คริสโตเฟอร์ โนแลน พูดถึงหนังที่เป็นแรงบันดาลใจ, ฉากโปรด, หนังปี 2014 ที่ชอบ, Memento และความกลัว

christopher nolan tdkrคริสโตเฟอร์ โนแลน เป็นนักทำหนังร่วมสมัยที่เป็นที่กล่าวถึงมากที่สุดคนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย เขาสร้างหนังที่เล่นกับสมองของผู้ชมได้ชวนหลงใหลอย่าง Memento, Inception และ Interstellar แบบที่ทำให้เราอดอยากรู้เกี่ยวกับภายในสมองของเขาไม่ได้ เขาประสบความสำเร็จทั้งในแง่คำวิจารณ์และด้านรายได้ แถมยังก่อให้เกิดสาวกคอยติดตามผลงานอย่างเทิดทูน (ไม่เชื่อลองไปตั้งกระทู้ถามในห้องเฉลิมไทย พันทิป ได้ครับ) เขาทำได้ยังไง อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้เขา อะไรทำให้เขากลัว โนแลนได้เล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้ฟังระหว่างไปร่วมงานถามตอบบนเวทีของเทศกาลภาพยนตร์ไทรเบคกาเมื่อกลางปีที่ผ่านมา โดยมีผู้กำกับเบนเน็ต มิลเลอร์ เป็นผู้ตั้งคำถาม และนี่เป็นส่วนหนึ่งของประเด็นที่น่าสนใจในการถามตอบครั้งนั้นครับ

หนังเรื่องแรกที่ก่ออิทธิพลแก่ตัวเขา
“ทันทีที่ผมดู Star Wars ผมก็พยายามทำทุกอย่างเป็นเรื่องของยานอวกาศและนิยายวิทยาศาสตร์ไปหมด ผมทำหนังที่จินตนาการตั้งชื่อว่า Space Wars ขึ้นมาด้วย ผมฉายให้ลูกๆ ได้ดูเมื่อไม่นานนี้ตอนที่ผมแปลงใส่ดีวีดีได้ ผมผิดหวังเล็กๆ ที่มันเป็นหนังที่แย่มาก”

การเขียนบท
“ผมไม่เขียนโครงเรื่อง ผมทำงานโดยใช้สัญชาติญาณ แต่ผมเขียนแผนภูมิมากมายเวลาทำงาน เป็นต้นว่า ผมคิดถึงภาพพิมพ์โลหะของเอสเชอร์บ่อยมาก มันทำให้ผมเป็นอิสระ ในการค้นหารูปแบบทางคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ ผมจะวาดภาพและแผนภูมิที่แสดงการเคลื่อนไหวหรือจังหวะที่ผมต้องการออกมา”

การตัดต่อ
“ผมตัดต่ออย่างด่วนจี๋โดยตลอด เหมือนพยายามจับสายฟ้ามาลงขวด (พยายามทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้) มันมีพลังงานรุนแรงในการทำแบบนั้น ผมคิดเสมอว่าการตัดต่อเป็นเรื่องของสัญชาติญาณ หรืออิมเพรสชั่นนิสต์ ในทางหนึ่งก็คือไม่ต้องคิดมาก ทำตามความรู้สึกมากกว่า”

(อ่านต่อด้านใน)

การสร้างหนัง Memento
“มันเป็นตัวอย่างอันคลาสสิคของการทำสิ่งที่เราทำได้ตอนที่เราไม่รู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ เราเริ่มจากคิดว่า ทำไมมันต้องมีกฎเหล่านี้ด้วย ทำไมผู้คนต้องไปเรียนเขียนบท ทำไมเราเขียนบทหนังที่เราอยากดูแบบที่จะขึ้นอยู่บนจอไม่ได้ และเราก็ทำมันด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที่มันใช้การได้ ถ้าผมพยายามทำมันอีกในตอนนี้ มันคงเป็นความผิดพลาดอย่างน่าเกลียด เมื่อเราเรียนรู้มากขึ้นๆ มันยิ่งยากกว่าเดิมที่จะลืมกฎ”

ความรักต่อฟิล์ม
“ผมรักเพราะฟิล์มเป็นสิ่งที่เก็บภาพได้ดีที่สุดที่มีอยู่ ภัยหลายอย่างที่มีต่อฟิล์มเกิดจากวิสัยทัศน์ที่สั้นและเหตุผลทางการเงิน ผมถ่ายหนังด้วยฟิล์มเพราะมันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเก็ยภาพและรักษามัน และมันสำคัญต่อนักสร้างหนังที่จะมีทางเลือกในการใช้มัน ผมผลักดันก็เพื่อให้ทางเลือกในการสร้างภาพออกไปพ้นมือของผู้อำนวยการสร้างหรือสตูดิโอ ผมอยากให้มันกลับมาอยู่ในมือของผู้กำกับ”

ฉากโปรดในการถ่ายทำของเขา
“ฉากเปิดเรื่องของ The Dark Knight Rises เราใช้เวลาถึงสองวันในการถ่ายฉากนั้นในสก็อตแลนด์ และมันใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะเป็นรูปเป็นร่าง และวางแผนเป็นเดือนๆ โดยทีมงานฝ่ายต่างๆ ที่ทำงานเป็นเดือนๆ ในการซักซ้อมฉากโดดร่ม และเหินหาว และอะไรทั้งหลายเหล่านั้น…ทีมงานฝ่ายเทคนิคพิเศษเข้ามาช่วยในฉากนี้น้อยมาก ผมทึ่งทีมงานที่เราระดมมา และความสำเร็จในการใช้วิธีการสร้างหนังแบบเก่าๆ ด้วย ผมภูมิใจกับผลงานที่ออกมามาก”

การรับมือกับสตูดิโอ
“ผมเรียนรู้ที่จะรับฟังสตูดิโอขณะที่ยังผลักดันวิสัยทัศน์ของเราออกไปจากสตีเวน โซเดอร์เบิร์ก ครูของผม เราต้องหาจุดยืนของเราให้ได้ เราต้องสร้างกฎของเราเอง เราต้องค้นหาให้ได้ว่าอะไรเหมาะสำหรับเรา เขาสอนผมว่าเขาต้องพึ่งตัวเอง และต้องออกไปทำให้สำเร็จ”

ในแง่ความสำเร็จด้านรายได้
“ผมให้เป็นเพราะดวงเป็นส่วนใหญ่ ผมพยายามทำงานตามแบบกระแสนิยม ผมพยายามให้เกียรติผู้ชม ผมพยายามคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชมคนหนึ่ง แต่ผมคิดว่าหลายๆ ส่วนเป็นเพราะดวงจริงๆ ตอนที่เราทำหนัง มันเป็นเรื่องระยะยาว เรามองไปในอนาคตอีกหลายปี ความคิดที่ว่าเราวัดได้ว่าผู้ชมจะสนใจอะไร หรือฝ่ายการตลาดจะขายงานอะไรได้ เป็นเรื่องไม่จริงเลย”

หนังปี 2014 ที่ชอบ
“ปีที่แล้ว ผมชอบ Whiplash มากๆ ผมคิดว่าเป็นงานที่สุดยอดมาก มันเป็นหนังที่พอเราได้ดูแล้ว เราเห็นความแม่นยำอย่างมากๆ ในการประกอบขึ้นมา และเรารู้สึกอิจฉามากๆ”

ความกลัวที่ยิ่งใหญ่สุด
“ความกลัวที่ยิ่งใหญ่สุดของผมก็คือการทำโครงการหนังเรื่องหนึ่งแล้วเราสูญเสียศรัทธาหรือความรักระหว่างทาง เราต้องลงทุนเวลาอย่างมากในการสร้างหนังเรื่องหนึ่ง และความกลัวอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดของผมก็คือเมื่อผ่านไปสักครึ่งทางแล้ว ผมเกิดคิดว่า ไม่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจอีกแล้ว ดังนั้น ก่อนที่จะเริ่มโครงการสักชิ้น ผมจะต้องทดสอบมัน โดยการเขียนบทร่าง โดยการอยู่กับมัน และพยายามดำดิ่งไปในตัวมัน เราต้องแน่ใจว่าเราจะมีความสุขกับมันมากพอที่จะหมกมุ่นกับหนังเรื่องนี้ไปอีก 2 ปีครึ่ง หรือ 3 ปี เมื่อเราตัดสินใจทำมัน”

คำแนะนำต่อนักทำหนังรุ่นใหม่
“คำแนะนำดีๆ อย่างเดียวที่ผมให้ได้ก็คือ ถ้าคุณโชคดีพอที่จะได้เล่าเรื่องด้วยกล้องในสเกลไหนก็ตามที่ทำอยู่ จงถือว่านั่นคือการทำหนังแล้ว อย่ารอว่าจะต้องเป็นหนังจริงๆ ถึงจะทำ เพราะคุณอาจกำลังทำหนังจริงๆ อยู่แล้วในตอนนั้น”

ที่มา: long live cinema

4 comments

  1. ” ถ้าคุณโชคดีพอที่จะได้เล่าเรื่องด้วยกล้องในสเกลไหนก็ตามที่ทำอยู่ จงถือว่านั่นคือการทำหนังแล้ว อย่ารอว่าจะต้องเป็นหนังจริงๆ ถึงจะทำ เพราะคุณอาจกำลังทำหนังจริงๆ อยู่แล้วในตอนนั้น ”
    👍

Leave a Reply