ
เย้ เรื่องนี้ผมดูเรื่องนี้โครตซึ้ง ชอบๆ
ผมก็อยากเห็นการยกเครื่องไปเลยเหมือนกันนะ ไม่ต้องตามรอยเดิม ^^
ดูแล้ว ชอบมากครับเรื่องนี้
ความรู้สึกที่ผมดูหนังเรื่องนี้หลังจากที่จบไปแล้ว คือ…
“สร้างต่อเถอะ….!!! ทำได้ซะขนานนนี้แล้ว” ทำไมผมดู
แล้วกลับรู้สึกสะใจที่สายพันธ์มนุษย์กำลังจะสาปสูปก็
ไม่รู้ซีสังสัยจะมองโลกในแง่ร้ายไปหน่อย อิอิอิ… 😛
ภิภพวานรอาจไปโลด โดยเฉพาะเทคนิคพิเศษ ที่งานนี้ทำให้นักสร้างหุ่นที่หากินกับบรรดาลิง
มานานเป็นศตวรรษอย่าง ริค เบเกอร์ อาจสิ้นชื่อไปเลย คิดแล้วเศร้าใจระคนสงสารจริงๆครับ !
เนียนครับ เนื้อเรื่องดี ดูเพลินกว่าหนังฟอร์มยักษ์หลายๆเรื่องช่วงนี้
ใ้ห้อารมณ์แบบ 12 Monkeys มากกว่า ให้แบรทพิต มาเล่นเป็นสายลับของลิง