Site icon JEDIYUTH

Green Lantern: ความเห็นหลังชม

Green Lantern เข้าฉายสุดสัปดาห์นี้ทั้งที่บ้านของเราและที่อเมริกา ซึ่งดูแล้วไม่ค่อยได้รับการต้อนรับด้วยดีเท่าไหร่ จากทั้งฝั่งนักวิจารณ์และผู้ชมครับ

ในฝั่งนักวิจารณ์นั้น คะแนนวิจารณ์ด้านบวกจากการประเมินของ Rotten Tomatoes อยู่ที่ 25% เท่านั้น และได้คะแนนเฉลี่ย 4.6/10 ซึ่งใกล้เคียงกับหนังอย่าง House of Wax, The Punisher และ Fantastic Four ส่วนคะแนนที่ Metacritic อยู่ที่ 40/100 ใกล้เคียงกับ Priest ของพอล เบททานี

ส่วนในแง่รายได้จากคนดูนั้น ของบ้านเราอาจต้องรอผลตัวเลขในวันอังคาร แต่ที่อเมริกาเหนือออกมาล้วครับว่าหนังทำรายได้ในสุดสัปดาห์นี้ไป 55.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งแม้ว่าเป็นรายได้อันดับหนึ่งของสัปดาห์ แต่ก็ต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะทำได้สัก 55 ล้านเหรียญ แม้ว่าจะมีรายได้จากโรงสามมิติมาช่วยก็ตาม

เมื่อเทียบกับรายได้ของหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นๆ แล้วก็ถือว่าต่ำมากครับ น้อยกว่ารายได้เปิดตัวในปีนี้ของ X-Men: First Class ที่เปิดตัว 55.1 ล้านเหรียญ และ Thor ที่เปิดตัว 65.7 ล้านเหรียญ และยังต่ำกว่ารายได้ของ The Incredible Hulk อีก เมื่อเทียบจำนวนผู้ชมต่อโรงก็ยังน้อยกว่า Ghost Rider และ Daredevil ด้วย

ในความเห็นของผม คิดว่า Green Lantern อยู่ในระดับหนังที่พอดูได้ สนุกในระดับพอๆ กับดู Justice League บางตอนในช่องการ์ตูนเน็ตเวิร์ค ผมให้ในระดับ 6.0/10 ครับ เพราะในหนังยังมีหลายส่วนที่ผมรู้สึกว่าผมสนุกกับหนังได้ และคล้อยตามได้ แม้ว่ายังมีอีกหลายส่วนที่รู้สึกว่ามันไม่เวิร์ค เชย และน่าเบื่อ ผิดเพี้ยน

ส่วนที่ผมชอบก็คือเทคนิคด้านภาพในการสร้างดาวโออาครับ เหตุการณ์บนดาวดูแฟนตาซีและน่าสนุก อาจเพราะได้การแสดงของมาร์ค สตรองผู้รับบทเป็นซิเนสโตรมาช่วยให้เหตุการณ์ช่วงนั้นน่าชม สตรองขโมยซีนไปได้ทุกฉากที่เขาปรากฏบนจอ

การแสดงของของปีเตอร์ ซาร์สการ์ด ก็ช่วยให้เหตุการณ์บนโลกมนุษย์ได้ระทึกเช่นกัน แม้ว่าตัวบทหนังน่าจะลงลึกในรายละเอียดของตัวละครหรือขยี้มากกว่านี้ แต่การแสดงบทที่ดูโรคจิตของซาร์สการ์ดช่วยให้หนังน่าตื่นเต้นและระทึกขึ้นได้

ไรอัน เรย์โนลด์ ก็ใช้ได้กับบทของฮาล จอร์แดน แต่โดยรวมแล้วเหมือนมาอยู่ผิดเรื่อง ดูแล้วเป็นตัวของเรย์โนลด์มากกว่าจะกลืนไปกับบทชายหนุ่มที่จริงจังตามฉบับคอมมิค และมุขตลกตามบทของเรย์โนลด์ก็ดูผิดที่ผิดทางมากๆ แม้แต่การให้ตัวละครใช้พลังของแหวนก็ดูผิดที่ผิดทางในบางครั้ง ทำให้ตัวละครดูเป็นเด็กหรือทะเล้นตามนิสัยของเรย์โนลด์มากกว่าจะยึดตามคอมมิค

จุดบอดสำคัญของหนังน่าจะอยู่ที่การเล่าเรื่องที่เล่าแบบผ่านๆ โดยไม่ลงลึกในทางอารมณ์ จึงไม่สามารถทำให้อินกับความรู้สึกของตัวละครได้มากพอ แค่มาเล่าว่าตัวละครเป็นใคร คิดอย่างไร รู้สึกอย่างไร แต่ไม่อาจทำให้ผู้ชมรู้สึกตามได้ ไม่อาจทำให้เห็นใจหรือเข้าใจการกระทำได้ เป็นต้นว่าตัวเองต้องเอาชนะความกลัวให้ได้ถึงจะโค่นผู้ร้ายได้ แล้วไงล่ะ จู่ๆก็ท้อแท้ลาออกเพราะกลัวว่าจะทำไม่ได้โดยไม่มีที่มาที่ไปที่น่าเชื่อทั้งที่ก่อนนี้ขับเคร่องบินอย่างหวาดเสียว แล้วก็จู่ๆก็ออกไปสู้แล้วไปชนะความกลัวตอนไหนก็ไม่รู้

แล้วพอต้องกล่าวคำขวัญกรีนแลนเทิร์นตอนที่สู้กับผู้ร้ายก็ขาดพลังอย่างมากทั้งที่ฉากนั้นควรให้ความรู้สึกฮึกเหิมยิ่งใหญ่ แต่บทหนังไม่ได้ทำให้เรารู้สึกตาม จึงกลายเป็นเหมือนตัวละครพูดอะไรไม่รู้ผ่านหูของเราไป

แล้วพระเอกกลัวอะไร บทปูไว้ว่ามีปมเรื่องพ่อ ที่กลัวว่าจะทำผิดพลาดอย่างพ่อ และอยากกู้ชื่อเสียงแทนพ่อ จึงเห็นได้ว่าพระเอกของเราบ้าบิ่นมากในการขับเครื่องบิน ก็ดูเป็นอะไรที่เชยระเบิด เพราะเป็นปมที่ผมจำได้ว่าเคยดูตั้งแต่หนัง Top Gun แต่หนังยุคนี้ก็ยังเอามาเล่นอีก แถมเล่นได้ไม่ถึงหนังเก่ายุคโน้นด้วย บอกตรงๆว่าไม่รู้สึกอะไรกับปมนี้ในหนังเลย เหมือนแค่พูดให้ได้ยินว่าตัวละครมีปมนี้นะ แต่ไม่สามารถทำให้ผมรู้สึกตามได้

แต่โดยรวม หนังไม่ได้ทำให้รู้สึกถึงขนาดว่าน่าผิดหวังครับ เพียงแต่พอรับได้ แล้วเพื่อนๆ ล่ะครับชอบแค่ไหน ให้คะแนนเท่าไหร่ครับ


Exit mobile version