กิจกรรม: รอบพิเศษ Gone Girl เล่นซ่อนหาย ที่เมเจอร์ฯ รัชโยธิน วันที่ 14 ตุลาคม

gone girl bannerฟ็อกซ์ประเทศไทย ใจดีมอบที่นั่งรอบพิเศษให้ชมก่อนใครของหนังเรื่อง Gone Girl เล่นซ่อนหาย หนังใหม่ของผู้กำกับเดวิด ฟินเชอร์ มาให้ผู้อ่านเว็บไซต์ของเราจำนวน 15 ท่าน (ท่านละ 2 ที่นั่งครับ)

หนังจะฉายที่โรงภาพยนตร์ เมเจอร์ ซินีเพล็กซ์ รัชโยธิน วันอังคารที่ 14 ตุลาคม รอบเวลา 20.00 น. (สำหรับผู้ที่ได้รับบัตร ไปรับได้ที่โต๊ะจัดงานตั้งแต่เวลา 19.00 น. ครับ)

ทางผู้จัดงานฝากกติกาอย่างเคร่งครัดมาดังนี้

– ผู้ที่ได้รับรางวัลในกิจกรรมรอบนี้ หากมีรายชื่อได้รับรางวัลจากเว็บไซต์นี้และในเว็บอื่นเกิน 1 ชื่อ
ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ให้เหลือชื่อ เพียง 1 ชื่อ เท่านั้น โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า (แปลว่า ถ้าคุณได้ตั๋วจากเว็บไซต์อื่นแล้ว ควรรีบแจ้งสละสิทธิ์)
– ในการรับบัตรชมภาพยนตร์ แสดงบัตรประชาชนตัวจริงเท่านั้น “ไม่รับสำเนาบัตรประชาชน”
– ห้ามนำอุปกรณ์ใดๆ ที่สามารถบันทึกภาพได้ เข้าไปในโรงภายนตร์
– โปรดให้ความร่วมมือ หากมีเจ้าหน้าที่รับฝากอุปกรณ์ต่างๆหรือตรวจค้นกระเป๋า ก่อนเข้าโรงภาพยนตร์

สำหรับกติกาของเว็บไซต์ของเรา ก็ง่ายๆ ครับ อยากให้ผู้ที่อยากได้ตั๋วชมมาแบ่งปันความเห็นเกี่ยวกับงานหนังเก่าๆ ของผู้กำกับเดวิด ฟินเชอร์ ครับ จะเรื่องอะไรก็ได้ ที่คุณอยากแนะนำให้คนอื่นได้ชมกัน หรือจะบอกว่าคุณชอบหนังเก่าของฟินเชอร์เรื่องไหนที่สุดก็ได้ครับ จากนั้นเราจะสุ่มเลือกจากผู้ที่มาให้ความเห็น เราจะให้เวลาถึง 5 ทุ่มของวันศุกร์ที่ 10 ตุลาคมนี้ครับ และจะประกาศรายชื่อภายในวันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม เพื่อให้ผู้ที่ได้ตั๋วรีบมายืนยันก่อนเราส่งรายชื่อไปในวันจันทร์

อย่าลืมใส่อีเมลกับชื่อบัญชีทวิตเตอร์ (ถ้ามี) มาให้ด้วยนะครับ เพื่อจะได้สะดวกต่อการแจ้งกลับไปหลังประกาศผล

125 comments

  1. ชอบเรื่อง Se7en (1995) ครับ เป็นหนังสืบสวนสอบสวนที่ผสมกับความเชื่อทางศาสนาได้ลงตัว ตื่นเต้น ครบรส และตอนจบที่ไม่มีวันลืมครับ

  2. ผมชอบผลงานล่าสุดของเขาครับ The Social Network
    ประเด็นไม่ค่อยเกี่ยวกับหนังครับ หนังเค้าดีมากอยู่แล้ว
    แต่เกี่ยวกับว่าคืนนั้นหลังดูหนังเรื่องนี้จบ ผมตกลงคบกับแฟนครับ อิอิ

  3. Fincher เป็นผู้กำกับที่ครบเครื่องและมีลายเซ็นที่ชัดเจนในการทำงานมากๆมงานเก่าๆของเค้าอย่าง Fight Club, Se7en, Panic Room หรือแม้แต่ The Curious Case of Benjamin Button ก็เป็นงานที่อยู่ในความทรงจำของใครหลายคนเสมอมา

  4. ชอบเรื่อง The Game หนังซ่อนเงื่อน เดาทางไม่ถูก ลักษณะหนังแบบนี้ ชอบมากเดาทางยากครับ

  5. ชอบ The girl with the dragon tattoo ครับ ชอบหนังแนวสืบสวนสอบสวนอยู่แล้ว ยิ่งทำมาจากหนังสือด้วย เป็นหนังเรื่องแรกที่ทำให้รู้จักเดวิด ฟินเชอร์ เลย

  6. ชอบเรื่องse7en ครับหนังสนุก กระชับฉับไว มีฉากสยองเพียบ ทั้งตื่นเต้นลุ้นระทึกกดดันแถมยังมีหักมุม ครบทุกองค์ประกอบที่หนังสยองขวัญควรมีจริงๆ

  7. ชอบ the girl with the dragon tattoo ครับ รู้สึกว่ามีสไตล์ที่แปลก แต่ก็น่าสนใจ เป็นการเปิดโลกทัศน์ทางภาพยนตร์สำหรับผมทีเดียว บวกกับฉากเปิดเรื่องแนวๆ นับเป็นหนังที่ดูมีอะไรให้ติดตามดีครับ

  8. จริงๆปลื้มทุกเรื่องล่ะครับ แต่ขอเลือก The Girl with the Dragon Tattoo แล้วกัน องค์ประกอบล้วนแล้วดูลงตัวดี แนวการกำกับของฟินเชอร์แกเล่นกับอารมณ์ของคนได้ดีจริงๆครับ จนตอนนี้แกกลายเป็นบุคคลในอุดมการณ์ของผมไปละ

  9. David Fincher เป็นผู้กำกับที่มีฝีมือกำกับเทพด้านบทและจังหวะหนังมากยิ่งเป็นองค์สามหรือบทสรุปของแต่ละเรื่องเขาคือสุดยอดด้านนี้แล้วจริงๆ ถึงเขาจะไม่เคยมีหนังทุนสูงๆระดับ Titanic หรือ Inception แต่เขาสามารถกำกับหนังได้ดีเยี่ยมเกือบทุกเรื่อง (สำหรับผมมีแค่เรื่อง Panic Room กับ Aliens ภาค 3ที่ผมเฉยๆในบรรดาผลงานของเขา แต่นั่นคือผลงานแรกๆของเขา แต่ผลงานหลังจากนั้นของเขาสุดยอดทุกเรื่อง) ถ้าใครที่ไม่เคยได้สัมผัสผลงานของ David Fincher ผมแนะนำให้อย่างน้อยลองไปหา Fight Club ดูและผมรับรองว่าเดี๋ยวท่านก็จะไปหาผลงานอื่นๆเขามาดูเองหลังจากท่านชม Fight Club จบ

  10. ชอบ The Social Network คับ หนังชีวประวัติธรรมดา แต่เล่าเรื่องได้ชวนติดตาม ไม่น่าเบื่อ แถมยังลุ้นไปกับเนื้อเรื่องว่าจะเป็นยังไงต่อ

  11. The Curious Case of Benjamin Button ครับ ปกติชอบดูหนังออกแนวบู๊ๆ ไม่ค่อยได้สนใจแนวนี้เท่าไหร่เพราะคิดว่าเนื้อน่าจะน่าเบื่อ แต่ตอนนั้นบังเอิญว่าได้ดูผ่านทางเคเบิ้ล ผกก.ทำหนังออกมาได้เพลินมากๆ สะกดผมอยู่หมัดเลยหล่ะ จากคนที่ไม่ค่อยดูแนวนี้เท่าไหร่ ตอนดูจบถึงกับต้องออกไปซื้อแผ่นมาเก็บไว้เลยทีเดียว

  12. เสน่ห์การทำหนังของเดวิด ฟินเชอร์ที่ชอบนั้นคือ การเลือกจังหวะการเล่าเรื่องตามอารมณ์ของเรื่องได้อย่างลื่นไหล สามเรื่องหลักที่ชอบเป็นพิเศษได้แก่ The Curious Case of Benjamin Button สามารถถ่ายทอดได้อย่างละมุนละไม ,Panic Room หนังที่เหมือนธรรมดาแต่ทำออกมาได้ตื่นเต้นตามและยังสนุกทุกครั้งที่ดู และที่ขาดไม่ได้อย่าง fight club ทำให้อาชีพคนขายสบู่น่าสนใจขึ้นมามากทีเดียว 🙂

    และสุดท้าย Gone girl นี้คิดว่าอย่างไรก็ไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ ^^

    twitter: postgardann

  13. ที่อยากจะแนะนำคงเป็นเรื่อง fight club ครับ
    ดูจากแค่ชื่อเรื่องกับตัวอย่างหนังแล้วหลายคนอาจคิดว่าเป็นหนังแอ็คชั่นธรรมดา แต่พอได้ดูแล้วถึงกับตกใจในประเด็นที่หนังนำเสนอไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การเสียดสีระบอบทุนนิยมและบริโภคนิยม ความบ้าคลั่งและความรุนแรง พร้อมการหักมุมที่คาดไม่ถึงในตอนท้ายเรื่อง ทำให้เรื่องนี้เป็นหนังของ David Fincher ที่อยากจะแนะนำให้คนอื่นดูมากที่สุด

    The first rule of Fight Club is: You do not talk about Fight Club.

  14. ผลงานเก่าๆของ David Fincher ที่ชอบที่สุดก็คงจะเป็น Fight Club ครับ เพราะเป็นหนังที่แฝงไปด้วยด้านมืดภายในตัวมนุษย์ เป็นหนังที่ดูแล้วต้องคิดตามการกระทำแต่ละอย่างของตัวละครตลอดเลยล่ะครับ

    E-mail : ironhad1@hotmail.com
    Twitter : @ironhad1

  15. หนังของฟินเชอร์ส่วนตัวชอบ The Social Network ที่สุดค่ะ ชอบหลายๆอย่างในหนัง
    ทั้งการเล่าเรื่องที่เล่าแบบหลายไทม์ไลน์พร้อมๆกันโดยไม่ทำให้งง ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคนิคการเล่าเรื่องที่ดีที่สุดเท่าที่เคยดูมาอีกเรื่องเลยค่ะ
    และยังชอบเนื้อหาของหนังมากๆ เรียกว่ามาอยู่ในมือถูกคนมากๆ ดนตรีประกอบก็ดี การแสดงก็ดี แทบจะไร้ที่ติเลย ชอบมากๆค่ะ

  16. ชอบหนังเดวิด ฟินเชอร์เรื่อง Fight Club ที่สุดครับ ทุกครั้งที่ได้ดูสัมผัสได้ถึงความเเปลกใหม่ ซึ่งน้อยเรื่องนักที่จะทําได้เเบบหนังเรื่องนี้ ตลอด 139 นาทีที่เสียไปคุ้มค่าเเละไม่มีคําว่าน่าเบื่อจริงๆ บอกเลยใครยังไม่ได้ดูเสียชาติเกิดมาก

  17. สำหรับผมคงเป็น The Curious Case of Benjamin Button ครับ เป็นหนังที่แปลก(เพราะ Benjamin) แต่เรียบง่าย แต่ลึกซึ้งกินใจดี คงมีไม่บ่อยในภาพยนตร์ที่เราจะเห็นตัวละครเกิดมาแล้วแก่ และดูเด็กลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น หนังเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของ 2 คนที่มีความแตกต่างกันได้ดี และชวนคิดมากๆครับ

  18. Fight Club คือที่สุดของเดวิด ฟินเชอร์และเป็นหนังที่ชอบที่สุดตั้งแต่ดูมา เป็นภาพยนตร์ที่ดูซ้ำมากที่สุดน่าจะเกินร้อยรอบไปแล้ว นอกจากสตอรี่ที่ทำให้อึ้งแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ยังแฝงปรัชญาและแนวคิดเอาไว้มากมาย

    Email : riw.lao@gmail.com

  19. ให้ Zodiac ครับ ดูแล้วรู้สึกได้ลยว่าทีมงานได้ค้นคว้าข้อมูลกันมาหนักมาก แล้วก็ชอบรูปแบบวิธีนำเสนอที่ให้ความสำคัญกับข้อมูลมากกว่าเร้าอารมณ์ เรารู้สึกว่าไอ้ท่าทีแบบนี้มันจะหาไม่ค่อยได้ในหนังของฟินเชอร์

  20. zodiac หนังที่ดีที่สุดของฟินเชอร์ แต่ถูกประเมินต่ำกว่าความจริงมาตลอด บรรยากาศเย็นยะเยือกหลอกหลอน ตัวละครที่ค่อยๆดำดิ่งสู่ก้นบึ้งหายนะเรื่อยๆๆ

  21. ชอบ The Girl with Dragon Tattoo มากที่สุดครับ เป็นงาน Adaptation ที่ทำต่างจากตัวต้นแบบออกมาได้ดีมากๆ ถึงแม้ว่าจะเคยอ่านงานเขียนตัวต้นฉบับมาแล้ว ก็ยังสามารถรู้สึกลุ่นระทึกและอินไปกับมันได้อยู่ด้วย เป็นเอกลักษณ์ที่เด่นของ Fincher มากๆ (Fight Club อีกเรื่อง) และซึ่ง Gone Girl ที่ดีมากอยู่แล้ว ฟินเชอร์คงจะทำออกมาได้อย่างเหนือความคาดหมายเหมือนเดิม : @leeisliar // leenopow@gmail.com

  22. Fight Club คือที่สุดของประสพการณ์ทางภาพยนต์ของผมครับ ประทับใจทุกอย่างที่เป็นหนังเรื่องนี้หักมุมทุกความเชื่อของผมจนหมด นี่ไม่ใช่แค่หนังที่ชอบที่สุดของเดวิดฟินเชอร์ แต่เป็นหนังที่ชอบที่สุดจากทั้งหมดที่เคยดูมา เป็นหนังที่ทำให้แทบจะหลุดเข้าไปอยู่ในนั้นแบบไม่ต้องใช้ 3D เลยทีเดียว ดูจบแล้วมีความรูสึกว่าโดนฝังความคิดบางอย่างใส่หัวแบบไม่รู้ตัว ประเด็นที่ผู้กำกับสื่อและวิธีการนำเสนอมีความซับซ้อน และแปลกประหลาดอย่างมีสไตล์เอามากๆ เชื่อเลยว่าเป็นผู้กำกับคนนี้จะต้องเป็นสุดยอดฝีมือคนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ ผมอารมณ์ค้างกับหนังเรื่องนี้ไปหลายเดือนกว่าจะเป็นอันทำมาหากินเลยครับ

    อ้ะๆ 1st Rule of Fight Club is: You do not talk about FIGHT CLUB นี่นา

  23. ชอบเรื่อง se7en ที่สุดครับมีฉากจำมากมาย 19ปีมาแล้วยังไม่ลืมเลย ดูอีกทีก็ยังสนุกครับ

  24. ชอบเรื่อง Fight Club หนังดิบๆ เสียดสีสังคมผู้คนดี หนังดูได้ไม่เบื่อ ชอบค่ะ

  25. David Fincher ผมว่าเค้าเป็นผู้กำกับที่เล่นกับความรู้สึกคนดูได้ดีนะครับ ค่อยๆต้อนคนดูให้ไปทางที่เค้าวางไว้ แล้วก็จบเรื่องกันแบบให้อึ้ง และจำได้เป็นสิบๆปีถึงความรู้สึกตอนที่ดู

    หนังดังๆของเค้าที่ขึ้นหิ้งหนังที่ไม่ควรพลาดชมก็มีหลายเรื่องนะครับ เช่น Se7ven , The game , Fight Club ฯลฯ ซึ่งหนังแต่ละเรื่องของพี่แก เราจะสามารถดูได้มากกว่า 1 รอบ แถมยิ่งสนุกขึ้นด้วยซ้ำไป

    แต่มีอยู่เรื่องนึง ที่ผมคิดว่า ค่อนข้างแปลกสำหรับผู้กำกับคนนี้ และยังทำออกมาได้ดีมากๆ นั่นก็คือ The Social Network ครับ ไม่คิดว่า หนังที่วัยรุ่นมาก มีเรื่องราวของเทคโนโลยี และความเป็น Social ที่เราใช้ๆกันอยู่ทุกวันนี้ จะเอามาเล่าได้น่าสนใจ แถมสนุก ได้ขนาดนี้ ถือว่าเซอร์ไพรส์ผมมากๆเลยล่ะ

    อีเมล hyde_20@hotmail.com ครับ

  26. Fight Club รูปแบบการเล่าเรื่องที่มีมันเสน่ห์ มีชั้นเชิง บทสนทนาที่คมคาย เสนอด้านมืดของมนุษย์ได้ดี ตอนดูครั้งแรกก็เหวอไปเหมือนกันที่หนังเล่ามาทางนี้

  27. หนังเด็ด ๆ ของ David Fincher เองนั้นมีมากมายเลยครับ หลัก ๆ เท่าที่ผมเคยดูก็ได้แก่

    – Panic Room
    – The Girl with the Dragon Tattoo
    – The Social Network
    – Zodiac
    – Fight Club
    – Se7en
    – Alien3

    ซึ่งรับประกันได้เลยว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นหนังดีทั้งนั้นและเกินครึ่งที่เป็นหนังในดวงใจของผมก็ว่าได้

    แต่ถ้าจะให้แนะนำเรื่องเดียวเลยก็คงจะเป็นเรื่อง Fight Club ครับ ซึ่งบอกได้เลยว่าเป็นหนังเก่าแต่กลับเป็นหนังผลงานของ Fincher เรื่องล่าสุดที่ผมดูและประทับใจมาก ๆ เลยครับ

    Email : kendejiz@gmail.com

  28. Fight Club เป็นเรื่องแรกที่ได้รู้จักผกก. David Fincher และยกให้เป็นเรื่องที่ชอบที่สุด หนังเล่าเรื่องได้สนุก น่าติดตาม ตอนจบก็ทำออกมาได้เนื้อความคาดหมาย

  29. เอาจริงๆเลยนะคะ หนังของอีตาผู้กำกับDavid Fincherคนเนี๊ยะ!! เราชอบหลายเรื่องเลยแต่ประเด็นสำคัญคือทุกเรื่องดั๊นมีพ่อBrad Pitt สุดหล่อลูกดกเมียใจบุญมาเล่นด้วยทุกเรื่องนั้น หนังที่เราชอบและอยากแนะนำให้เพื่อนๆได้ดู(คนนั้นต้องไม่เคยดูด้วยนะขืนชวนดูเค้าเคยดูแล้วหน้าแหกอีก)

    1.SEVEN ชอบตรงไหนอ่ะหรอก็ชอบตรงที่เป็นหนังฆาตกรรมดูแล้วน่าติดตามและคอยลุ้นในการแกะปมไปเรื่อยๆแถมสรุปตอนท้ายก็เล่นซะอึ้งไปเลยทีเดียวจนต้องย้อนกลับมาดูใหม่แล้วนั่งคิดตามฆาตรกรเลยค่ะว่าเพราะอะไรเหตุจูงใจ คือสมัยนั้นหนังแนวจบหักมุมมันเป็นอะไรที่แปลกใหม่มากสมัยนั้นยังเป็นเป็นยุควีดีโอเอง

    2.Fight Club เรื่องนี้สุดยอดตรงไหนตรงที่เราชอบนักแสดงนำทั้ง2คนคือEdward Nortonมาไฟว้กับBrad Pitt โหฟินค่ะแค่นักแสดงก็กินขาดละ แต่ทีเด็ดมันไม่ใช่แค่นั้นมันเป็นหนังจิตวิทยาที่แฝงเรื่องของระบบทุนนิยมมาด้วย หนังเรื่องนี้มันจะทำให้คนแตกเป็น2กลุ่มคือไม่งงไก่ตาแตกก็ชอบไปเลยแต่เราจัดอยู่ในพวกหลังค่ะชอบจริงๆไอหนังประเภทเล่าเรื่องจะทำให้คนดูงงในตอนแรกแล้วมาเฉลยจนแทบตกเก้าอี้เพื่อให้เรากรอวีดีโอย้อนกลับไปดูใหม่อีกรอบ (ตอนนั้นยังทำงานร้านวีดีโออยู่ค่ะเลยได้ดูวีดีโอตลอด)

    3.The Curious Case of Benjamin Button เรื่องนี้ชอบมากๆอีกเรื่องคือหนังทำเราซึ้งและแอบเสียน้ำตาจำได้ว่าเรื่องนี้ไปดูโรง2รอบ คือประทับใจเนื้อหาและตัวแสดงชอบวิธีการเล่าเรื่องและนำเสนอ ดีใจที่หนังแถมพ่วงรางวัลมาหลายรางวัลแต่ที่สมควรให้เลยมากๆคือสาขาแต่งหน้ายอดเยี่ยมคือเนียนมากค่ะ แล้วหนังยังได้ Cate Blanchett สตรีผู้ยึดครองบัลลังค์Oscarนางไปเวทีไหนไร้พ่ายได้ตลอด

    E-mail moonmeiw@hotmail.com

  30. สำหรับผม The Curious Case of Benjamin Button ชอบพล็อตที่ว่าจะเป็นอย่างไรถ้าเราเกิดมามีรุปร่างหน้าตาที่แก่ แล้วพอโตขึ้นกลับค่อยๆอ่อนวัยลงเรื่อยๆจนวาระสุดท้ายของชีวิต มันรุ้สึกชอบในความแปลกของมันดี เหมือนกับว่าเรากำลังใช้ชีวิตเดินหน้าไปเรื่อยๆและถอยหลังเข้าสู่จุดเริ่มต้นในเวลาเดียวกัน เป็นอะไรที่เรียบง่าย ซาบซึ้ง และ สื่อได้โดนใจผมสุดๆ

    ปล. ผมรู้จัก David Fincher มาจากเรื่อง Alien³
    Email: tricell_dri@hotmail.com

  31. ชอบเรื่อง The Social Network เพราะเป็นหนังผสมผสานเรื่องราวของชีวิตวัยรุ่น เทคโนโลยี ได้อย่างลงตัว หนังเล่าเรื่องได้สนุก น่าติดตามมากครับ สาวกพี่มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

    Email: panupong.yok@hotmail.com

  32. Seven ครับ หลังจากได้เอากลับมาดูอีกรอบ ก็รู้สึกว่า Seven นี่แหละลงตัวในหลาย ๆ อย่าง ทั้งการแสดง การกำกับภาพ การตัดต่อ แล้วก็เพลงประกอบที่ชวนกดดัน ฉากไคลแม็กซ์ในตอนท้ายไม่ได้เกี่ยวกับว่าเดาได้หรือไม่เดาไม่ได้ แต่อยู่ที่อารมณ์และความรู้สึกของตัวละคร โดยรวมแล้วมันจึงเป็นแนว psychological thriller ที่ติดอันดับต้น ๆ ของหนังกลุ่มนี้ได้ไม่ยากเลยละครับ

  33. ชอบ เรื่อง The Curious Case of Benjamin Button ครับ
    เพราะมันแสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ของ David Fincher ตั้งแต่เนื้อเรื่อง การถ่ายทอดเรื่องราวของหนังตั้งแต่ต้นจนจบ มีสเน่ห์ น่าสนใจจนถึงฉากสุดท้ายครับ

  34. ชอบ Fight club ครับ เป็นเรื่องแรกๆที่ทำให้ชอบดูหนังฝรั่ง Hollywood เลย เนื้อเรื่องสนุกมาก ตอนนั้นไม่เคยคิดว่าจะมีหนังอะไรแบบนี้เลย ก็เลยชอบหนังประเภทนี้เป็นพิเศษ ^.^

  35. The Girl with the Dragon Tattoo พยัคฆ์สาวรอยสักมังกร ภาคปฐมบทจากนิยายไตรภาคซีรีส์ชุด The Millennium Trilogy ที่ขายได้กว่า 50 ล้านเล่มทั่วโลก ผู้หญิงหยาบโลกที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยสัก ซึ่งหาเลี้ยงตนเองจากการเป็นนักขโมยข้อมูล…

  36. ชอบ Fight Club มากค่ะ หนังเสียดสีกับสังคมทุนนิยมในปัจจุบัน และยิ่งดูยิ่งรู้สึกต้องตั้งใจดูมากขึ้นเรื่อยๆ XD

  37. The Curious Case of Benjamin Button เป็นหนังที่ถ่ายทอดความเป็นจิตวิญญาณ การมีตัวตน รัก โลภ โกรธ หลง การเดินทางของชีวิต และที่สำคัญ….เวลา คือ กุญแจหรือหัวใจสำคัญของหนังเรื่องนี้ แบรดพิทและเคตถ่ายทอดออกมาอย่างมืออาชีพ คู่ควรกับรางวัล ผู้กำกับก็ยอดเยี่ยม satichai.p@hotmail.com (จริงๆ คือชอบทุกเรื่องของผู้กำกับคนนี้)

  38. Zodiac (2007) โซดิแอค ตามล่า…รหัสฆ่า ฆาตกรอำมหิต
    ชอบเรื่องนี้ที่สุด ลุ้นระทึกไปด้วยตลอดทั้งเรื่อง บรรยากาศอึ้มครึ้ม ชอบหนังแบบนี้ที่สุด!
    email – hq2@hotmail.com
    twitter – hq2cpkkln

  39. ชอบ seven ชอบความกดดันของหนัง ช็อคแบบไม่ต้องเห็นภาพ แบรดพืทท์สุดยอดมาก

  40. The Social Network ครับ ซึ่งหนังเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว ทั้งนักแสดง ได้แก่ Jesse Eisenberg, Andrew Garfield และ Justin Timberlake หนังเล่าเรื่องราวถึงที่มากว่าจะเป็น Facebook ที่คนนิยมใช้กันทั่วโลก หนังมีทั้ง Drama และ Comedy และเรียงลำดับได้อย่างลงตัว เข้าใจง่าย ดูแล้วไม่งง สนุกจริงๆ ครับ

    Email : rsboy325@hotmail.com
    Twitter : RSBOY325

  41. ตอนแรกว่าจะไม่เล่น เพราะ ไม่รู้จัก David Fincher
    แต่พอไปดูใน imdb ตกใจ นี่เราดูหนังของแกเกือบทุกเรื่องเลยนะเนี่ย แถมชอบมากก็หลายเรื่องด้วย เลือกยากมาก

    แต่ขอเลือก The Game ละกัน

    เพราะเรื่องนี้ เล่นเอาปวดตับกันตั้งแต่ต้นเรื่อง ยันท้ายเรื่อง ตัวละครทุกตัวดูมีเงื่อนงำ ไม่น่าไว้ใจทั้งนั้น สุดท้ายตอนจบเล่นเอาหงายหลัง บอกกับตัวเองว่า “เอางี้เลยนะ” สรุปแล้วเป็นหนังที่ดูสนุก ลุ้นทุกช่วง หนังสอนให้เรารู้ว่ายามเราตกต่ำ จะเหลือเพียงคนไม่กี่คนหรอกที่เราสามารถไว้ใจได้ แล้วคนๆนั้นก็อาจเป็นคนที่เรานึกไม่ถึง ดักลาสดูมีเสน่ห์มากในหนังเรื่องนี้ ใครยังไม่เคยดู ขอแนะนำครับ

    Email : uchotjaratwanich@gmail.com , Twitter : ไม่มีครับ, ชื่อเล่น หนุ่ม

  42. ชอบ the girl with the dragon tattoo ครับ เป็นหนังสืบสวนสอบสวนที่แปลกๆดี 😆 อยากดู fone girl เลยครับ 55555

  43. ชอบ Fight Club ครับ ชอบคำกล่าวที่ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณครอบครองอยู่นั้น ท้ายที่สุดแล้วพวกมันก็จะครอบงำคุณเสีย แต่ถ้าหากคุณสูญสิ้นทุกสิ่งเมื่อใด คุณก็จะกล้าทำอะไรต่อมิอะไรได้อย่างไร้กังวลตลอดไป ซึ่ง Fight Club เปรียบได้กับอิสรภาพแบบนั้น “

  44. ชอบ Fight Club ครับ ชอบคำกล่าวที่ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณครอบครองอยู่นั้น ท้ายที่สุดแล้วพวกมันก็จะครอบงำคุณเสีย แต่ถ้าหากคุณสูญสิ้นทุกสิ่งเมื่อใด คุณก็จะกล้าทำอะไรต่อมิอะไรได้อย่างไร้กังวลตลอดไป ซึ่ง Fight Club เปรียบได้กับอิสรภาพแบบนั้น “

    Email : bbbbb1900@hotmail.co.th

  45. fight club ครับ เป็นหนังเดือด ที่หลอกคนดูได้อยู่หมัด ความดิบนี่ดิบจนเดินออกจากโรงแล้วชวนคนมาต่อยกันได้เลย จากคนเจี๋ยมเจี๊ยม กลายมาเป็นสุดยอดนักต่อสู้ได้ แถมการแสดงของทั้งคู่ ยังโคตรจะแมน รักเลย ขอบอก
    tancub0@gmail.com

  46. แนะนำสำหรับนักชมภาพยนตืรุ่นใหม่นะครับ Fight Club ดิบดวนดิบ นำแสดงโดย Brad Pitt
    มาครบทั้งเนื้อหา บทภาพยนต์และบู๊ action เป็นภาพยนต์ในความทรงจำเลยทีเดียว

  47. ชอบเรื่อง Fight Club ครับ เป็นเรื่องแรกที่ได้หนังดูของ Fincher แล้วชอบมาก (ชอบหนังหักมุมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว) หลังจากนั้นก็ตามเก็บหนังของแกมาเรื่อยๆ

  48. ชอบ The Social Network แนะนำให้ไปหาชมกัน เพราะจะได้รู้ประวัติความเป็นมาของเฟซบุ๊ค Social Network ยอดฮิตอันดับ 1 ว่าถือกำเนิดมาให้พวกเราใช้ ในทุกวันนี้ได้อย่างไร

    Twitter : leedonghee77
    E-mail : peerapong@hotmail.co.th

  49. ชอบเรื่อง The Social Network มากที่สุดค่ะ เพราะว่าเป็นเรื่องที่คล้ายๆกับในชีวิตจริงมาก เลยทำให้อินตามได้ไม่ยากเลยค่ะ และประเด็นเรื่องมิตรภาพก็น่าสนใจมากค่ะ

    E-mail : ll_w_u@hotmail.com

  50. Panic Room เรื่องนี้เคยดูตอนมหาลัย ทำให้รู้จักว่าพล็อตเรื่องไม่กี่บรรทัด นำมาบิด มาดัด มาตัดแต่งได้น่าลุ้น ระทึกไปกับตัวละครที่อ่อนด้อยทางกายภาพ แต่ลูกฮึดเกินร้อย แถมเปิดตัวสาวน้อยคริสเตน สจ๊วร์ต ด้วยลุคทอมบอย มีปม อมโรค ก่อนจะมาเปรี้ยงในหนังแวมไพร์อย่างเหนือความคาดหมาย..

  51. ชอบ The Social Network และ The girl with the dragon tattoo เพราะเค้าตัดต่อได้คมกริบอย่างกับมีด ดูแล้วหาที่ติแทบไม่ได้ ล่าสุด กับ house of cards ทั้งที่ผมไม่ชอบเรื่องการเมืองเท่าไร ดูแล้วก็หยุดไม่ได้ ทุกฉากคมเนียบเฉียบขาด ถือได้ว่า david fincher เป็นผู้กำกับอันดับหนึ่งในดวงใจ ณ ปัจจุบัน

  52.  ถ้าเป็นภาพยนต์ที่ เดวิด ฟินเชอร์ กำกับ ส่วนตัวเคยดูแค่เรื่อง “The Social Network” ค่ะ
    เป็นเรื่องที่ดังมากๆๆๆ เสียงตอบรับดีสุดๆ
    ที่ชอบเรื่องนี้มากเป็นเพราะทำมาจากเรื่องจริงของ Facebook ได้ว่า พี่มาร์คเค้า เก่งจริงๆ เข้าขั้นว่าอัจฉริยะก็ว่าได้ ไหวพริบดีมากๆๆๆ
    สุดยอดมากค่ะ !!!! •﹏•
    Email : aoakung@hotmail.com
    Twitter : Aoriz012

  53. ส่วนตัวยังตามดูผลงานไม่ครบทุกเรื่องนะคะ เอาที่ได้ดูแล้วชอบที่สุดคือ The Social Network คือบทดีมากการลำดับภาพตัดต่อ ดูแล้วสนุกมากๆค่ะ เป็นเรื่องที่เอามาดูกี่รอบก็ไม่เบื่อ เค้าถ่ายทอดเรื่องราวได้ดีมาก แอบเสียดสีเบาๆว่าคนที่่ก่อสร้างเวบให้คนติดต่อกันแต่ตัวเองดันเข้ากับใครไม่ค่อยได้ เจ็บเบาๆ มันมีเลือดเนื้อของคนจริงๆไม่ใช่ถ่ายทอดออกมาเบาๆเปลือกๆ ชอบมุมมองการเล่าเรืองผกก.คนนี้ค่ะ

    takkyinthesky@gmail.com

  54. Fight Club ครับชอบลีลาการแสดงของตัวละครหลักทั้งสองคน เทคนิคการเล่าเรื่อง เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่สอดแทรกมากับตัวหนัง หลังจากเรื่องนี้ผมก็ตามดูหนังเก่าแลัใหม่ของแก จนปัจจุบันก็เป็นผู้กำกับในดวงใจอีกท่านหนึ่งครับ

    @่judasprees
    judasprees@gmail.com

  55. ชอบเรื่อง fight club กัชอบเพราะความดิบและเอกลักษณ์ตัวละคร และเสียดระบบทุนนิยมได้เจ็บแสนมากครับ เและฉากจบที่เจ๋งเว่อตลอดกาล 🙂
    v_dont_cry@hotmail.com

  56. ชอบ fight club ครับ การเล่าเรื่องและแง่คิดสิ่งที่แฝงอยู่ในตัวหนังการจิกกัดสะท้อนสังคม ดูกี่ทีก็ยังสนุก และฉากจบในตำนาน

  57. ชอบ Se7en มากที่สุด เป็นผลงานที่เเจ้งเกิดจริงๆจังเสียทีของเขา เรื่องราวออกเเนวสืบสวนสอบสวนของฆาตกรบาปอํามหิตทั้ง 7 เเต่นั่นก็ไม่สําคัญเท่าตอนจบที่ทําได้ระทึก เเละร่วมเชียร์ ร่วมลุ้นไปกับตัวละครว่าเขาจะยอมเป็นเหยื่อให้ตัวร้ายหรือไม่ ที่สุดเเล้วต้องไปดูกันเอาเอง

  58. Fight club คะ เป็นหนังที่ดูแล้วต้องกลับมาเก็บรายละเอียดหนังอีกรอบ ไทม์ไลน์หนังดีมาก ปมหนังลึกซึ้ง ซับซ้อน ดูจบมาแชร์กับเพื่อนๆยิ่งได้ความคิดหลากหลายแง่มุม ซึ่งชอบแนวหนังแบบนี้มาก รองลงมา the game คะ เรื่องนี้ชอบตอนจบของหนัง แบบเห้ยย สุดยอดดดอะ

    felix_feliciz@hotmail.com

  59. ผมชอบทุกเรื่องของเฮียแกที่ดูมาเลยครับ ถึงจะดูมาไม่กี่เรื่องก็ตาม
    ชอบ Fight Club มากที่สุดครับ เพราะเป็นเรื่องที่เล่าเรื่องได้อย่างมีสเน่ห์เฉพาะตัวมากครับ ไม่ซ้ำแนวกับหนังเรื่องไหนๆ แม้จะเป็นหนังยุคหลังๆก็ตาม
    ที่ชอบมากๆเลยคือการถ่ายทอดแนวคิดแปลกๆบางอย่าง และเนื้อเรื่องที่ดูสมจริงออกมาได้อย่างลื่นไหลและดูน่าคล้อยตามมากๆ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริง แต่กลับทำให้เป็นจริงได้อย่างสวยงามในโลกที่หนังเรื่องนี้สร้างขึ้น จึงเป็นหนังในดวงใจผมมากๆเรื่องนึงเลยครับ

    อีกเรื่องที่ชอบรองลงมาก็ Social Network ครับ มีความรู้สึกว่าเรื่องเดินเร็วมากๆ ต้องตั้งใจดูสุดๆ 555 แต่เป็นเรื่องที่ทำให้ได้เห็นเรื่องราวในเหตุการณ์เดียวกันในหลายๆมุมมองได้อย่างกระชับครับ และมันค่อนข้างเป็นเรื่องที่ดูแล้วเครียดผสมสนุกไปในเวลาเดียวกันได้

    อีกสองเรื่องที่ดูและชอบเท่าๆกันคือ The Curious Case of Benjamin Button กับ Se7en ครับ เรื่องแรกเป็นเรื่องที่ผมบอกไม่ถูกว่าทำไมถึงชอบแต่มันดูแล้วซึ้งใจมากๆครับ 5555 ส่วน Se7en อันนี้ผมค่อนข้างชื่นชมในบรรยากาศของหนังที่ทำได้เครียดบีบหัวใจและกดดันมืดหม่นมากๆ ฉากจบก็สุดจะบีบหัวใจ การแสดงของแบรด พิตต์ก็สุดยอดมากครับ

    ขอโทษที่ยาวมากครับ เวลาพูดเรื่องหนังที่ชอบมันจะพรั่งพรูออกมาหยุดไม่ได้ 5555

  60. อยากเห็นเพื่อนๆดูเรื่อง Zodiac มากๆ คับ แนะนำเลย อยากรู้ว่าเพื่อนๆแต่ละคนจะตีความหนังแบบไหนยังไง
    ถ้าชอบหนังแนวหม่นๆ อย่าง Prisoners แนะนำเลย หนังสุดยอดจริงๆคับ

  61. ชอบเรื่อง The Girl with the Dragon Tattoo (2011) เรื่องนี้หนังโปรดในดวงใจอีกเรื่องเลยครับ หนังยาวเกือบ 2.30 ชม แต่ก็ทำให้คนดูติดตามเนื้อเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบไม่เบื่อเลย โทนภาพ มืดๆกึ่งขาวดำ แต่อาร์ทแนวๆมาก แดเนียล เครก ก็แสดงดี แอคชั่น ก็มันสะใจ ยิ่งนางเอก นี่การแสดงสุดๆืตอนจบก็นะ … อยากดูภาคต่อเร็วๆแล้ว แต่เงียบเลยครับ T_T. @maymeuw79@gmail.com. @MeyersPaszo

  62. The curious case of Benjamin Button ค่ะ เป็นหนังเรื่องแรกของฟินเชอร์ที่ได้ดูเลย ดูแล้วซึ้งมาก เป็นหนังที่ให้แง่มุมในชีวิตได้นุ่มนวล ละเอียดละออ และประทับใจทุกวินาที ชอบมากจนกลายเป็นหนึ่งในหนังในดวงใจไปแล้วค่ะ

    Twitter @hatoribaka
    Hatoribaka@gmail.com

  63. ได้ดู The Girl with the Dragon Tattoo (2011) ชอบมากค่ะ คิดว่าหนังเรื่องนี้บ่งบอกถึงลายเซ็นส์ของ David Fincher ได้ดีเชียวนะ องค์ประกอบต่างๆของหนัง ใครที่ยังไม่ได้ดู ไปหามาดูกันนะคะ / alibi_s@hotmail.com

  64. ชอบ Zodiac ค่ะ หนังไม่โดดเด่นมากเหมือนเรื่องอื่นๆ ของฟินเชอร์ แต่หนังแนวนี้หาดูยากนิดนึง เหนื่อยๆไปหน่อย หนังยาวไปนิด ออกอารมณ์จะหลับ แต่จริงๆ ไม่นะ เพราะมันจะมีรหัส มีโค้ดให้เราค้นหาร่วมไปกับหนัง ให้เราคอยติดตามตลอดทั้งเรื่อง ชอบหารหัสลับอะไรประมาณนี้ เป็นหนังที่น่าสนใจนะ

    violett.lavendel@gmail.com

  65. The Curious Case of Benjamin Button ชอบไอเดียรักแปลกที่เวลาสวนทางกันเป็นเงื่่อนไขในการกำหนดชีวิต ทำให้น้ำตาซึมได้ และด้านการแสดงในเรื่องที่เหมือนกับว่าจะเดินมาในเวทีออสการ์ โดยเฉพาะ Brad Pitt และ Cate Blanchett ที่รายหล้งโดยมองข้ามไปเลย แต่ดันพลาดไปหมดได้จนถึงตัวหน้งเองก็ออกจะคลาสสิคในแบบที่ออสการ์ชอบ แต่ก็ไม่ได้หนังเยี่ยม แต่ผมคิดว่าเป็นหนังเยี่ยมที่สุดในปีนั้นสำหรับผม

  66. ส่วนตัวแนะนำ Panic Room เป็นงานดราม่าธิลเลอร์ ที่ให้อารมณ์ร่วมได้ดีมาก
    ทุกอย่างดีหมด ตั้งแต่นักแสดง ทั้ง โจดี้ / จาเล็ด / คริสเท่น / ฟอร์เรสต์
    งานภาพ การเล่นกล้อง ตัดต่อภาพ เท่มาก เป็นงานเท่แบบบิ๊วอารมณ์ได้ดีด้วย

    ฟังชื่อเผินๆ ออกแนวตลาด แต่ชอบตรงที่ฟินเชอร์ก็ไม่ทิ้งลายเซ็น
    เดินเรื่องให้ตัวละครทุกตัวมีมิติดาร์ค/สว่างต่างๆกันไป

    เป็นหนังของฟินเชอร์ที่ซึมเข้าโสตประสาทง่ายที่สุด แต่ชวนลุ้นและคิดตามที่สุดเช่นกัน

    ตอนแรกก็คิดนะ มันจะสมชื่อเรื่องไหม Panic Room พอดูปุ๊ปก็ อืมม!! Panic จริงๆ
    คือถ้าคุณดูหนังเรื่องนี้กับแฟน เชื่อว่าความฟรุ้งฟริ๊งจะหายไปชั่วขณะ จนกว่าหนังจบ

    #โปรโมทเหมือนเป็นญาติฟินเชอร์!!

  67. Devid Fincher เป็นผู้กำกับอันดับ 1 ในดวงใจของผม ขอเลือกหนังของเขา 3 เรื่องที่ชอบ ก็คือ

    – SE7EN เป็นหนังของ Devid Fincher เรื่องแรกที่ผมได้ดู ประทับใจมาก และเป็นหนังอันดับ 1 ในดวงใจของผมด้วย และอาจเป็นหนังแนวสืบสวนสอบสวนที่ดีที่สุดก็ว่าได้

    – Panic Room เป็นงานระดับ Masterpiece ด้านภาพ กำกับภาพ ตัดต่อ และมุมกล้อง เป็นหนังที่สร้างมาตรฐานไว้สูงมาก นักเรียนนักศึกษาที่ต้องการเป็นผู้กำกับในอนาคตต้องไม่พลาดเรื่องนี้

    – The Social Network เป็นผลงานที่อยู่ระดับสูงสุดของ David Fincher แล้ว เพราะได้รวมเทคนิคทุกอย่างจากหนังเรื่องก่อนหน้ามารวมไว้ในหนังเรื่องนี้ The Social Network คือ Oscar Best Picture สำหรับผม

    monstum@hotmail.com

  68. เดวิด ฟินเชอร์เป็นผู้กำกับที่เก่งและทำหนังได้หลายแนว แต่เรื่องที่ผมชอบและอยากแนะนำคือเรื่อง The Social Network แม้ว่าหนังจะบอกเล่าประวัติชีวิตของ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง Facebook แต่ฟินเชอร์ก็ทำออกมาได้สนุกและชวนติดตาม ไม่มีจังหวะที่น่าเบื่อหรือชวนง่วงนอนเลยแม้ตัวละครจะพูดกันเร็วและเยอะมากจนอ่านซับแทบไม่ทัน ดูแล้วได้ข้อคิดในการดำเนินชีวิตหลายๆอย่างเลยครับ

    sunatepos@hotmail.com

  69. ผมชอบ Zodiac นะ ถึงหนังเรื่องนี้จะไม่ทำเงินเท่าไร แต่ผมว่าFincherทำเรื่องนี้ได้ดีมาก เป็นหนังที่เกี่ยวกับการฆาตกรรมที่แทบจะไม่ต้องมีฉากไล่ล่า แต่ก็ทำให้ลุ้นได้ตลอดเวลาการรับชม แค่ฉากไปเผชิญหน้าผู้ต้องสงสัยก็ทำเอาลุ้นสะเกือบหยุดหายใจ

  70. 1 ในผู้กำกับคนโปรดของผม 1 ในนั้นต้องยกให้ เดวิด ฟินเชอร์ เป็นผู้กำกับที่มีสไล์การกำกับที่ยอดเยี่ยมและมีลูกเล่นสุดๆ หนังเรื่องโปรดของผู้กำกับคนนี้ที่ผมชอบคือ The Girl with the Dragon Tattoo และ
    The Social Network แต่ที่อยากแนะนำให้คนดูคือ The Social Network

    เป็นหนังเล่าเรื่องราวของ Facebook ที่น่าดู น่าติดตาม และให้แง่คิดในหลายๆเรื่อง ชอบการตัดต่อที่ฉับไว และบทที่เจ๋งมาก ส่วนการแสดงของเจซซี่ ไอเซเบิรฺ์ก ก็ทำให้ประทับใจมาก และในปีนั้นก็ลุ้นให้ The Social Network ชนะรางวัลออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่ก็ไปไม่ถึงฝัน แต่อย่างไร The Social Network ก็คือหนึ่งในหนังที่ผมชอบที่สุด

  71. ชอบเรื่อง The Curious Case of Benjamin Button มาก เพราะพล็อตแปลกใหม่ เป็นย้อนกลับจากแก่เป็นเด็ก สนุกน่าสนใจดี

  72. Fight Club หนังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่หนังดึงให้เราอยู่กับมันได้ทั้งเรื่อง แล้วถือว่าหนังทำได้แจ๋วมากๆ ดูสนุก แถมบทส่งให้ 2 นักแสดงชายเด่นมากๆ

  73. ชอบเรื่อง seven เพราะเป็นหนังสืบสวนสอบสวนเรื่องแรกที่ดูเลย แล้วชอบมาก เดวิด ฟินเชอร์ ทำหนังได้สนุกน่าติดตามตลอดทั้ง ยิ่งตอนสุดท้ายของหนังผมยังติดตา ในกล่องที่ส่งไปให้พระเอกกับคู่หูนักสืบดูไม่ถ่ายให้เห็นในหล่องว่าอะไร เพราะหนังอยากให้เดาว่าลูก หรือชิ้นส่วนอวัยวะของเมียพระเอก แต่ให้คนดูจิตนาการเอง มันว่ามันเจ๋งมากมากสำหรับผู้กำกับคนนี้

  74. ผมชอบเรื่อง Zodiac เพราะหนังเรื่องนี้ได้รับคำชมมากมายและได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ยอดเยี่ยม 150 เรื่อง รวมไปถึงนิตยสาร Entertainment Weekly หนังสือ USA Today และ The Washing ด้วย

  75. เริ่มดูหนังของ เดวิด ฟินเชอร์ ชอบแนวเรื่องความคิดให้ความรู้มีสาระชอบมากที่สุด คือ The Social Network
    เหมือนกับเรืองใหม่ต้องดีกว่าเพราะพัฒนาอยู่เสมอ
    Email : nopadol.012@hotmail.com

  76. ผลงานของฟินเชอร์ เรียกได้ว่าเป็นหนังขึ้นหิ้้งทุกเรื่องเลยครับ แต่ที่ผมชอบและอยากแนะนำคือ”The Girl with the Dragon Tattoo” เป็นหนังที่ฟินเชอร์คุมโทนได้ดีมาก ชอบบรรยากาศในหนังที่สร้างให้ดูมืดๆดาร์กๆและไม่น่าไว้วางใจตลอดเวลา บวกกับการแสดงที่น่าอึ้งมากของRooney Mara และบทพูดที่ให้ชวนคิดและหักไปมาตลอดทั้งเรื่องทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องนึงที่น่าสนใจมากครับ

  77. ชอบ The Social Network ตรงเทคนิคการเล่าเรื่องและการตัดต่อ ซึ่ง “เท่ห์” และ “ชาญฉลาด”
    การเดินเรื่อง ที่ค่อยๆเล่าเรื่องราวในลักษณะปะติดปะต่อ เผยความจริง ความคิดเห็น และเหตุการณ์ออกมาทีละส่วน สลับตัดกลับไปมาพอเป็นพิธี ไม่ถึงกับ “งง” จนผู้ชมค่อยๆเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครทั้งหมด
    ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบัน พร้อมไปกับการลุ้นเหตุการณ์ก่อนหน้าว่ามีที่มาอย่างไร
    แถมด้วยทีเด็ด คือ การเล่าเรื่องแบบ “ไม่ฟันธง”แต่ปล่อยให้ผู้ชมภาพยนตร์คิดวิเคราะห์เอาเอง
    e-mail – nanny.c@hotmail.com

  78. ผมชอบเรื่อง Zodiac เพราะหนังเรื่องนี้ได้รับคำชมมากมายและได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ยอดเยี่ยม 150 เรื่อง รวมไปถึงนิตยสาร Entertainment Weekly หนังสือ USA Today และ The Washing ด้วย Email : same072@hotmail.com

  79. se7en คดีฆตกรรมแรกของ เดวิด ฟินเชอร์ หนังที่มืดมนเรื่องนี้ เมื่อได้ชมกลับทำให้เราได้คอยติดตามเรื่องตั้งแต่ต้นยันจบได้อย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งเหยื่อรายสุดท้ายของฆาตกรรถือเป็นซีนสุดสยองที่สุดซีนหนึ่งในโลกภาพยนตร์
    E-mail the_nightbaron13@hotmail.com
    Twitter @numnumenor

  80. ชอบหนังสืบสวนอย่าง Se7en และ Zodiac เรพาะ David Fincher เป็นผู้กำกับที่เก่งในการสร้างบรรยากาศให้กับหนังแนว suspense ที่สามารถสร้างความคลุมเครือ และคุมโทนหนังได้อย่างแม่นยำตลอดทั้งเรื่อง

  81. The Girl with the Dragon Tattoo ครับ เหตุผลคือ
    – นักแสดงเยี่ยมมาก โดยเฉพาะ Rooney mara
    – เนื้อหามีการผูกเรื่องที่ดี ชอบตอนนางเอกแก้แค้น สะใจมาก
    – มุมกล้องและภาพสวยดีตามแบบฮอลลีวู๊ด
    อีเมล์ – sksame@ovi.com

  82. ชอบฝีมือของผู้กำกับคนนี้นะคะ เพราะเวลาจะซื้อตั๋วดูหนังในโรงแต่ละทีก็ค่อนข้างเลือกมากคิดแล้วคิดอีกว่าดูแล้วจะเป็นยังไง
    แต่พอเป็นผลงานของ David Fincher ก็ติดตามดูตลอดค่ะ
    ส่วนเรื่องที่ชอบมาก คือ The Girl With the Dragon Tattoo
    ชอบมากจนต้องไปหาดีวีดีหนังต้นฉบับมาดูทั้ง 3 ภาค
    และยังคงลุ้นอยู่ให้ David สร้างภาคต่อให้ครบนะคะ ><

Leave a Reply