X-Men: First Class – ความเห็นหลังชม

เห็นเพื่อนผู้อ่านเว็บหลายท่านเริ่มใส่ความเห็นหลังจากชมหนัง X-Men: First Class กันแล้วในบางบทความ เลยทำให้ต้องรีบเปิดพื้นที่วิจารณ์โดยด่วนก่อนที่จะมีความเห็นมามากกว่านี้ครับ และถ้าเอาความเห็นของผมก่อนก็คือผมพอใจและมีความสุขกับ X-Men: First Class อย่างที่สุดครับ

X2 เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ผมชอบที่สุด และ X-Men: First Class ได้มาแทนที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่เหนือกว่า X2 ก็คือการที่หนังไม่มีการเน้นไปที่เรื่องราวตัวละครใดตัวละครหนึ่งมากกว่าเกินไป และมีเวลาได้บอกเล่าแก่นของเรื่องอย่างที่ต้องการจะเล่าได้อย่างเต็มที่ (และผมคงจะแจงรายละเอียดทีหลังในบทวิจารณ์ที่จะเขียนครับ) และสอดรับกับสองภาคแรกที่ไบรอัน ซิงเกอร์ กำกับไว้ได้อย่างค่อนข้างดี ทั้งในแง่ของเรื่องราว และโทนของหนัง มันได้เฉลยว่าทำไมชาร์ลส์ ซาเวียร์ และ แม็กนีโต ถึงเป็นแบบที่เราเห็นกันในภาคแรก ดูหนังจบแล้วอยากไปขุดสองภาคแรกมาดูต่อทันที หรือไม่ก็อยากดูต่อว่าภาคต่อของ X-Men: First Class จะออกมายังไง

บอกได้เลยว่าหนังเรื่องนี้ได้กลายเป็นภาคต้นกำเนิด ที่เป็นการยกเครื่องใหม่ได้อย่างประสบความสำเร็จทัดเทียม Casino Royale, Batman Begins และ Star Trek และผมอยากจะเรียกว่าเป็นการยกเครื่องใหม่มากกว่าเป็นการย้อนภาคต้นครับ เพราะแม้จะมีบางองค์ประกอบและตัวละครมาจากภาคเก่า แต่อย่างที่บอกว่าหนังเลือกที่จะเลือกองค์ประกอบจากสองภาคแรกที่กำกับโดยไบรอัน ซิงเกอร์ มาขยาย แต่ดูเหมือนจะลืมหรือทิ้งองค์ประกอบจากฉบับภาคสามของเบรท แรทเนอร์ และ X-Men Origins: Wolverine ไปเลย

หนังเล่าเรื่องได้สนุกและลื่นไหล แม้แต่ตอนที่พูดถึงประเด็นเครียดๆ ก็ทำให้เรายังสนุก ไม่น่าเบื่อ ฉากที่ดราม่าก็ทำออกมาได้ทรงพลัง ขณะเดียวกันก็ยังไม่ลืมใส่มุขตลกเป็นระยะซึ่งไม่โดดออกจากตัวหนัง มีการแซวฉบับคอมมิคบ้างให้พอขำ และก็วางจังหวะฉากแอ็คชั่นและเทคนิคพิเศษได้อย่างเหมาะเจาะ นี่น่าจะเป็นประเด็นหลักที่ทำให้ผมชอบเป็นอย่างมาก

สิ่งที่ชอบต่อมาก็คือการแสดงของนักแสดงหลักๆ ทุกคน ไม่ว่าไมเคิล ฟาสเบนเดอร์, เจมส์ แม็คเอวอย และเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ทำให้บทมีน้ำหนัก และบทพูดดูมีพลังมากๆ ผมเชื่อว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้ทั้งสามกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างและกลายเป็นดาราร้อนแรงคนใหม่ของฮอลลีวู้ด

ฉากและบรรยากาศของหนังที่ทำให้คล้ายหนังสายลับเจมส์ บอนด์ ยุคฌอน คอนเนรี ก็เป็นอีกอย่างที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีสไตล์มากๆ การตัดต่อบางฉากก็อดทำให้นึกถึงหนังยุค 60 ไม่ได้ครับ ทำให้มีเสน่ห์มากๆ

ฉากแอ็คชั่นและเทคนิคพิเศษของหนังก็ใส่ขึ้นมาเพื่อเล่าเรื่อง ไม่พยายามที่จะขายเทคนิคพิเศษจนเกินไป แต่ใช้เทคนิคพิเศษมาเสริมเรื่องราวเท่านั้น
โครงเรื่องรองที่พูดถึงการยอมรับตัวเองและความภูมิใจที่เกิดมาแตกต่างซึ่งใช้บีสต์และมิสติกเป็นตัวนำเสนอก็อยู่ในระดับใช้ได้ ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่าหนังน่าจะขยี้ให้มากกว่านี้อีกนิด

สิ่งที่ยังรู้สึกว่าหนังทำได้ไม่ดีพอคงเป็นตัวละครมนุษย์กลายพันธุ์วัยรุ่นหลายคนในหนังที่ผมรู้สึกว่าการแสดงยังดูโดดจากยุค 60 พวกเขาดูเป็นเด็กยุคปี 2000 มากกว่า และฉากจบตอนเจอแม็กนีโตอีกครั้งที่ดูเชยไปนิด แต่ทั้งหมดทำให้ถูกลืมไปได้เมื่อมองจากความสนุกโดยภาพรวม

ผมมักจะให้คะแนนหนังตอนที่เพิ่งชมจบใหม่ๆ กับตอนที่ปล่อยให้ตกตะกอนแล้วไม่เท่ากัน คะแนนตอนดูจบใหม่ผมให้ 10/10 เลยสำหรับ X-Men: First Class เพราะมาจากอิทธิพลความสุขที่ได้รับและความกระหายที่อยากจะดูต่อ แต่เมื่อมานั่งคิดถึงหลังจากตกตะกอนแล้ว ผมให้หนัง 9.5/10 ครับ ยังมีบางส่วนของหนังที่ทำให้ยังไม่สมบูรณ์แบบได้เต็มที่ แต่อย่างไรก็ดี หนังเรื่องนี้เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ในดวงใจไปแล้ว และทำให้ผมภูมิใจที่ได้เป็นแฟน

Mutant and Proud!

คุณล่ะครับ ชอบหรือไม่ชอบหนัวอย่างไรบ้าง และให้คะแนนกันเท่าไหร่ครับ

48 comments

  1. ชอบมากครับ หลากหลายอารมณ์ครบถ้วนสมบูรณ์ในเรื่องนี้

    อธิบายความเชื่่อมโยงไปหา X-Men ภาคแรกได้อย่างกลมกลืน

    ผมว่าเป็นหนังที่ผสมทั้งการเมือง และสงครามเข้ากับเนื้อเรื่องได้แบบเนียนมากๆ

    นักแสดงนำก็ไม่ได้มีชื่อเด่น ขนาดที่จะดึงดูดผู้ชมได้เยอะขนาดนั้น

    แต่กลับทำออกมาได้สุดยอดสมบูรณ์มากๆครับ ^^

    ไว้ถ้ามีโอกาสจะไปดูเพิ่มอีกแน่นอนครับ

    คะแนนะส่วนตัว (9/10) ครับ …

  2. ผมว่ามันคือหนังเรื่อง Magneto มากกว่า 😀

    เชื่อว่าบทหนังกว่าครึ่งน่าจะมาจาก Magneto ที่ไม่ได้สร้าง
    สนุกดีครับ เสียดายที่ Hellfire Club ไม่ได้พูดถึงมาก
    ออกมาแค่ Black King (ชอว์) กับ White Queen (ฟรอสต์) แถมไม่ได้เรียกตำแหน่งกันด้วย
    เอ็มม่าร่างเพชร ดูดีกว่าใน Wolverine เยอะเลย (แต่ถ้าตาม Timeline แล้วก็ต้องเป็นคนละคนกัน)

  3. ให้ 9/10 ครับ. เนื้อหาของหนังโดยรวมถือว่าทำออกมาได้อย่างลึกซึ้ง
    ตัวละครทุกตัวบทไม่แย่งกันเด่นกันเกินไป ถ้าจะนับจุดที่ต่ิเนื่องจาก X-men
    ทั้ง 4 ภาคที่ผ่านผมกลับรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้คือการ Reboot ทั้งหมดใหม่หมด
    ถ้าเกิดจะเอาหนังทั้ง 4 ภาคมาคิดให้ต่อเนื่องล่ะก็ผมบอกได้เลยคุณจะเสียอารมณ์
    กับความสนุกที่ได้รับจากภาคนี้โดยตรง ดังนั้นจงลืมๆภาคก่อนหน้านี้ทั้งหมดแล้ว..
    มาดูการตีความของภาดนี้กันใหม่แล้วคุณจะชมภาคนี้ได้อย่างเมามันส์ครับ
    และสุดท้ายผมหวังว่าหลังจาก KICK ASS ภาค2 ผ่านไปแล้วเขาจะกลับมากำกับ
    X-meN ภาคต่อเนื่องจากภาคนี้ไปและคงน่าจะใส่ความสนุกไปได้อีกเยอเลย

    ***หนังเรื่องสอนให้รู้ว่า ถึงตัวละครจะเยอะขนานไหน
    บทดี + ผู้กำกับเจ๋ง + ตัดต่อเยี่ยม = X-Men: First Class

  4. ไม่รู้เพราะอะไร ผมกลับดูแล้วรู้สึกเฉยๆไปซะงั้น แต่ยอมรับว่าบทมันดีจริง แต่ไม่มีฉากไหนให้ผมเก็บมาจดจำเลย

  5. ตอนนี้ยังนึกไม่ค่อยออก ที่พอจะนึกออกคือ บีส ทำออกมาได้ไม่เนียนเท่าภาคที่ผ่านๆมา / ได้รู้ที่มาของเครื่องเจ็ทใต้โรงเรียน แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องไทม์ไลน์ของตอนนี้กับของวูฟเวอร์รีน … เห็นโผล่มาแป๊บเดี๊ยว นี้ก็คงจะก่อนหน้าที่จะโดนจับไปทดลองนานพอสมควร อีกอย่าง สาวร่างเพชรนี่เป็นคนเดียวกับในภาควูฟเวอร์รีนหรือเปล่าหนอ

    ปีศาจแดงชื่ออะไร?
    นักสร้างพายุชื่ออะไร?

    สปอยเยอะไปไม๊ํ

    สรุป แม้จะงงเล็กน้อย บทหนังดีครับสรุปได้ดี แต่ตัวหนังเองบางฉากก็ออกจะงงๆ คอสตูมไม่ค่อยเนียน ฉากสุดท้ายเลยแมกนีโต้ ชุดเห่ยมา

    ดูรอบสองน่าจะเข้าใจมากขึ้น

    • ตอบไปแล้วง่ายๆว่า Reboot นั้นเอง.
      จริงๆโปรเจคมันเริ่มมาจาก Magneto
      แต่ว่าหาคนทำไม่ลงตัวซะที สุดท้ายก็
      มาอยู่ในมือของผู้กำลับ Kick Ass ครับ
      บทเลยภูกปรับใหม่หมดนั้นเอง Reboot !!!

    • ตามความเห็นผมก็เห็นด้วยน่ะถ้าเอาทั้ง 4 ภาค
      ก่อนหน้านี้มาคิดให้ต่อเนื่องกันด้วยล่ะก็…
      ผมก็จะให้ 7.5/10 เหมือนกัน แต่ตอนที่ผมดู
      ในโรงผมลืมหนังทั้ง 4 ภาคหมดไปจากหัวเลยครับ
      เลยรู้สึกสนุกกับมันมากขึ้น. ไม่เสียอารมณ์เท่าไร.

  6. อันนี้ถามนอกเรื่องซักนิดนะครับ

    Havok นี่เป็นน้อง Cyclop จริง ๆ หรอครับ อย่างนั้นรุ่น X-Men 1 – 3 Cyclop ก็น่าจะอายุปาไป 50+ แล้วซิครับ

    • นั่นเป็นฉบับคอมมิคครับ เราไม่รู้ว่าฉบับหนังจะยึดตามนั้นไหม เผลอๆ ฉบับหนังจะสร้างจักรวาลขึ้นมาใหม่เลย

    • ในหนังน่าจะเปลี่ยนมาให้เป็นพ่อ

      ความจริงหนังชุดนี้สามารถไปต่อจนสุดที่ X-Men ภาคแรกได้(ยุคสมัยเชื่อมกันในที่สุด)เพราะ ไตรภาคแรกยังเล่นอะไรต่อได้อีกเยอะเหมือนกัน อาจผลัดเปลี่ยนสมาชิกเพื่อเอาดาราใหม่ๆมาเล่นก็ยังได้

      • อ่อ ขอโทษครับ ผมอ่านผิด แหะๆ

        ทำไมในหนังวูฟเวอรีนดูอายุเท่าปัจจุบันเลยครับ

        มันน่าจะเด็กกว่านี้นะ ?

      • วูล์ฟเวอรีนมีอายุมากกว่าซาเวียร์และแม็กนีโตอีกครับ อายุเป็นร้อยปี แต่ที่ไม่แก่เพราะมีพลังอยู่ยงคงกระพันครับ เซลล์สามารถซ่อมตัวเองได้ตลอดทำให้แก่ช้าและอายุยืน

    • เอ่อ ต้องขอบอกก่อนว่าผมก็ไม่ได้อ่านคอมมิคมากนัก ผมดูแต่หนังครับ เหอๆ ถึงยังไงผมก็ไม่อยากจะเอาวูฟเวอรีนไปเทียบกับแวมไพร์เลย ประมาณว่าอายุยืนเหมือนๆกัน ถ้าได้ดูหนังwolverineจะรู้ว่าวูฟเวอรีนนั้นเกิดมาได้ถ้านับถึงปัจจุบันก็เป็น100ปีได้แล้วมั๊งรับ เข้าร่วมมันทุกประวัติศาสตร์สงครามเลย

  7. ผมให้ 8.5/ หักชุดแม็กนีโต้ตอนท้าย ที่เชยระเบิด ทั้งๆที่ตลอดทั้งเรื่องคุมโทนได้ดีมาตลอด
    ชอบการแสดงของ Fassbender เป็นพิเศษ เพราะช่วยยกหนังขึ้นไปอีกระดับ จนอยากดู Jane Eyre
    ฉบับใหม่ไม่ไหวแล้ว หนังอาจทำรายได้ไม่หวือหวานัก เพราะเท่าที่ได้ยินหลายคนไม่ปลื้มแนวทางนี้นัก
    จนทำให้รู้สึกเฉยๆกับหนังไปเลย

    • เห็นมีเพื่อนๆหลายคนบอกว่า ชุดแม็กนีโต้ตอนท้ายๆเชยโครตๆ
      ในความเห็นของผมเองนั้น ผมคิดว่าเป็นความตั้งใจของผู้กำกับนะ
      ต้องอย่าลืมว่าหนังเรื่องนี้อยู่ในยุค 60 ซึ้งชุดๆอะไรก็เชยๆกันทั้งนั้น
      ชุดของตัวแม็กนีโต้เชยจริงแต่ เป็นในแบบยุคนั้นจริงๆน่ะครับ แต่ว่า..
      หมวกของแม็กนีโต้ก็ยังถือว่าเท่อยู่ดีถ้าไม่เอาไปรวมกับชุด อิอิอิ.

      • มีจะงอยด้วยอะครับ (ฮา ฮา)

        ไม่รู้ว่าหมวกซามุไร หรือว่าไอ้มดแดง

        รู้สึกว่าจะตามแบบฉบับ Comic รึเปล่าครับนั่น ^^

  8. KIck Ass 2 ไม่รู้จะได้สร้างหรือเปล่าครับ บทยังลุ่มๆดอนๆ อยู่เลย แต่ที่แน่ๆ ถ้า x-men ทำเงิน เขาเตรียมตอนต่ออกมาแล้ว เห็นจะว่ากันถึงการลอบสังหาร เคนนดี้

    • เอามาอิงกับประวัติศาสตร์จริง ๆ มันก็อินดีเหมือนกันนะครับ ^^ (แต่ขอแค่อย่าให้มันมากเกินไปเท่านั้นครับ)

  9. สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือการกำกับ และ เคมีของ ฟาสเบนเดอร์ กับ แมคอาวอย

    สิ่งที่แย่ที่สุด คือ ฉากเทคนิคพิเศษที่ไม่เนี้ยบเนียนเอาซะเลย ซึ่งพอเข้าใจว่าหนังมีเวลาสร้างน้อยมาก

    แต่ที่ผิดหวังมากคือ หนังไม่พยายามจะมีฉากดีไซน์จี๊ดๆ เจ๋งๆ ให้ประทับใจเลย

    แต่ก็ยอมรับว่า วอห์น ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดภายในข้อจำกัดของเขาแล้ว

    ึถ้าพิจารณาจากซีรีส์นี้ ขอให้เป็นอันดับสอง รองจาก x2 สูสีกับ x1 แต่กลับไม่มีฉากแอ็คชันที่เด้งออกมาหากเทียบกับ x3 แม้ว่าตัวหนังโดยรวมจะดีกว่าก็ตาม

    7.8 / 10

    .

  10. ผมไม่ตะขิดตะขวงใจกับ CG นะ ฉากมันอลังการมาก CG เท่านี้ถือว่าเยี่ยมแล้วแหละ
    ยิ่งถ้าไปเทียบกับ “ภาควูฟฯ” จะถือว่า ภาคนี้ CG ชั้นเยี่ยมเลย

    ผมอิ่มกับหนังมากครับ แม้จะไม่ถึงขั้น TDK แต่ก็ใกล้เคียงล่ะ
    ฉากเหรียญสุดท้ายเป็นอะไรที่โคตรชอบ Nooooooo~~~~

    ชอบเจมส์ มากกว่า ไมเคิลอ่ะ ผมว่า เจมส์เขาแสดงสีหน้าทาทางได้ถึงฟีลมากๆ
    รู้สึกอย่างไรก็ปล่อยออกได้แบบ ผมอารมณ์ร่วมตามได้ตลอด
    สงสัย คงถูกจริตการแสดงของเขาเข้าแบบเดียวกับป๋าเดปป์แล้วล่ะ

    9.5/10

  11. เรื่อง Timeline กับการใช้ mutants ผมว่ามั่วตั้งแต่ภาค 3 แล้วครับ ภาคสามตัวในคอมมิคเจ๋งๆ อย่าง Psylocke ก็เอามาใช้แว๊บๆ แล้วก็ตาย แล้ว Wolverine นี่ก็ซะ เซเวียร์โผล่มาหัวโล้นเดินได้ มี Emma Frost ที่ดูเหมือนจะเป็นฝ่ายดี ทั้งๆ ที่ในคอมมิคเธอก็อยู่ฝ่ายร้ายแต่แรก ถ้าจะให้ Chronology ถูกต้องและเข้ากันได้มากที่สุด ผมยกให้ First Class, X-men 1, X-men 2 ผู้สร้างทีมเดียวกัน โยงเรื่องเข้ากันได้ชัดเจนดีครับ เช่นในภาค 2 มีปูมหลังของ Nightcrawler ที่ไม่ได้บอกชัด พอมา First Class ก็มีการบอกใบ้ว่า Nightcrawler กำเนิดขึ้นยังไง

  12. BIC RavipaN RAY. :
    เห็นมีเพื่อนๆหลายคนบอกว่า ชุดแม็กนีโต้ตอนท้ายๆเชยโครตๆ
    ในความเห็นของผมเองนั้น ผมคิดว่าเป็นความตั้งใจของผู้กำกับนะ
    ต้องอย่าลืมว่าหนังเรื่องนี้อยู่ในยุค 60 ซึ้งชุดๆอะไรก็เชยๆกันทั้งนั้น

    เห็นด้วยครับ ผมว่าจริงๆมันก็ดูดีเหมือนกันนะ คืออ้างอิงจากในฉบับคอมิคในระดับนึง แต่ก็ปรับให้ดูเป็นชุดจริงๆได้ และถ้าคิดว่าเป็นยุค 60-70 ก็ต้องนับว่าเท่ล่ะครับ (แมกนีโต้ก็ต้องการเด่นกว่ามนุษย์ธรรมดาอยู่แล้วนิ^^)

    ส่วนตัวเห็นให้ 9.5/10 เหมือนกันครับ ที่ชอบเป็นพิเศษคือตัวร้ายนี่ล่ะครับ เซบาสเตียน ชอว์ ดูร้ายกาจและโหดเหี้ยมจริงๆ ความสามารถดูดซับพลังงานได้ (เป็นความสามารถที่ผมเคยคิดเล่นๆเหมือนกัน พอได้เห็นจริงๆแล้วเออมันเท่ว่ะ เวลาดูดซับแล้วตัวจะบวมๆนิดๆ 55) เวลาไปสู้ก็ดูยิ่งใหญ่น่ากลัว แม้จะตายง่ายๆไปนิดแต่ก็เป็นเรื่องของจุดอ่อน-จุดแข็งของความสามารถน่ะนะ

    เจมส์ แมคอะวอย แสดงได้ดีเหมือนกันนะ ดูแล้วก็สามารถโยงไปถึงเซเวียร์ตอนแก่ได้เหมือนกัน ลักษณะการพูดจา มีแอบเจ้าชู้นิดๆตามประสาคนหนุ่ม และเป็นคนที่ยึดมั่นในศีลธรรมเสมอต้นเสมอปลาย

    เหตุการณ์ในภาคนี้จริงๆโยงไปภาค wolverine ได้นิดๆเลยเหมือนกันนะ ฉากวูล์ฟนั่งกินเหล้าในบาร์ อาจจะโยงไปฉากแถมของภาคนั้นได้ด้วย (ที่วูล์ฟบอกว่า ดื่มเพื่อจำ)

  13. รู้สึกดีกับภาคนี้ครับ มีความเป็นดราม่าผสมเข้ามา เด่นกว่าฉาก action ที่ใส่ลงไป เหมือนพวกเขาจับต้องได้คล้ายๆ Dark Knight ผมเชื่อว่าถ้าหนังมีเนื้อเรื่องของ Magneto อย่างเดียว ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากภาคของ Wolverine ก็เลยจับเอาทำสักครึ่ง อีกครึ่งก็เอาคนอื่นมาใส่ด้วย

    มีงงหน่อยเกี่ยวกับ Timeline อายุของ ศาสตร์จารย์ X กับ มิสทีค ในภาค 1-3 จะเห็นว่า 2 คนนี้อายุน่าจะต่างกันพอสมควร จากที่สังเกตในหนัง แต่พอดูในภาคนี้ พึ่งมารู้ว่าเคยเป็นเพื่อนกัน และรุ่นราวก็ใกล้เคียงกัีน เพราะฉะนั้นตัวอายุของ X-Man บางคน น่าจะคาบเกี่ยวกันพอสมควร กับภาคที่ผ่านมา และบางคนก็มีความสามารถที่เป็นเหมือนในลักษณะเป็นเผ่าพันธ์ ที่มีความสามารถใกล้เคียงกัน เจ๋งดีครับภาคนี้ มันช่วยขยายวงความคิดของโลก X-Man ไปเยอะพอสมควร ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องอายุ Timeline หรือต้องไปต่อกันกับภาคที่ผ่านมา ก็ถือว่าดีมากทีเดียว

  14. ถามเป็นความรู้นิดนึงครับ Version ของ Professor X ในต่อไปเกิดเรื่องอะไรขึ้นผมถึงหายไป ? หรือแค่เพราะชรา หรือเกี่ยวพันกับตัวละครอื่นรึเปล่าครับ ?

  15. อาจเพราะมิสทีค มีความสามารถในการปรับเซลล์ มั่งครับ ผู้หญิงไม่อยากแก่ดิ๊ 5555 (รีบูทครับพยายามอย่าเอามารวมกันจะได้ดูสนุกๆ)

  16. ดูภาคนี้แล้วทำให้รู้เลยครับว่า x-3 เป็นความอัปยศอย่างที่สุดในหนัง x-men ที่ทำมาทุกภาคจริงๆ

    ทั้งผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้าง แก้มือและคำครหาจากเรื่องวุ่นๆ ใน x-3 ได้ดีจนผมยอมให้อภัยแบบเต็มหัวใจ และหวังว่าจะได้ดูภาคต่อเร็วๆ

    9.5/10 ครับ

  17. ให้ 9.0 เต็ม 10.0 ครับ

    รู้สึกนางเอกบทมันจืดๆ และไม่ค่อยเซ็กซี่เท่าไหร่ ที่เหลือดีมาก เสียดายหลายๆคนที่ต้องจากไป
    วางเรื่องและบทได้เยี่ยมมาก แม็กนีโต้ คือ แม็กนีโต้ ศาสตราจารย์ เอ็กซ์ คือ ศาสตราจารย์ เอ็กซ์ เลย
    แล้วตอนมิสทิค กลายร่างให้สาวขึ้นเนี๊ยะถ้าจำไม่ผิด ร่างที่สาวขึ้นเนี๊ยะคือ นักแสดงที่แสดงเ็ป็นมิสทิคใน x1-3 นะครับ
    (รู้สึกโลแกนแก่ลงนะ ‘ฮา’)ส่วนตัวในเรื่องชอบ บีส ครับ รู้สึกดีและคุ้นเคยกับสไตล์เรื่อง ใกล้เคียงที่ซิงเกอร์กำกับมากๆ

    แต่…ชาร์ล นาย…..เร็วไปหน่อย…น่าจะ….ซัก…first class 2

  18. จริงๆในหนังอธิบายไว้แล้วเรื่องว่าทำไมมิสทีกถึงได้ดูสาวกว่า เมื่อเทียบกับชาร์ล เพราะเซลล์เธอมีการปรับตัวให้เสื่อมช้ากว่าคนปกติ ส่วนตอนที่มีสทีกอยู่บนเตียงแล้วเปลี่ยนร่างเป็น รีเบ็คก้า โรมิน ผมกรี๊ดเลย ผกก.ฉลาดมาก

    • ตอนแรกผมสงสัยนะครับว่าทำไมเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ถึงรับเล่นบทนี้ เพราะเท่าที่ผ่านมาบทมิสทีคแม้จะยืนอยู่ข้างแมคนีโตตลอดแต่ก็ไม่ได้เด่นมากมาย
      แต่พอมาดูตัวหนังก็เลยเข้าใจแจ่มแจ้งเลยครับ และเธอก็แสดงได้ดีเอามากๆเลย
      สรุปภาคนี้ผมชอบตัวละครนี้ที่สุดเลยครับ และทีมเขียนบทเองก็อธิบายที่มาที่ไปได้เยี่ยมมากจนอยากดูภาคต่อสุดๆ

      ส่วนโดยรวมของหนังชอบมากครับ เพราะหนังค่อนไปทางดราม่าค่อนข้างมาก เรียน Effect ต่างๆผมเฉยๆครับ
      ถ้าไม่ถึงขนาดแย่มากๆ แต่ถ้าเนื้อเรื่องดีพอจะให้สนุกต่อมันก็แค่งาน production เท่านั้นเองครับ
      9/10 ครับ รอดูภาคต่ออย่างใจจดใจจ่อ ^^

  19. โอ้…หนังเขาได้รับความสนใจจริงๆ มีคนมาโพสเยอะแยะมากมายตามความเห็นของแต่ละคน
    ส่วนตัวผมชอบเรื่องนี้นะครับ ตอนแรกกะไม่ดูแต่มีเหตุบังเอิญให้ได้ดู แถมบัตรพารากอน 200บาทอีก (อุแม่เจ้า!) แต่พอดูจบหายโมโหเรื่องบัตรแพงไปเลยครับฮ่าๆๆๆ
    โดยส่วนตัวไม่ชอบดูหนังฮีโร่ที่สร้างมาจากการ์ตูนเท่าไหร่ครับ มนุษย์เตารีดก็เฉยๆ พี่ค้างคาวของเฮียโนแลนก็ซีเรียสไป บักอึดถลาลมก็…อะไรวะเนี๋ยะ มนุษย์หนังx ภาคก่อนๆก็เอามันกันอย่างเดียว แต่สำหรับเรื่องนี้ถึงไม่ดีมากแต่ก็พาเพลินนะเออ..
    มีดราม่าแบบไม่ฟูมฟายมากมาย มีกุ๊กกิ๊กพอลุ้น มีแอ็คชั่นแบบไม่ใช่แกนนำ มีมุขพอขำฮึๆ แถมเก๋ด้วยไสตร์ย้อนยุค และก็มีคำคมแบบไม่ต้องแปลมาก
    สรุปแล้ว เทียบกับเกลี่ยหน้าดินแล้วก็ถือว่าเรียบบ้าง เจอหลุมบ้าง เจอก้อนหินเพอแอบเดินแล้วสดุดบ้างพอเป็นพิธีครับประมาณวว่าโลกนี้มันไม่มีอะไรเพอร์เฟคหรอกนะเว้ย
    รอดีภาคต่ออยู่นะจ๋ะ

  20. จากใจจริงนะคับทำให้มารู้สึกอยากดูหนังx-menอีกครั้งเพราะผิดหวังจากภาค3อย่างแรงอย่างแรงเสียต้นฉบับในการ์ตูนหมดก็เข้าใจครับว่าไม่อยากให้ซ้ำซากแต่ตัวละครที่ผมรักตัวหลักพี่แกเล่นทำตายซะงั้นเลยเสียความรู้สึกมากแถมยังมาลดความสามรถตัวละครหลักอีก เช่น โร๊คเคยเหาะได้แข็งแรงหนังทำมาซะเอ่อไปเลย ชาวล์กับจีน(ฟินิกซ์ )ไซคลอป ตายซะงั้นโกรธมากเลยครับแทบลุกออกจากโรงหนังน้ำตาแทบไหลเสียความรู้สึกมาก

  21. 10/10
    ชอบมากๆ ดนตรีขึงขังดีสมกับยุคสมัย

    ได้รู้ที่มาที่ไปของตัวละคร บางตัว

    และชอบฉากที่ต้องให้เลือกข้าง ระทึกดี

    Ok มากๆ ไม่รู้ภาคต่อไปจะเป็นอย่างไร

    ผู้กำกับKick Ass นี่่สุดยอด

  22. ภาค3 ตอนต้อนเรื่องชาร์ลเดินได้เฉย(ตอนนี้แก่แล้ว)แต่ในภาคนี้เดินไม่ได้ตั้งแต่เป้นหนุ่มมันยังๆ…

  23. อ่านบทความด้านบทรู้สึกว่าคุณจะเชียร์ออกนอกหน้าไปนะ ผมว่าจะทำหนังทั้งที ทำให้มันต่อเนื่องหน่อย ไม่ได้หรือ ส่วนไอพวกอ้างว่า”ก้อมันคนละจักรวาลไง” ตอบกำปั่นทุบดินไปนะ
    ข้อขัดแย่งของ๕ภาคมารวมกัน มีเพียบ จะยกตัวอย่าง(ใครจะป้องหนังก้อตอบตามข้อมูลจริงเพื่อเป็นประโยชน์ แล้วอย่าแถ ขอร้อง)
    ภาค๑ เหมือนว่าCharles Xavier จะจำเพื่อนสนิทอย่าง Mystique ไม่ได้เฉยเลยทั้งที่หล่อนสวยซะออกจะลืมไม่ลง
    ภาค๒ Mystique มีลูกกะ Azazel ออกเป็น Nightcrawler แล้วทำไมจำลูกตัวเองไม่ได้(แม้หนังไม่กล่าวถึงแต่ถ้าอินหนังจริงต้องรู้)
    รวมภาค William Strykerโดนลดตำแหน่งเป็นแค่นักสืบ และลดอายุแน่นอน จริงงะสงสัยอายุเค้าน่าร้อยกว่าปี สรุปStryker เค้าก้อคือมนุษย์กลายพันธุ์แน่นอน ภาค First Class ตอนเห็นในห้องประชุมโคตรแก่ ภาค๒ ดูไม่แก่เท่าไหร
    อ่านข้างบน ว่าCharles Xavier เดินได้ในภาค๓ ต้นเรื่องเพราะแม๊กนีโต้มันให้ศจ.ใส่เข็มขัดกะกางเกงเสริมใยเหล็กแล้ว ใช้พลังศจ.เลยเหมือนเดินได้ (ตอบอย่างงี้แหละที่เค้าเรียกว่่า แถ)
    Cyclops,Emma Frost ตอนเด็กถูกช่วยออกจากคุกโดยCharles Xavier แต่ตอนนั้นCharles Xavier เค้ายังไม่มีโรงเรียนแน่นอนเพราะEmma Frost เธอโตแล้วกลับมาเป็นศัตรูตอนหนุ่มอีกที งงไหม
    …….หนังทำสับขาหลอกมัวไปหมด ขี้เกียจคีย์เพราะมีอีกเพียบ ใครเห็นอะไรอีกก้อช่วยถามมาหน่อยเดะแต่ใครรับไม่ได้ ก้อขอโทษด้วย แค่เราเป็นคนช่างสังเกตุ และอยากให้พวกนายเป็นเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเพราะหนังเค้าดีเลย ชอบแล้วพยายามเชียร์ หรือชักชวนให้คนอื่นมองข้างข้อบกพร่องนั้นไป ซึ่งเราว่าจะทำหนังต้องเก็บปมไง
    ส่วนตัว เราให้ สิบเต็ม เพราะหนังทำให้เราคาใจจนมาสนใจสืบต่อ ยอดไปเรื่อยๆ

    • เข้าใจว่าคอมเม้นนี้นานแล้ว แต่ก็อยากมาตอบเพื่อประโยชน์ของคนโพสต์และคนอื่นๆ
      เข้าใจว่าคอมเม้นบนช่างสังเกตุ แต่ค่อนข้างจะเข้าใจผิดไปหลายๆประเด็น จึงขออณุญาตมาตอบในฐานะคนที่บ้าเอ็กซ์เมน และมีข้อมูลพอสมควรคนนึง

      อย่างที่คุณเจไดยุทธบอก จุดประสงค์ของผู้สร้างในภาคนี้เค้าตั้งใจจะ “รีบู้ต” ครับ (อันนี้คือสิ่งที่ผกก.พูดในบทสัมภาษณ์ ไม่ใช่ยกเมฆ หรือกำปั้นทุบดินแต่อย่างใด) ดังนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกครับ หากจะเกิดความทับซ้อน หรือไม่ต่อเนื่องในภาคนี้ แต่ถ้าจะเอาจริงๆแล้วถ้าตัดในส่วนของภาคสาม แลภาคพี่วูล์ฟออก องค์ประกอบต่างๆก็ยังถือว่าค่อนข้างแนบเนียน และเชื่อมต่อกันเป็นอย่างดีนะครับ (โดยเฉพาะค.สัมพันธ์ของชาร์ลส์ และเอริค)

      ส่วนเรื่องข้อบกพร่องต่างๆที่ว่ามานั้น ผมสามารถตอบ(แบบไม่กำปั้นทุบดิน)ได้ดังนี้เลยครับ

      1. ค.สัมพันธ์ของชาร์ลส์กะมิสทีคในหนังภาคแรก – ถ้าลองกลับไปหยิบภาคแรกมาดูอีกรอบ จะเห็นได้ว่าทั้งเรื่องไม่มีฉากไหนที่ชาร์ลส์เจอกับมิสทีคเลยครับ(ภาคสอง ภาคสามด้วย) เพราะงั้นมันจึงไม่ใช่ว่าชาร์ลส์จำเรเวนไม่ได้ แต่เพราะไม่ได้เจอหน้ากันตรงๆเลยต่างหากครับ แถมอันที่จริง ศาสตราจารย์เองด้วยที่เป็นคนอธิบายเรื่องของมิสทีคให้คนอื่นฟัง นั่นหมายความว่าเขารู้จักเธอระดับหนึ่งครับ เพราะฉะนั้นตรงนี้ไม่ได้บกพร่องครับ

      2. ไนท์ครอว์เลอร์เป็นลูกของอะซาเซล กับมิสทีค – อันนั้นเป็นส่วนของคอมิคครับ ในหนังไม่ได้ระบุไว้ เพราะฉะนั้นในเวอร์ชั่นหนัง เขาจึงอาจจะไม่ได้เป็นลูกของทั้งคู่ก็ได้ หรือต่อให้เขาเป็นลูกของทั้งคู่จริงๆ มันก็ยังลงตัวอยู่ครับ เพราะอะซาเซลกับมิสทีคก็เจอกันตั้งแต่ในเฟิร์สท์คลาส และถ้าคุไปยกเอาตามหนังสือการ์ตูนมานั้น มิสทีคเอาลูก หรือก็คือไนท์ครอว์เลอร์ตอนแบเบาะไปทิ้งน้ำครับ การที่เธอจะจำลูกไม่ได้ก็ไม่แปลก หรือต่อให้จำได้จริงๆ การที่เธอแสดงท่าทีไม่แยแส ก็เข้ากับบุคลิกของมิสทีคในสามภาคแรกอยู่แล้วครับ ประเด็นนี้จึงตกไปอีก

      3. สไตรค์เกอร์ในภาคสองและภาคนี้ – อย่างที่บอกว่ารีบู้ตครับ บทบาทของตัวละครและนักแสดงจึงอาจจะต้องเปลี่ยน ที่เค้าต้องใส่มา ก็เพื่อให้มีตัวละครที่ผลักดันให้เกิดการยิงขีปนาวธไปยังพวกมิวแทนต์ในตอนท้ายครับ แล้วอันที่จริงในภาคสองแกก็ไม่ได้หนุมแล้วนะ แต่นักแสดงคนก่อนเล่นได้ฉาดและเหี้ยมกว่าเยอะ

      4. ศจ.เซเวียร์เดินได้ในภาคสาม – อันนี้ก็เหตุผลเดียวกันครับ เพราะเค้ารีบู้ตครับ ถ้าจะเอาชารลส์ในตอนต้นภาคสามไปเชื่อมกับในภาคกำเนิดพี่วูลฟ์ก็พอได้อยู่ แต่ถ้ามาเชื่อมกับภาคนี้จะเป็นไปไม่ได้เลยครับ เพราะภาคนี้ตอนเริ่มนั่งรถเข็นยังมีผมอยู่เลย ซึ่งการที่ทีมงานเค้าตัดสินใจละทิ้งสวนนี้ก็เพื่อให้เกิดอิสระในการสร้างครับ ไม่อย่างงั้นตัวละครมันจะติดกับข้อจำกัดของหนังเดิมๆมากไป จนทำอะไรไม่ได้ หรือเอามาเล่นไม่ได้อย่างเต็มที่ (สังเกตุได้ว่าหมวกแม็กนีโต้ในภาคนี้ในฉากสุดท้ายก็ไม่ได้มีสี หรือดีไซน์ที่เหมือนกับของแม็กนีโต้ภาคแรกเลย แต่เหมือนในหนังสือการ์ตูนเป๊ะ ซึ่งนี่เป็นความตั้งใจและลูกเล่นของผู้กำกับที่เอามาใส่ไว้ครับ

      5. เอ็มม่าในภาคนี้กับภาคกำเนิดเฮียวูลฟ์ – คนละคนกันครับ ตัวละครตัวนี้ก็เหมือนกันครับ ที่เป็นคาแรคเตอร์ตัวเดียวกัน แต่คนละเวอร์ชั่น ซึ่งทั้งนี้เป็นเพราะในภาคเฮียวูลฟ์ออกมาอย่างจืดจางและไม่มีประโยชน์มากครับ (ไม่มีความจำเป็นต้องใส่ไว้เลย เอาคนอื่นมาเป็นน้องสาวเคย์ล่าก็ได้ แถมเวอร์ชั่นนั้นไม่มีพลังจิตอีกตะหาก) อย่างที่แฟนหนังหลายคนยอมรับกันว่าภาคกำเนิดพี่วูลฟ์เป็นภาคที่แย่ และถือเป็นความอัปยศที่สุดในบรรดาหนัง X-Men ครับ มันคงจะเป็นเรื่องน่าเสียดายถ้าจะทิ้งตัวละครดีๆและน่าสนใจอย่างเอ็มม่า ฟรอสท์ไป ก็เลยเอามาใส่ไว้ในภาคนี้ แถมที่สำคัญในคอมิคเธอยังเป็นสมาชิกสำคัญของเฮลไฟร์คลับในฐานะไวท์ควีน(ซึ่งเป็นอยู่นานพอสมควร ก่อนที่จะกลับใจมาเข้าฝั่งเอ็กซ์เมน) ถ้าเอาตัวร้ายอย่างชอว์และกลุ่มเฮลไฟร์คลับมาใช้ในหนัง แล้วไม่มีเธอเนี่ยมันก็คงจะกระไรอยู่ใช่มั้ยล่ะครับ? เพราะในหนังก็เห็นๆกันแล้วว่าพลังของเธอสำคัญต่อกลุ่มขนาดไหน การที่ไม่อิงจากตัวเดิมในหนังก่อนหน้าเพราะนอกจากจะทำให้เกิดข้อจำกัด และเอามาใช้ไม่ได้ จนทำให้ฝั่งตัวร้ายในภาคนี้ขาดมิวแทนต์พลังจิตซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญ และทำให้เรื่องดเนินไปได้อย่างลงตัวแล้ว ตัวละครเอ็มม่าในเวอร์ชั่นเดิมยังไม่น่าสนใจ และไม่มีอะไรน่าพูดถึงด้วยครับ

      ถ้าถามว่าทำไมฟ็อกซ์ต้องรีบรีบู้ต และยอมให้เกิดความไม่ต่อเนื่องกับหนังภาคก่อนในบางอย่าง(ซึ่งเป็นแค่ส่วนน้อย)ก็เพื่อไม่ให้เสียสิทธ์ไปเปล่าๆครับ เพราะอุตส่าห์มีองค์ประกอบดีๆมากมาย ถ้าต้องมัวมาติดกับข้อจำกัดจากภาคก่อนๆจนไม่สามารถสร้างบทหนังที่เชื่อมกัน และออกมาดีพอได้ก็สู้รีบู้ตไปเลยดีกว่า ที่สำคัญกว่านั้นคือถ้าฟ็อกซ์ไม่รีบปั้นหนังเอ็กซ์เมนออกมา นอกจากจะเสียโอกาสได้เงินไปฟรีๆ ยังจะต้องคืนสิทธ์ในตัวละครเอ็กซ์เมนให้กับมาร์เวล สตูดิโอซึ่งตอนนี้หันมาทำหนังซะเองแล้ว(เมื่อก่อนขายสิทธิ์ให้คนอื่นไปทำ อย่างสไปเดอร์แมนเป็นของโซนี่ ฮัลค์ของยูนิเวอร์แซล) ซึ่งเป็นสาเหตุเดียวกันกับที่โซนี่ต้องรีบรีบู้ตสไปเดอร์แมนทั้งที่ยังไม่ทันจะผ่านปถึงสิบปีนั่นแหละครับ

      อย่างที่คุณบอกนั่นล่ะครับว่าถ้าอินหนังจริงต้องรู้
      งั้นคุณก็ควรจะรู้ข้อมูลเหล่านี้ก่อนจะติติงในความพยายามที่ดีของทีมผู้สร้างด้วยนะครับ
      ยาวไปนิดยังไง ขออภัยด้วยครับ ฮ่ะๆ

  24. ที่สับสนคือ ภาคที่ 3 ศาสตราจารย์ X กับ magnito ยังร่วมมือกันอยู่เลยครับสังเกตุได้จากการไปพบ จีนส์ ตอนเด็กด้วยกันบ(ตอนนั้น ชาร์ล ยังเดินได้ด้วยมั้ง….โดยเฉพาะ ภาค วูฟล์เวอรีน เดินหัวโล้นลงจาก ฮ. เฉยเลยซึ่งต่างจากภาค first class เดินไม่ได้ตั้แต่ยังผมดกดำ) แต่ภาคล่าสุดทั้งคู่มีจุดมุ่งหมายต่างกันสิ้นเชิง แต่ส่วนตัวแล้วให้ความสนุกเต็ม 10 ครับ ^^

Leave a Reply to {E A R T H}Cancel reply